เคยสงสัยมั้ยครับ ว่าทำไมรถเราควบคุมยาก ไม่เหมือนกับตอนที่ซื้อรถมาใหม่ๆ บางทีขับผ่านทางขรุขระก็มีเสียงดังกุกกักที่ใต้ท้องรถจนน่ารำคาญ พอขับเร็วๆรถก็ร่อนไปมาจนเสียความมั่นใจ หากใครเจอปัญหาเหล่านี้ อาจเป็นไปได้ว่ารถคุณ “ลูกหมากเสื่อมอายุ”
รับชมรูปแบบวีดีโอได้ที่นี่
Isuzu D-Max คันนี้ อายุ 5 ปี ซึ่งเจ้าของรถคันนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ เป็นรถของเพื่อนผมเอง ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา รถคันนี้ขับลุยไปทั่วประเทศไทย ทั้งขึ้นเหนือ ล่องใต้ ไปทุกที่ ที่รถคันนี้สามารถไปได้ ผ่านมาแล้วทุกสภาพถนน ทั้งทางเรียบทางลุย และการบรรทุกหนัก จนถึงตอนนี้ก็ผ่านการใช้งานมาประมาณ 110,000 กม. รถเริ่มมีอาการเสียงดังกุกกักที่บริเวณใต้ท้องรถช่วงล้อหน้า โดยเสียงที่ดังจะชัดเจนมากเมื่อวิ่งบนถนนที่ขรุขระ และเมื่อขับบนถนนทางตรง มีความรู้สึกว่าตัวรถควบคุมยาก ซึ่งแตกต่างกับวันแรกๆที่ออกรถมาใหม่อย่างสิ้นเชิง
จึงตัดสินใจไปปรึกษาที่อู่ ตั้ม ออโต้เซอร์วิส ซึ่งที่นี่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับช่วงล่างรถยนต์ และยังเป็นตัวแทนจำหน่ายลูกหมาก JET โดยมีคุณตั้มเป็นเจ้าของอู่ครับ เมื่อเข้าไปถึงก็เล่าอาการของรถคันนี้ให้ช่างฟัง ซึ่งช่างแจ้งอาการเบื้องต้นมาว่า อาการนี้อาจเกิดจากลูกหมากที่ผ่านการใช้งานมายาวนาน เริ่มเสื่อมสภาพ จากการพูดคุยกับช่าง จึงได้ความรู้เกี่ยวกับลูกหมากมาประมาณนี้ครับ
ลูกหมาก คืออะไหล่ช่วงล่างของรถยนต์ ที่มีผลต่อความปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากลูกหมากถือเป็นหัวใจสำคัญของการเคลื่อนไหวของระบบช่วงล่างทั้งหมด ทำหน้าที่เป็นจุดหมุนและข้อต่อ โดยการทำงานจะเชื่อมอยู่ระหว่างระบบช่วงล่างกับพวงมาลัย เพื่อส่งต่อทั้งกำลัง การรับน้ำหนัก และการซับแรงกระแทกระหว่างการขับ
ในรถยนต์หนึ่งคัน ประกอบด้วยลูกหมากหลายชนิด อาทิ ลูกหมากปีกนกบน, ลูกหมากปีกนกล่าง, ลูกหมากปลายแร็ค หรือ ลูกหมากคันชักนอก, ลูกหมากคันชักใน, ลูกหมากคันส่ง, ลูกหมากแร็ค, ลูกหมากกันโคลง เป็นต้น
อายุการใช้งานของตัวลูกหมากนั้น ปกติการเสื่อมสภาพจนถึงช่วงที่ควรจะต้องเปลี่ยน จะอยู่ที่ระยะทางวิ่งประมาณ 80,000-100,000 กิโลเมตร แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับสภาพถนน พฤติกรรมการขับขี่ และ ปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย
ลูกหมากเสื่อมสภาพ รถจะมีอาการยังไง รถจะมีอาการ เสียงดังกุกกักเมื่อวิ่งบนถนนขรุขระ ซึ่งอาการนี้ผู้ขับขี่จะรู้สึกได้ชัดเจน ว่าจุดเชื่อมต่อของช่วงล่างมันดูหลวมๆ ไม่แน่นเหมือนรถใหม่ๆ ควบคุมตัวรถยากกว่าเดิม ดอกยางกินข้าง ซึ่งอาการเหล่านี้หากขับขี่ด้วยความเร็ว รถจะเกิดอาการร่อนไปมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ
หลังจากที่คุยกับช่างกันมาพักใหญ่ ช่างก็จัดการเปลี่ยนลูกหมากให้ ซึ่งรายการที่รถคันนี้เปลี่ยนมีดังนี้ครับ
- ลูกหมากปีกนกล่าง ซ้าย-ขวา
- ลูกหมากปีกนกบน ซ้าย-ขวา
- ลูกหมากแร็ค ซ้าย-ขวา
- ลูกหมากคันชักนอก ซ้าย-ขวา
- ลูกหมากกันโคลง ซ้าย-ขวา
หลังจากที่เปลี่ยนเสร็จแล้วเรียบร้อย ก็ได้นำรถไปตั้งศูนย์ และลองนำมาขับทดสอบ สิ่งที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยคือ พวงมาลัยมีความรู้สึกตึงมือขึ้นกว่าเดิม ช่วงที่ขับเปลี่ยนเลนพวงมาลัยจะหนักขึ้นเล็กน้อย เสียงดังกุกกักหายไปแบบ100% ได้ความรู้สึกเหมือนขับรถใหม่ ช่วงล่างแน่นขึ้น ไม่มีเสียงดังของช่วงล่างให้ได้ยินเลย เข้าโค้งได้มั่นใจขึ้น วิ่งทางตรงใช้ความเร็วแล้วรถไม่แกว่ง
สรุปโดยรวมแล้วถามว่าพอใจมั้ยกับผลลัพธ์ที่ได้มา ตอบได้เลยว่าพอใจมาก เพราะหลังจากที่เปลี่ยนมา ความรู้สึกแตกต่างจากเดิมอย่างชัดเจน เสียงต่างๆที่ดังตรงช่วงล่างหายไป ขับขี่ในทางตรงและทางโค้งมั่นใจขึ้น อารมณ์เหมือนได้ช่วงล่างใหม่ป้ายแดงอีกครั้ง
ทำไมถึงต้องใช้ลูกหมาก JET ?
เพราะเป็นศูนย์กลางการผลิตชิ้นงาน เริ่มตั้งแต่การออกแบบ สร้างแม่พิมพ์ และผลิตด้วยกรรมวิธีขึ้นรูปโลหะงานร้อนและกระบวนการแปรรูปชิ้นงานทุกขั้นตอน ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย แม่นยำ ครบวงจร ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพ กลุ่ม Low Alloy Steel ที่มีองค์ประกอบทางเคมีที่เหมาะสม ตรงตามข้อกำหนดของ Jis Standard เพื่อคุณสมบัติทางกลที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ทนต่อการใช้งานหนัก ทนต่อแรงดึงและการอัดกระแทก ทนต่อการสึกหรอ ทนต่อความชื้น ทนต่ออุณหภูมิสูง-ต่ำ และลูกหมาก JET ยังผ่านกระบวนการอบชุบเพิ่มคุณสมบัติของโลหะ ทำให้ชิ้นงานมีความแข็งแรง และยังช่วยยืดอายุการใช้งานของลูกหมากให้ทนทานขึ้น ซึ่งได้รับการทดสอบแล้วโดยสถาบันยานยนต์
หากท่านใดสนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/JetballjointsOfficial/
เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่
ความคิดเห็น