Mercedes-Benz GLA 250 AMG Dynamic 2020-2021 รถยุโรปรุ่นเริ่มต้น ที่มาพร้อมกับชุดแต่ง AMG พร้อมขุมพลังอันสุดแสนทรงพลังตามสไตล์ AMG ในราคาที่เอื้อมถึงได้ง่าย
Mercedes-Benz GLA 250 AMG 2020-2021 รถยุโรปรุ่นเริ่มต้น
Mercedes-Benz ยนตรกรรมชั้นนำสัญชาติเยอรมัน ผู้บุกเบิกเข้าสู่เมืองไทยมานับร้อยปีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ผ่านร้อน ผ่านหนาว ในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน เรียกได้ว่าอยู่คู่สังคมไทยมาอย่างช้านาน เป็นสัญลักษณ์แห่งความพรีเมี่ยม หรูหรา นอกจากเป็นยานพาหนะให้กับผู้ใช้งานแล้ว ยังเป็นเครื่องมือเสริมภาพลักษณ์ให้กับผู้ขับขี่ด้วยตัวของแบรนด์ Mercedes-Benz นั่นเอง
เบนซ์ ตระกูล GLA เป็นรถยนต์รุ่นที่มีราคาเริ่มต้นน้อยที่สุดในปัจจุบันของรถเบนซ์ในประเทศไทย โดยมีราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านบาท มีทอน นับว่าเป็นรถยนต์อีกตระกูลหนึ่งที่ทำยอดขายได้เป็นอันดับต้นๆ และมีผู้ใช้งานในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ด้วยราคาเริ่มต้นที่พอจับต้องได้ ซึ่งหลายๆ ท่านมักจะนำราคาจากรถยนต์ญี่ปุ่นรุ่นท็อปมาเทียบ ซึ่งปัจจุบันราคาก็เหยียบ 2 ล้านบาทไปหลายรุ่นไม่เบา แต่ในระดับราคาใกล้เคียงรถญี่ปุ่นรุ่นท็อปคลาสนั้น เมื่อ "เพิ่มอีกนิด" เราก็สามารถขับขี่ยนตรกรรมจากเยอรมันนี้ได้ ในตระกูล GLA
อ่านบทความ รถยนต์คันแรกในประเทศไทย
Benz GLA 250 AMG มีดี
รถยนต์ที่เรานำมารีวิวในบทความนี้ เป็น Mercedes-Benz GLA 250 AMG Dynamic หรือเป็น "พี่คนกลาง" ในตระกูล GLA นั่นเอง โดยพี่น้องในตระกูลนี้มีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ GLA 200, GLA 250 และ GLA 45
ดีไซน์ภายนอกส่วนใหญ่ของ GLA 250 เป็นรถยนต์ SUV ที่มีภาพลักษณ์ค่อนข้างสปอร์ต โดดเด่นมาแต่ไกลด้วยกระจังหน้าของตัวรถแบบ AMG อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมสัญลักษณ์ของแบรนด์ขนาดใหญ่ ติดตั้งที่กลางกระจังหน้ารถ เสริมภาพลักษณ์ความพรีเมี่ยมได้เป็นอย่างดี
บริเวณชายด้านล่างของตัวรถทั้งคัน ติดตั้งสเกริตแต่ง AMG สีโครเมี่ยม ช่วยเสริมความหรูหราให้กับตัวรถ แถมช่วยขับภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี
ไฟหน้า เป็นไฟแบบ LED ประสิทธิภาพสูงแบบปรับไฟอัตโนมัติ ที่รวมเอาทั้งไฟสูงและไฟต่ำในโคมเดียวกัน โดยมีคิ้วไฟ DRL แบบเส้น ตัดของอยู่ด้านบนกรอบไฟหน้า เสริมความเด่นให้กับตัวรถ ซึ่งไฟหน้าตัวนี้มีคุณสมบัติของความเข้มแสงที่เทียบเท่ากับแสงแดดของดวงอาทิตย์ในเวลากลางวัน ซึ่งเมื่อใช้งานขับขี่ในเวลากลางคืนจะรู้สึกสบายตา และมองเห็นถนนได้อย่างชัดเจน
ด้านข้าง โดดเด่นมาแต่ไกลด้วยล้อแม็กขนาด 19" ลายสปอร์ตแบบ AMG 14 ก้าน สีดำเงา รัดยางแบบ Runflat
ส่วนที่มือจับประตู เป็นระบบ Hands-free access เมื่อล้วงมือเข้าไปในเบ้าประตู ก็สามารถเปิดประตูรถได้ทั้ง 4 บาน และสามารถตั้งค่าให้เปิดเฉพาะฝั่งคนขับอย่างเดียวได้
ถัดมาด้านหลัง โดดเด่นด้วยไฟท้าย LED เอกลักษณ์ของตระกูล GLA ส่วนประตูห้องเก็บสัมภาระ เป็นระบบไฟฟ้า สามารถเตะไปที่ใต้ท้องรถ เพื่อเปิด/ปิดประตูได้
ส่วนกล้องมองหลังของรถรุ่นนี้ จะซ่อนอยู่บริเวณเหนือกรอบป้ายทะเบียน โดยจะโผล่ออกมาเมื่อใส่เกียร์ถอยเท่านั้น หากไม่ได้ใส่เกียร์ถอย ตัวกล้องจะพับซ่อนเองโดยอัตโนมัติ
พื้นที่เก็บสัมภาระ ให้มาเพียงพอกับจำนวนผู้โดยสารภายในรถ สามารถใส่กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ได้ 2 ใบ และขนาดกลางอีก 2 ใบได้สบายๆ
ด้านบน พิเศษสำหรับรุ่น GLA 250 จะมีหลังคาพาโนรามิก ซันรูฟ มาให้ สามารถเปิด/ปิดได้ และมีราวหลังคาติดตั้งมาให้แล้ว
เปิดเข้ามาภายในรถ ต้อนรับด้วยไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร ซึงสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 12 เฉดสีด้วยกัน ส่วนนี้ผมค่อนข้างชื่นชอบเป็นการส่วนตัว เพราะเขาตกแต่งห้องโดยสารด้วยการวางตำแหน่งไฟได้ดีจริงๆ ช่วยเสริมความพรีเมี่ยมให้กับตัวรถได้เป็นอย่างดี โดยบริเวณชายบันได มีสัญลักษณ์ Mercedes-Benz ส่องสว่างมาให้ด้วย
เบาะนั่งตอนหน้า เป็นหนังเดินด้านแดงทรงสปอร์ต โอบลำตัวได้กระชับกำลังดี ปรับไฟฟ้าทุกทิศทาง พร้อมปรับระดับการดันหลังได้ อีกทั้งยังมีปุ่มตั้งค่าการปรับเบาะนั่งมาให้จำนวน 3 โปรไฟล์ด้วยกันทั้ง 2 ฝั่ง
บริเวณคอนโซลด้านหน้า ภาพลักษณ์ดูคร่าวๆ ค่อนข้างพรีเมี่ยมตามเอกลักษณ์ของ Mercedes-Benz วัสดุคอนโซลหน้าเป็นพลาสติก บุนิ่ม แต่ไม่ถึงกับนุ่มมากนัก บริเวณจอมัลติมีเดียตรงกลาง เป็นจอธรรมดา ไม่ทัชสกรีน ควบคุมการทำงานทั้งหมดผ่านแป้นหมุนบริเวณที่วางแก้วน้ำตรงกลาง โดยเจ้าหน้าจอตัวนี้ รอบรับการทำงานของ Apple CarPlay ด้วย
ปุ่มกดต่างๆ บริเวณนี้ สะท้อนความร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี บอกเลยว่าเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ จนถึงปัจจุบัน แม้ว่าปุ่มกดตรงนี้จะดูย้อนวัยไปสักหน่อย แต่ก็ใช้งานได้ง่ายดี เพราะการจะเรียกใช้โหมดการทำงานต่างๆ ของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นระบบมัลติมีเดีย, ระบบนำทาง, ระบบการทำงานของตัวรถ ก็สามารถกดปุ่มนั้นๆ ได้เพียงครั้งเดียว ไม่ต้องคอยเลื่อนเข้าตามเมนูย่อยๆ แบบรถบางรุ่นในปัจจุบัน
ส่วนระบบปรับอากาศ ให้มาเป็นแบบอัตโนมัติ แยก 2 โซน
พวงมาลัย เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ปรับระดับขึ้น-ลง, ใกล้-ไกล ได้ ควบคุมการทำงานของตัวรถเกือบทั้งหมดบนพวงมาลัยได้เลย ขนาดของพวงมาลัยไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป มีน้ำหนักค่อนข้างเบามาก เมื่อขับในย่านความเร็วต่ำ แต่ยังสัมผัสได้ถึงความแน่น และแม่นยำของพวงมาลัย และเมื่อขับในย่านความเร็วสูง พวงมาลัยก็ตอบสนองได้ดีเยี่ยม คม หน่วงมือกำลังดี นอกจากนี้ยังติดตั้งปุ่มเพิ่ม-ลดเกียร์ มาให้ที่พวงมาลัย สำหรับท่านที่ต้องการความสปอร์ต อยากเปลี่ยนเกียร์เอง ก็สามารถทำได้
ส่วนคันเกียร์ของรถคันนี้ จะติดตั้งอยู่บริเวณด้านขวาของพวงมาลัย ลักษณะคล้ายกับก้านปัดน้ำฝน
หน้าจอเรือนไมล์ รวมเอาทั้งแบบเข็มและดิจิตอลไว้ได้อย่างลงตัว โดยตัวเข็มวัด จะใช้งานในส่วนมาตรวัดความเร็ว, รอบเครื่องยนต์, ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง และอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น ส่วนหน้าจอดิจิตอลตรงกลาง จะบอกข้อมูลการขับขี่อื่นๆ อาทิเช่น การเปิดประตู, โหมดการขับขี่, จับทริป, ระบบล็อกความเร็ว ฯลฯ
ที่นั่งผู้โดยสารด้านหลัง ค่อนข้างกระทัดรัดสักหน่อย มีที่เท้าแขน พร้อมที่วางแก้วมาให้ตรงกลาง พร้อมแอร์ตอนหลัง นั่ง 2 คนกำลังสบายๆ ถ้า 3 คนก็พอได้ แต่จะแน่นนิดๆ
เครื่องยนต์ใน GLA 250 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาดความจุ 1,991 ซีซี พ่วงระบบเทอร์โบชาร์จ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ DCT 7 สปีด มอบพละกำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,200 - 4,000 รอบ/นาที โดยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ด้วยตำแหน่งเกียร์ D โหมดการขับขี่แบบ Sport ทำได้ที่ 8 วินาที และหากชิพเกียร์เอง จะใช้เวลาราวๆ 7 วินาทีเท่านั้น
ระบบความปลอดภัยของ GLA 250
ในส่วนของระบบความปลอดภัยพื้นฐานของ Mercedes-Benz GLA 250 คันนี้ มีมาให้ครบครันไม่ว่าจะเป็น
- ระบบเรด้าเตือนการชนด้านหน้า
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และด้านข้าง
- ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง
- เข็มขัดนิรภัย 3 จุด 5 ตำแหน่ง
- กล้องถอยหลัง
- ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน
- ยาง Runflat
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
GLA 250 สเป็คและราคา
เครื่องยนต์ | ฺ4 สูบเรียง 4 วาล์วต่อสูบ พร้อมเทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์ |
ปริมาตรกระบอกสูบ | 1,991 ซีซี |
พละกำลังสูงสุด | 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที |
แรงบิดสูงสุด | 250 นิวตันเมตร ที่ 1,200 - 4,000 รอบ/นาที |
เกียร์ | DCT 7 สปีด |
ระบบขับเคลื่อน |
2 ล้อหน้า |
ระบบกันสะเทือนหน้า / หลัง | แมคเฟอร์สันสตรัท / ปีกนกคู่ |
ระบบเบรคหน้า/หลัง | ดิสเบรค พร้อมครีบระบายความร้อน |
ขนาดยางล้อ | 235 / 45 R19 |
ถังน้ำมัน | 50 ลิตร |
ราคา | 2,390,000 บาท |
มิติรถ
ขนาด ยาว x กว้าง x สูง (มม.) | 4,443 x 1,804 x 1,483 |
ระยะฐานล้อ | 2,700 มม. |
Mercedes-Benz GLA 250 ทดลองขับ
ในส่วนของการทดสอบขับขี่ GLA 250 ผมได้ทดสอบขับขี่ทั้งการขับในเมือง และการขับเดินทางไกลบนถนนไฮเวย์
สัมผัสแรกที่ได้จากรถคันนี้ ในระหว่างการขับขี่ในเมืองคือ พวงมาลัยของตัวรถที่มีขนาดค่อนข้างกระชับ มีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบามาก แต่ให้ความรู้สึกที่แน่น ทำให้การเลี้ยวรถที่ต้องหมุนพวงมาลัยมากๆ ทำได้ง่ายมาก ในส่วนของช่วงล่างเอง ถูกปรับเซ็ตมาให้เหมาะสมกับการใช้งานทั่วไป การขับขี่ในเมืองบอกเลยว่าสบายมากๆ รถให้ความนุ่มนวลที่ดีมาก เก็บรอยต่อถนน ซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม ฝาท่อ คอสะพาน ลูกระนาด เรียกได้ว่าซับได้เกือบหมดจรดทุกเม็ด
การเซ็ตเร่งของตัวรถสำหรับการขับขี่ในเมืองนั้นทำมาได้ดี คันเร่งละเอียดมากๆ การแตะเบาๆ สามารถเรียกอัตราเร่งของตัวรถออกมาได้อย่างนุ่มนวล แล้วถ้าอยากเร่งแซงฉับพลัน เพียงกดคันเร่งเพิ่มเข้าไป รถก็พร้อมจะพาคุณพุ่งไปข้างหน้าได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องคอยลุ้น
เบาะนั่งของตัวรถ เมื่อขับในเมืองกับการจราจรกันแสนจะติดขัด แม้ว่าจะออกแข็งๆ สักนิดนึง แต่ก็ยังนั่งสบายมากๆ ไม่มีปัญหาเรื่องของเบาะแต่อย่างใด
คันเกียร์ Mercedes-Benz GLA
คันเกียร์ที่ติดตั้งอยู่ด้านขวา แทนตำแหน่งที่ปัดน้ำฝนแบบรถทั่วไป ซึ่งในการใช้งานจริงทำได้ง่ายมากๆ ส่วนตัวมองว่า หากฝึกใช้คนชำนาญแล้ว ค่อนข้างคล่องตัวมากกว่าคันเกียร์ที่อยู่ตรงกลาง เพราะว่ามือของผู้ขับไม่จำเป็นต้องละจากพวงมาลัย เพื่อควบคุมเกียร์เลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะจังหวะจอดรถตามห้างสรรพสินค้า ที่ต้องเดินหน้า-ถอยหลัง ด้วยความรวดเร็ว เจ้าคันเกียร์ตัวนี้ ตอบโจทย์มากๆ
ซึ่ง เราไม่ต้องกังวลว่า เวลาขับมือจะเผลอไปโดนคันเกียร์แล้วรถจะเป็นอะไรไหม คำตอบก็คือ หากเราอยู่ในเกียร์ D หากจะเข้าเกียร์ R หรือ P รถต้องหยุดนิ่ง และเหยียบเบรกก่อน ระบบจึงจะยอมให้เปลี่ยนไปยังเกียร์ดังกล่าว เพราะงั้นแล้ว หายห่วงได้เรื่องมือจะเผลอไปโดน
ในส่วนของการขับทางไกล เรียกได้ว่าเป็นการรีดสมรรถนะของตัว GLA 250 ออกมาได้อย่างโดดเด่น อัตราเร่งจาก 80-120 ของตัวรถ กดเป็นมาแบบไม่ต้องลุ้น เรียกรอบเครื่องยนต์มาเบาๆ รถก็สามารถรีดอัตราเร่งไปยังความเร็วที่เราต้องการได้อย่างง่ายๆ โดยในการขับทางไกล สิ่งที่สัมผัสได้อีกอย่างคือช่วงล่างของตัวรถที่ทำงานได้ดีมาก ซับแรงกระแทกได้ดี และนุ่มหนึบมาก การขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงมั่นใจมาก ด้วยการเกาะถนนของตัวรถที่ทำได้ดี เรื่องนี้สอบผ่านสบายๆ
- ความเร็ว 80 กม./ชม. เกียร์ 7 รอบเครื่องยนต์ 1,450 รอบ/นาที
- ความเร็ว 90 กม./ชม. เกียร์ 7 รอบเครื่องยนต์ 1,500 รอบ/นาที
- ความเร็ว 100 กม./ชม. เกียร์ 7 รอบเครื่องยนต์ 1,700 รอบ/นาที
- ความเร็ว 120 กม./ชม. เกียร์ 7 รอบเครื่องยนต์ 2,000 รอบ/นาที
ข้อสังเกตใน GLA 250 เรื่องเดียว นั่นคือพื้นที่ใช้สอยของตัวรถที่จะน้อยไปสักหน่อย ด้วยขนาดของตัวรถที่ค่อนข้างกระทัดรัด ในราคาระดับ 2 ล้านบาทเศษ ยังมีรถยนต์ตัวเลือกอื่นๆ ในระดับเดียวกันที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน อีกทั้งออปชั่นบางอย่างที่ติดตั้งมาในรถคันนี้ยังมีหลายอย่างที่ขาดหายไปพอควร หากเทียบกับที่คู่แข่งให้มา ไม่ว่าจะเป็น การเตือนมุมอับสายตา, กล้อง 360 องศา, ระบบ Adaptive cruise control เป็นต้น ซึ่งรถยนต์หลายรุ่นในระดับราคานี้ก็เริ่มใส่กันมาให้เยอะแล้ว
Mercedes-Benz GLA เหมาะกับใคร?
รถตระกูล GLA เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหารถยนต์แบบ SUV ที่ต้องการทั้งสมรรถนะ และ "ภาพลักษณ์" ที่ดูหรูหรา ขับไปไหนคนก็มอง ดูโดดเด่นบนท้องถนน และลานจอดรถ ตัวเลือกในตรงนี้คงจะหนีไม่พ้นกับรถยนต์จากฝั่งยุโรป โดยเฉพาะ Mercedes-Benz ที่จะตอบโจทย์ในเรื่องภาพลักษณ์ของผู้ขับขี่ ที่จะช่วยให้ดูพรีเมี่ยมยิ่งขึ้น ดูมีฐานะทางสังคม
อีกทั้งรถคันนี้ ยังเป็นรถที่ขับขี่ได้ง่าย ควบคุมง่าย ออปชั่นต่างๆ พื้นฐานอาจจะไม่เยอะมาก แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานในยุคปัจจุบันแล้ว เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่ง หากท่านกำลังมองดูรถยนต์ระดับราคา 2 ล้านบาท บวกลบนิดหน่อย เจ้า Mercedes-Benz GLA 250 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยราคา 2,390,000 บาท ท่านที่สนใจก็ไปชมตัวจริงได้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz ทั่วประเทศครับ
>> Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic 2021 เปิดราคา 2,399,000 บาท <<
อ่าน งบซื้อรถ 2 ล้าน เอารถญี่ปุ่น หรือ รถยุโรป?
อ่าน รถยนต์คันแรกในประเทศไทย
อ่าน Traction Control คืออะไร
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น