เปรียบเทียบกันจุดต่อจุด รถยนต์อเนกประสงค์ PPV รุ่นไหนน่าสนใจ Share this

เปรียบเทียบกันจุดต่อจุด รถยนต์อเนกประสงค์ PPV รุ่นไหนน่าสนใจ

Champ Autospinn
โพสต์เมื่อ 31 March 2563

ปัจจุบัน รถยนต์อเนกประสงค์ PPV ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อไปใช้งาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรถยนต์ PPV สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งบรรทุกคน บรรทุกของ อีกทั้งยังเป็นรถที่สามารถใช้งานได้ทั้งในเมือง และนอกเมือง


รถยนต์กลุ่ม PPV มีโครงสร้างพื้นฐานมาจากรถกระบะ ถูกออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยภายใน และมีจำนวนที่นั่งสำหรับผู้โดยสารที่เยอะกว่ารถกระบะ และรถเก๋ง เป็นรถยกสูง มีช่วงล่างที่ถูกออกแบบให้มีความนุ่มนวลกว่ารถกระบะ สามารถลุยไปได้ทุกที่

ด้วยตัวเลือกของรถยนต์ PPV ที่มีอยู่มากมาย ซึ่งยากต่อการตัดสินใจ ในบทความนี้ ผมจึงรวบรวมรถยนต์ PPV ยอดนิยม ที่มีผู้สนใจเป็นอันดับต้นๆ มาเปรียบเทียบกันแบบจุดต่อจุด เพื่อง่ายต่อการตัดสินใจครับ โดยรถที่จะเปรียบเทียบ มีทั้งหมด 4 รุ่น ยอดนิยม ได้แก่ Ford Everest , Isuzu Mu-X , Toyota Fortuner และ Mitsubishi Pajero Sport

การดีไซน์

ในเรื่องของการดีไซน์ คงพูดยากครับ ว่ารุ่นไหนสวยกว่ากัน เพราะมันอยู่ที่ความชอบของแต่ละคน แต่ถ้าดูจากทั้ง 4 รุ่นแล้ว ในเรื่องของความดุดัน แข็งแกร่ง คงหนีไม่พ้น Ford Everest ที่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่สะท้อนความแข็งแกร่ง ผสานกับเส้นสายอันโค้งมนแบบเรียบง่าย โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ ที่รับเข้ากับชุดโคมไฟหน้าได้อย่างลงตัว ซึ่งการดีไซน์หน้าตาแบบนี้ มาในช่วงปี 2015 ก่อนที่จะมีการไมเนอร์เชนจ์เล็กน้อยแล้วขายมาถึงปัจจุบัน ซึ่งในรุ่นท็อปสุดมีออปชั่นมาให้แบบจัดเต็ม

ภายนอก มาพร้อมไฟหน้า ที่เป็นแบบ LED โปรเจคเตอร์ ควบคุมการเปิด-ปิด ไฟหน้าแบบอัตโนมัติ พร้อม Day Time Running แบบ LED ด้านล่างสุดมีไฟตัดหมอก,ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ, ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ, ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ราวหลังคาพร้อมบันไดข้าง, หลังคา Panoramic Moonroof, ไฟท้าย LED, ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี และกล้องมองหลังขณะถอย

ภายใน และความสะดวกสบาย จัดเต็มด้วยออปชั่นมากมาย เช่น เบาะคู่หน้าเป็นเบาะหนังปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะแถวที่ 2 ปรับเอนและเลื่อนหน้า-หลังได้ มีแอร์หลังแบบอัตโนมัติ แยกอิสระ ซ้าย-ขวา เบาะแถว 3 พับไฟฟ้า ภายในเบาะหนังตกแต่งด้วยโทนสีดำ, กระจกมองหลังตัดแสง และมีช่องต่อ USB ที่ด้านหลังของกระจก, ช่องต่อ USB, ช่องจ่ายไฟ 12V ,ปลั๊กไฟบ้าน AC 230V,ชายบันไดมีไฟ LED, กุญแจแบบอัจฉริยะพร้อมปุ่ม Push Start, เทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวน

ระบบเครื่องเสียง หน้าจอเครื่องเล่นระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto, ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC ™ 3 ภาษาไทย พร้อมการเชื่อมต่อ Bluetooth มีแผนที่นำทาง ลำโพงทั้งหมด 9 จุด

เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ Ford Everest ถ้าเทียบกับคู่แข่งแล้ว ถือว่ามีเทคโนโลยี ที่นอกเหนือจากเทคโนโลยีพื้นฐานมาให้ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว เช่น ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างแบบอัตโนมัติ, ระบบช่วยควบคุมตัวรถให้อยู่ในช่องทาง, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน, ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบแจ้งเตือนการขับขี่, ระบบช่วยจอดแบบอัตโนมัติ โดยรถสามารถถอยเข้าช่องจอด โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องจับพวงมาลัยเลย

Isuzu Mu-X จะเป็นแนวสวยแบบเรียบง่าย หน้าตาดูล้ำสมัย หากย้อนไปประมาณปี 2013 ช่วงที่ อีซูซุ มิวเอ็กซ์ เปิดตัวแรกๆ ตอนนั้นยอมรับครับ ว่าสวยมาก เพราะเปลี่ยนหน้าตาก่อนเพื่อนเลย ต่อมาประมาณปี 2017 ได้ไมเนอร์เชนจ์ด้วยการเปลี่ยนหน้าตาเล็กน้อย พร้อมกับเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.9 ลิตร แต่ก็ยังมีเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร ขายอยู่ ซึ่งเป็นค่ายเดียวที่ยังจำหน่ายรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร

ภายนอก มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ Bi-LED พร้อมระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ ไฟ Daylight แบบ LED, ไฟตัดหมอก, ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง, ราวหลังคาพร้อมบันไดข้าง, ไฟท้ายเป็นแบบ LED และกล้องมองหลังขณะถอย

ภายใน เป็นเบาะหนัง แต่สำหรับเบาะผู้ขับขี่ จะได้เป็นแบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะแถวที่ 2 ปรับและพับได้ เบาะแถวที่ 3 ก็พับได้เช่นกัน แต่ในการพับจะเป็นแบบ Manual, กุญแจแบบอัจฉริยะพร้อมปุ่ม Push Start, ช่องต่อ USB, ช่องจ่ายไฟ 12V, ปลั๊กไฟบ้าน AC 220V, แอร์หลัง ,กระจกตัดแสง

ระบบเครื่องเสียง หน้าจอเครื่องเล่นระบบสัมผัส 8 นิ้ว Isuzu iConnect สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth, USB, AUX, แผนที่นำทาง และมีลำโพง 10 ตัว

Toyota Fortuner เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งในโฉมนี้ มาในช่วงประมาณปี 2015 สร้างเสียงฮือฮาได้พอสมควร เพราะฐานลูกค้าของโตโยต้ามีเยอะ อีกทั้งฟอร์จูนเนอร์ยังเป็นรถที่ขับแล้วดูภูมิฐาน

ภายนอก มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ ที่เป็นแบบ Bi-Beam LED ควบคุมการเปิด-ปิด ไฟหน้าแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow me home ปรับไฟสูง-ต่ำแบบอัตโนมัติ, ไฟ Daytime Running Lights, ไฟตัดหมอกหน้า, ราวหลังคาพร้อมบันไดข้าง, ไฟท้ายแบบ Light Guiding, ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า, กล้องมองหลังขณะถอย,ไฟตัดหมอกหลัง

ภายใน เป็นเบาะหนัง เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง เบาะแถวที่ 2 ปรับและพับเก็บได้ เบาะแถวที่ 3 ปรับและพับเก็บได้เช่นเดียวกัน แต่จะเป็นแบบ Manual, ไฟห้องโดยสารแบบ LED, กุญแจรีโมทสมาร์ทคีย์ พร้อมปุ่ม Push Start, ช่องต่อ USB, ช่องจ่ายไฟ 12V, ปลั๊กไฟบ้าน AC 220V, แอร์หลัง

ระบบเครื่องเสียง หน้าจอเครื่องเล่นระบบสัมผัส เชื่อมต่อ Bluetooth พร้อมระบบ T-connect, ระบบโทรออกด้วยเสียง, ระบบนำทาง, ลำโพง 9 ตำแหน่ง 11 ตัว

Mitsubishi Pajero Sport ในโฉมนี้มาช่วงประมาณปี 2015 ในความรู้สึกผมคือเป็นรถที่มีการออกแบบที่ดูล้ำสมัย จุดเด่นอยู่ที่ไฟท้าย ที่หลายคนบอกว่ามันเหมือนไม้เท้า ด้วยเหตุนี้เอง รุ่นไฟท้ายไม้เท้า จึงกลายเป็นฉายาของปาเจโร่สปอร์ตโฉมนี้

ภายนอก ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ Bi-LED พร้อมระบบปรับระดับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ, ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ Spectrum LED, ไฟส่องสว่างขณะเลี้ยวแบบ LED, ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED, บันไดข้าง, ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี และปุ่มปิดฝาท้ายพร้อมล็อกรถ, ไฟท้ายพร้อมไฟเบรกแบบ LED, ระบบไฟสว่างอัตโนมัติเมื่อปลดล็อก ทำงานร่วมกับระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบไฟนำทางหลังดับเครื่องยนต์, ระบบน้ำฉีดล้างไฟหน้า, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ

ภายใน ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย, กุญแจอัจฉริยะ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์, จอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมเมนูภาษาไทย แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว, เบาะคู่หน้าปรับระดับได้ 8 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า, เบาะแถวที่ 2 พนักพิงสามารถปรับเอนและพับไปด้านหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการใช้งาน เบาะแถวที่ 3 พนักพิงสามารถปรับเอนได้ ปรับแบนราบกับพื้นห้องโดยสารได้, ช่องจ่ายไฟ DC 12V 2 ตำแหน่ง, ปลั๊กไฟบ้าน AC 220V บริเวณคอนโซลกลางด้านหลัง, ช่องต่ออุปกรณ์ USB สำหรับชาร์จไฟ บริเวณคอนโซลกลางด้านหลัง 2 ตำแหน่ง, ช่องต่ออุปกรณ์ USB บริเวณด้านหน้า 2 ตำแหน่ง, กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ, ระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัยแบบแปรผันอัตโนมัติ, ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารนาโนอิ, แอร์หลัง

ระบบเครื่องเสียง หน้าจอระบบสัมผัส 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน SDA พร้อมระบบนำทาง รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto, ช่องต่ออุปกรณ์ HDMI, ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ แบบ A2DP, ระบบ Hands-Free และ Voice Command, จอภาพแบบ Wide Screen ขนาด 12.1 นิ้ว พร้อมรีโมท, เชื่อมต่อ HDMI และ USB สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, หูฟังอินฟราเรด 2 ชุด สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, รองรับการเชื่อมต่อระบบ M-Connect, ระบบสั่งการทำงานผ่านสมาร์ทโฟนในระยะสัญญาณบลูทูธ, ลำโพง 6 ตำแหน่ง

เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน, ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา, ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน, ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด, ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน, กล้องมองภาพรอบคัน พร้อมเส้นกะระยะ และเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ, สัญญาณกะระยะจอดด้านหน้าและหลัง

ซึ่งถ้าดูที่ออปชั่นภายนอกของแต่ละรุ่น ส่วนใหญ่จะใกล้เคียงกัน แต่ใน Ford Everest มีจุดเด่นหลักๆ คือ ได้หลังคา Panoramic Moonroof ซึ่งในคู่แข่งรุ่นอื่นๆ ไม่มี ในส่วนของภายใน ถ้าเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน แต่ละรุ่นจะใกล้เคียงกัน แต่ถ้าเป็นในเรื่องของเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ จะมี Ford Everest และ Mitsubishi Pajero Sport ที่จะโดดเด่นกว่าคู่แข่ง

เครื่องยนต์

Ford Everest

เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 L Turbo
กำลังสูงสุดที่ 180 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร / 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที
เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมโหมดเปลี่ยนเกียร์ธรรมดา
เครื่องยนต์ 2.0 L Bi-Turbo เทอร์โบคู่
กำลังสูงสุดที่ 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร / 1,750 – 2,000 รอบต่อนาที
เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมโหมดเปลี่ยนเกียร์ธรรมดา

Isuzu Mu-X

เครื่องยนต์รหัส RZ4E-TC 1.9 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ระบายความร้อนด้วยน้ำ คอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่น พร้อม VGS เทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์
กำลังสูงสุดที่ 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร / 1,800 – 2,600 รอบต่อนาที
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

เครื่องยนต์รหัส 4JJ1-TCX 3.0 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ระบายความร้อนด้วยน้ำ คอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่น พร้อม VGS เทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์
กำลังสูงสุดที่ 177 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร / 1,800 – 2,800 รอบต่อนาที
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

Toyota Fortuner

เครื่องยนต์รหัส 2GD-FTV 2.4 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler
กำลังสูงสุดที่ 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร / 1,600 – 2,000 รอบต่อนาที
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

เครื่องยนต์รหัส 2GD-FTV 2.8 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler
กำลังสูงสุดที่ 177 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร / 1,600 – 2,400 รอบต่อนาที
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

Mitsubishi Pajero Sport

เครื่องยนต์รหัส 4N15 2.4 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC16 วาล์ว พร้อมวาล์วไอดีแปรผัน,เทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์
กำลังสูงสุดที่ 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร / 2,500 รอบต่อนาที
เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด

หากดูตามตารางด้านบน จะเห็นได้ว่า เครื่องยนต์ของ Ford Everest มี ซีซี ที่น้อยที่สุด แต่กลับมีแรงม้าและแรงบิดสูงที่สุด นั่นเป็นเพราะว่า เครื่องยนต์ของ Ford Everest ใช้เทอร์โบคู่ จึงมีพละกำลังที่เหนือกว่าคู่แข่ง หรือพูดง่ายๆก็คือเครื่องแรงกว่านั่นเอง นอกจากนี้ Ford Everest ยังเป็นเกียร์แบบ 10 สปีด ทำให้การวิ่งทางไกลเครื่องยนต์มีรอบเครื่องที่ต่ำ รองลงมาคือ Mitsubishi Pajero Sport ,Toyota Fortuner และรั้งท้ายด้วย Isuzu Mu-X

ราคาของรุ่นที่นำมาเปรียบเทียบ

  • Ford Everest รุ่น 2.0 Bi-Turbo Titanium+ 4x4 10AT ราคา 1.799 ล้านบาท
  • Isuzu Mu-X รุ่น 3.0 Ddi Da DVD Navi 4x4 6AT ราคา 1.486 ล้านบาท
  • Toyota Fortuner 2.8 V 4x4 6AT ราคา 1.673 ล้านบาท
  • Mitsubishi Pajero Sport 2.4 GT Premium 4x4 8AT ราคา 1.599 ล้านบาท

โปรโมชั่น

  • Ford Everest ทุกรุ่น อัตราดอกเบี้ย 0% ดาวน์ 30% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
  • Isuzu Mu-X ทุกรุ่น อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน
  • Toyota Fortuner ดาวน์เริ่มต้นที่ 15% ผ่อน 84 เดือน ดอกเบี้ยพิเศษ เมื่อดาวน์ 25% ขึ้นไป ผ่อน 48 เดือน
  • Mitsubishi Pajero Sport เลือกรับดาวน์ 0% และ มิตซูบิชิช่วยผ่อน หรือ ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% และ รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี

สุดท้ายนี้ผมหวังว่าข้อมูลต่างๆ เหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์อเนกประสงค์ PPV ไว้ใช้งานนะครับ ซึ่งรถแต่ละรุ่นที่ผมได้นำมาเปรียบเทียบในครั้งนี้เป็นรุ่นท็อปสุดของแต่ละค่ายครับ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ผมแนะนำให้ไปทดลองขับด้วยตัวเองที่โชว์รูมจะดีกว่าครับ

อ่านสาระน่ารู้เกี่ยวกับรถยนต์คลิก ที่นี่

เช็กราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่ ที่นี่

ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่

มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ