ฟิล์มกรองแสงรถ หรือฟิล์มติดรถ ในตลาดมีหลายแบรนด์ แต่มีหลักการที่อธิบายคล้ายคลึงกันตามระดับความเข้มของฟิล์ม 40, 60, และ 80 เราจะมาแจกแจงให้ทราบว่า ฟิล์มติดรถยนต์แต่ละเบอร์ หมายถึงอะไร?
ฟิล์มติดรถยนต์แต่ละเบอร์ หมายถึงอะไร??
ฟิล์มติดรถยนต์ 40, 60 ,80 เป็นการเรียกตามระดับความเข้มของฟิล์ม โดยไม่มีหลักเกณฑ์การวัดที่แน่นอน ในที่นี้ขออธิบายแบบกระชับ เข้าใจง่าย
- ฟิล์ม 40% หมายถึงฟิล์มใส ที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ 35% ขึ้นไป
- ฟิล์ม 60% หมายถึงฟิล์มเข้ม ที่มีค่าของแส่งส่องผ่านได้ประมาณ 20%
- ฟิล์ม 80% หมายถึงฟิล์มเข้มที่สุดที่มีค่าของแส่งส่องผ่านได้ประมาณ 5%
ฟิล์มกรองแสง แบ่งเป็น
- ฟิล์มกรองแสงที่ไม่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสีที่มาจากแสงแดด สามารถกรองได้เฉพาะแสงจากดวงอาทิตย์ให้อ่อนลงได้เท่านั้น ฟิล์มประเภทนี้จะลดความเข้มของแสงได้เพียงอย่างเดียว แต่ไม่สามารถกรองหรือลดอันตรายจากความเข้มของรังสีต่าง ๆ ที่มาพร้อมแสงแดดได้ ฟิล์มแบบนี้จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม
- ฟิล์มกรองแสงที่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสีที่มาจากแสงแดด มีการเพิ่มวัสดุพิเศษเข้าไปในชั้นฟิล์ม วัสดุพิเศษจะมีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันและกรองรังสีต่าง ๆ ในแสงแดดที่จะทำอันตรายต่อทั้งอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารและตัวผู้โดยสาร มีทั้ง ฟิล์มอินฟราเรด ฟิล์มนิรภัย เป็นต้น
ในไทยอากาศร้อน การเลือกฟิล์มกรองแสงที่เหมาะสมกับการใช้งานจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องคำนึงถึง นอกจากจะเลือกฟิล์มที่ไม่มืดจนเกินไป มิฉะนั้น เวลาขับรถช่วงฝนตก หรือช่วงกลางคืน จะก่อให้เกิดอันตรายจากการมองไม่เห็น หรือมองไม่ชัดเจน
ดังนั้นหากต้องการติดฟิล์ม จะต้องดูรหัสฟิล์มสี ฟิล์มจากทางร้านและสั่งกับทางผู้ติดตั้งตามรหัสฟิล์มที่ระบุในตัวอย่างฟิล์ม เนื่องจากฟิล์มแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกัน สำหรับอายุเฉลี่ยของฟิล์มติดรถยนต์อยู่ระหว่าง 5 ปี หากฟิล์มพอง สีซีด ลอก คงต้องถึงเวลาเสียตังค์อีกแล้ว
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น