เครื่องยนต์ไฮบริด คืออะไร ต่างจากเครื่องยนต์แบบธรรมดาอย่างไร ประหยัดเชื้อเพลิงกว่าแค่ไหน ในบทความนี้มีคำตอบ
รับชมรูปแบบวีดีโอได้ที่นี่
เทรนด์การใช้รถยนต์ในปัจจุบันเปลี่ยนไปมากครับ จากแต่ก่อนที่รถยนต์เป็นเครื่องยนต์แบบคาบูเรเตอร์ ช่วงที่เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์หัวฉีด แรกๆก็มีคนไม่เห็นด้วยครับ บ้างก็ไม่ไว้ใจในระบบหัวฉีด บ้างก็บอกว่าเครื่องยนต์หัวฉีดดูแลรักษายากกว่า ค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่สุดท้ายแล้วเครื่องยนต์หัวฉีดก็กลายเป็นที่ยอมรับ และใช้กันอย่างแพร่หลายจนมาถึงปัจจุบัน
ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป รถยนต์เริ่มมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดมลพิษในอากาศมากขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ปัญหาเหล่านี้จึงกลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ ว่าจะทำอย่างไรให้รถยนต์ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น และปล่อยมลพิษในอากาศให้น้อยลง ค่ายรถต่างๆจึงได้พัฒนา จนเกิดเป็นเทคโนโลยีเครื่องยนต์ไฮบริด รวมถึงค่ายยักษ์ใหญ่ อย่าง โตโยต้า ที่ได้พัฒนาเครื่องยนต์ไฮบริดมาอย่างต่อเนื่อง กว่า 20 ปี ตั้งแต่ปี 2540 ด้วยการเปิดตัวและจำหน่ายรถยนต์ระบบไฮบริดที่สมบูรณ์แบบ และยังคงพัฒนารถยนต์พลังงานทางเลือกอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน
รถยนต์ไฮบริดของโตโยต้าที่เราคุ้นเคยในประเทศไทย ก็มีอยู่มากมายครับ ทั้ง Toyota Camry ,Alphard ,Vellfire ,Prius ,C-HR และล่าสุด ทางโตโยต้าก็ได้นำเครื่องยนต์ไฮบริด มาประจำการในบอดี้ของ All-New Corolla Altisโดยเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงต้นเดือน กันยายน ที่ผ่านมา
เครื่องยนต์ไฮบริดในโตโยต้า เป็นการทำงานร่วมกัน ระหว่างเครื่องยนต์เบนซินสันดาปภายใน และมอเตอร์ไฟฟ้า ถ้าถามว่าทำไมถึงประหยัดกว่าเครื่องยนต์แบบเบนซินธรรมดา คำตอบคือเพราะไฮบริด เครื่องยนต์ไม่ได้ทำงานอยู่ตลอดเวลาครับ เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ ผมมีภาพประกอบพร้อมคำอธิบายด้านล่างครับ
ในช่วงที่รถออกตัว หรือขับขี่ที่ความเร็วต่ำ จะเป็นการขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ไฟฟ้าครับ ไฟที่ถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่ไฮบริด จะจ่ายให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า หรือพูดง่ายๆก็คือ จังหวะนี้ รถจะวิ่งด้วยไฟฟ้า 100% แต่ถ้าไฟในแบตเตอรี่ไฮบริดหมด เครื่องยนต์ถึงจะเริ่มทำงานครับ
ช่วงที่ขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานร่วมกัน พลังงานส่วนเกินที่ได้มาจากเครื่องยนต์จะถูกแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าแล้วเก็บไว้ในแบตเตอรี่ไฮบริด
ช่วงที่เร่งแซง เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานร่วมกัน ไฟที่ถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่ไฮบริดจะช่วยจ่ายออกมา เพื่อเสริมการขับเคลื่อนให้ได้อัตราเร่งที่ดีที่สุด
ในจังหวะที่ยกคันเร่ง เครื่องยนต์จะหยุดการทำงาน มอเตอร์ไฟฟ้าจะแปลงพลังงานจากการเคลื่อนที่เป็นพลังงานไฟฟ้าแล้วเก็บไว้ในแบตเตอรี่ไฮบริด หรือพูดง่ายๆก็คือ ช่วงยกคันเร่ง ไฟจะชาร์จกลับเข้าแบตเตอรี่ไฮบริด
เมื่อพูดถึงรถยนต์ไฮบริด หลายท่านมักจะนึกถึงในมุมของค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่สูง ดูแลรักษายาก ซึ่งความเป็นจริงแล้ว รถยนต์ไฮบริดก็ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในระบบหัวฉีดทั่วไปเนี่ยแหละครับ เพียงแต่ได้เพิ่มชุดมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไป ซึ่งการดูแลรักษาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเครื่องยนต์ทั่วไปเลยครับ เพราะแยกส่วนระหว่างเครื่องยนต์ และชุดมอเตอร์ไฟฟ้า
ถ้าใครเคยใช้รถยนต์ไฮบริดของโตโยต้า จะรู้กันดีครับ ว่าช่วยเซฟค่าน้ำมันไปได้หลายบาท ยิ่งผู้ที่ใช้รถเยอะๆ สามารถประหยัดค่าน้ำมันไปได้เป็นแสนๆบาทเลยนะครับ จากรูปด้านบน ถ้าเราใช้รถยนต์วันละ 70 กม./วัน ในหนึ่งปี รถยนต์ไฮบริดจะประหยัดค่าน้ำมันกว่ารถยนต์เบนซินธรรมดา ได้ถึงปีละ 12,938 บาท
นอกจากความประหยัดแล้ว โตโยต้า ยังได้พัฒนา เครื่องยนต์ไฮบริดให้มีความเสถียร อึด ถึก ทน ดูแลรักษาง่าย พร้อมการรับประกันแบบยาวๆ เรามาดูกันครับ ว่าความสบายใจที่ลูกค้าโตโยต้าจะได้รับ มีอะไรบ้าง
ขยายการรับประกันคุณภาพรถใหม่ จากเดิม 3 ปี 100,000 กม. เป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. พร้อมฟรีค่าแรงในการเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม. ให้คุณใช้งานได้แบบสบายใจ ไม่ต้องกังวลในระยะยาว
ซึ่งทั้งหมดในส่วนนี้ มูลค่ากว่า 30,000 บาท
มั่นใจได้ยิ่งขึ้นสำหรับเครื่องยนต์ไฮบริด จากการพัฒนารถยนต์ไฮบริดมากกว่า 20 ปี ด้วยการรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี และ ที่หลายท่านกังวลเรื่องอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ไฮบริด ว่าจะทนมั้ย เสื่อมไวมั้ย หมดกังวลได้เลยครับ เพราะปัจจุบัน ทางโตโยต้าได้ยืดอายุการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดเป็น 10 ปี ใช้งานกันแบบยาวๆกันไปเลยครับ เสียเคลมฟรี
นอกจากนี้ ถ้าภายใน 5 ปี เราอยากเปลี่ยนรถ สามารถนำไปขายได้ที่โตโยต้าชัวร์ เพราะทางโตโยต้าการันตีราคาขายต่อ มั่นใจได้เลยว่าราคาไม่ตกไปกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ยกตัวอย่างเช่น ราคา Hybrid 1,099,000 บาท เมื่อขายต่อ ราคาจะเหลือ 802,270 บาท (ราคาหายไป 27%) เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์เบนซินราคา 999,000 บาท เมื่อขายต่อ ราคาจะเหลือ 749,250 บาท (ราคาหายไป 25%) ทางโตโยต้าชัวร์ก็จะชดเชยส่วนต่างจากราคาที่ขายต่อให้ที่ 2% หรือมูลค่า 21,980 บาท
รถยนต์ไฮบริด จริงๆแล้วเป็นรถที่น่าใช้งานครับ เหมาะกับยุคนี้ที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 1 ลิตร แทบจะซื้อข้าวทานได้ 1 จาน หากใครบอกว่าเครื่องยนต์ไฮบริดของโตโยต้า กินน้ำมันพอๆกับเครื่องยนต์เบนซินแบบธรรมดา ผมขอเถียงขาดใจครับ เพราะจากการที่ผมได้ขับทดสอบในรถยนต์ All-New Corolla Altis กับการขับใช้งานจริง บนเส้นทางจริงใน กทม. ผมยังสามารถทำได้ 21-23 กม./ล. ซึ่งเป็นการขับขี่แบบปกติ ไม่ได้เกร็งเท้า ไม่ได้ปล่อยรถไหล และผมเชื่อว่า ถ้าเท้าเบากว่านี้ คงได้ตัวเลขที่สวยกว่านี้แน่นอน นอกจากช่วยเซฟค่าน้ำมันไปได้เยอะแล้ว ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้น
หากท่านใดสนใจอยากทดลองสัมผัสการขับขี่ด้วยตัวเอง สามารถติดต่อขอทดลองขับได้ที่โชว์รูมโตโยต้าใกล้บ้านท่านได้ครับ หรือถ้าสนใจอยากเป็นเจ้าของ ทางโตโยต้า ก็มีโปรโมชั่นดีๆ ออกมาเรื่อยๆ ติดตามโปรโมชั่นต่างๆได้ที่ www.toyota.co.th
เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่
ความคิดเห็น