การขับรถในขณะฝนตกมีเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยางรถยนต์ เบรก ระบบไฟต่างๆ และที่ปัดน้ำฝน ก็เป็นอุปกรณ์สำคัญเช่นเดียวกัน เราควรต้องตรวจเช็คสภาพยางที่ปัดน้ำฝนอย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัย
ตอนไหนควรเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน..?
“ที่ปัดน้ำฝน” ก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะเมื่อเกิดการเสื่อมสภาพ จากการตากแดดหรือเจอมลภาวะเป็นเวลานาน จะทำให้การใช้งานติดขัด ปัดไม่สะอาด ชวนให้กวนใจแล้ว ยังอาจส่งผลต่อทัศนวิสัยในการขับรถบนท้องถนนได้ ผู้ใช้รถสามารถตรวจสอบสภาพของที่ปัดน้ำฝนได้เอง โดยสังเกตุการทำงานของใบปัดน้ำยังคงทำงานเป็นจังหวะปกติ ปัดแล้วสะอาดเรียบเนียน ไม่มีรอยแยก และไม่มีเสียงขณะปัด ยางอยู่ในสภาพปกติ ไม่แข็ง หรือมีรอยแตก ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้ ให้รีบเปลี่ยนทันที
- ปัดแล้วสะดุด มีอาการสะดุด กระตุก ขณะใช้งาน แสดงว่าที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพแล้ว ควรเปลี่ยนใหม่
- ปัดแล้วมีเสียงดังกว่าปกติ เกิดจากยางปัดน้ำฝนเก่า หรือถูกใช้งานมามากกว่า 1 ปี ทำให้ยางเกิดการแข็งตัว และเสื่อมสภาพ
- ปัดน้ำฝนไม่ทั่ว ไม่สะอาด เกิดจากใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ทำให้แรงกดของที่ปัดน้ำฝนลดลง และทำให้ปัดไม่สะอาด
- ปัดแล้วฝืด เกิดจากยางของใบปัดน้ำฝนฉีกขาด ทำให้ไม่สามารถปัดน้ำหน้ากระจกรถออกไปได้สะอาดเหมือนเดิม
เบื้องต้นการทำความสะอาดควรใช้ผ้าชุบน้ำรูดไปตามใบปัด และไม่ควใช้สารเคมีใดๆ เพราะอาจทำให้ยางเกิดความเสียหายได้
ผู้ใช้รถสามารถเปลี่ยนใบปัดน้ำฝันได้ด้วยตัวเอง โดยดูได้จากคลิบนี้ ซึ่งขนาดของใบปัดน้ำฝนรถยนต์แต่ละรุ่นจะแตกต่างกัน ศึกษาดูขนาดได้ที่คู่มือของรถยนต์รุ่นนั้นๆ
นอกจากอาการข้างต้นแล้ว ควรเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนใหม่เมื่อมีอายุการใช้งานประมาณ 6-12 เดือน เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพขณะใช้งาน
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น