Suzuki Swift อีโคคาร์ยอดนิยม ขับสนุก คล่องตัว มาพร้อม 2 รุ่นย่อย GL ราคา 557,000 บาท และ GLX ราคา 629,000 บาท
หลังจากที่ซูซูกิ สวิฟท์ รถอีโคคาร์ยอดนิยม ขวัญใจคนไทย เปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่ ไปเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา วันนี้ทีมงานออโต้สปินน์ได้มีโอกาสทดสอบการใช้งาน เลยอยากขอใช้พื้นที่ตรงนี้เล่าสู่กันฟังครับ
ทริปนี้ เป็นทริปที่ทางซูซูกิประเทศไทยจัดขึ้น ด้วยการทดสอบขับขี่ ซูซูกิ สวิฟท์ในกรุงเทพ แบบวันเดย์ทริป ซึ่งเส้นทางที่ทดสอบก็มีทั้งเส้นทางที่รถติดหนักๆอย่างถนนสาธร เยาวราช และเส้นทางโล่งๆที่พอได้หวดคันเร่งกันแบบเต็มเหนี่ยว
Suzuki Swift ในโฉมปี 2021 นี้ มี 2 รุ่นย่อย คือ GL (รุ่นเริ่มต้น) และ GLX (รุ่นท็อปสุด) โดยทั้ง 2 รุ่นนี้ ใช้เครื่องยนต์เดียวกัน คือเครื่องยนต์เบนซิน รหัส K12M 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ใช้เทคโนโลยีหัวฉีดคู่หรือ DUALJET เพิ่มประสิทธิภาพด้วยระบบหัวฉีดคู่ที่จัดวางไว้ใกล้กับห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และทำงานโดยฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปที่กระบอกสูบพร้อมกันทั้ง 2 หัวฉีด ทำให้น้ำมันมีละอองที่ละเอียดขึ้น อัดฉีดน้ำมันได้แม่นยำ และเป็นการลดอุณหภูมิในกระบอกสูบพร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ นอกจากนี้เครื่องยนต์ DUALJET ยังมีระบบ EGR ที่ลดอุณหภูมิในห้องเผาไหม้ ระบายความร้อนแก๊สไอเสียด้วยน้ำและหมุนวนเข้าท่อร่วมไอดี เป็นการลดการเผาไหม้ที่ผิดปกติ ทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 23 กม./ลิตร รองรับน้ำมันสูงสุด E20
ในรถคันที่ผมทดสอบ มีผู้โดยสารรวมคนขับ 3 คน เริ่มสตาร์ทจากโรงแรมบันยันทรี สาธร โดยจุดหมายแรกของทริปนี้คือ ร้าน 747 Cafe เป็นร้านกาแฟที่อยู่แถวๆสนามบินสุวรรณภูมิ
ในจังหวะที่ขับออกตัว เพียงแค่ใส่เกียร์ D แล้วยกเท้าออกจากเบรก รถเคลื่อนตัวทันทีโดยไม่มีอาการหน่วง เมื่อเติมคันเร่งเข้าไป ตัวรถก็พร้อมที่จะพุ่งทะยานตามน้ำหนักของคันเร่ง และหลายท่านคงทราบกันดีว่าถนนสาธร รถเยอะมาก การจราจรเคลื่อนตัวได้ไม่เร็วมากนัก เจอทั้งรถจอดรอเลี้ยวเข้าซอย แท็กซี่จอดรับผู้โดยสาร ทำให้ต้องเปลี่ยนเลนไปมาอยู่บ่อยๆ แต่ซูซูกิ สวิฟท์ ก็ทำได้อย่างคล่องตัวครับ รถเล็ก กะทัดรัด มุดง่าย เครื่องยนต์ 1.2 DUALJET ในช่วงต้นมีกำลังเหลือเฟือ
หลังจากที่หลุดออกจากถนนสาธร และเลี้ยวซ้ายขึ้นทางด่วน ถนนค่อนข้างโล่ง มีโอกาสได้เหยียบคันเร่งกันแบบเต็มที่ จังหวะที่คิกดาวน์ เสียงเครื่องยนต์คำรามเข้ามาในห้องโดยสารเบาๆ ได้อารมณ์ความสนุก พร้อมกับรอบเครื่องที่กวาดขึ้นแบบรวดเร็ว
แม้ตัวรถจะคันเล็กกะทัดรัด แต่ก็ให้ความรู้สึกถึงความปลอดภัย เพราะในรุ่นนี้ใช้แพลตฟอร์ม HEARTECT ลดส่วนโค้งงอ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้าง ปรับปรุงตำแหน่งการวางเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ระบบรองรับน้ำหนัก ช่วยให้โครงสร้างรถมีน้ำหนักน้อยลงแต่คงความแข็งแกร่ง ทนทาน มีประสิทธิภาพในการทรงตัวที่ดี ขับขี่ได้คล่องตัว
ระบบช่วงล่างขณะที่ใช้ความเร็ว ให้ความรู้สึกปลอดภัย แต่ถ้าใช้ความเร็วเกิน 130 กม./ชม. จะเริ่มรู้สึกหวิวๆ ช่วงที่เป็นคอสะพาน โช้คหลัง มีอาการยุบและดีดขึ้นเร็วไปหน่อย แต่ก็ยังสามารถควบคุมตัวรถได้ดีอยู่ พวงมาลัยจับถนัดกระชับมือ น้ำหนักกำลังดี ไม่เบาจนเกินไป การเก็บเสียงลมภายนอกอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จะเริ่มได้ยินเสียงลมเข้ามาในห้องโดยสารที่ช่วงความเร็วประมาณ 110 กม./ชม. พร้อมกับเสียงยางที่บดกับพื้นผิวถนนจะดังเข้าตัวรถค่อนข้างชัดเจน
ดีไซน์ภายใน ของรุ่น GLX ถือว่าให้มาครบครัน ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินสไตล์สปอร์ต มาตรวัดตกแต่งลายเส้นสีแดง พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape เพิ่มพื้นที่วางขาและปรับระดับได้ 4 ทิศทาง เบาะนั่งทรงสปอร์ตโอบกระชับสรีระ นอกจากนี้ กุญแจยังเป็นระบบ Keyless Entry เปิด-ปิดล็อกประตูได้โดยไม่ต้องกดกุญแจรีโมท เสริมให้ตัวรถดูหรูหราขึ้นมาอีกหลายระดับ
หลังจากที่แวะทานกาแฟกันเสร็จเรียบร้อย ขบวนสวิฟท์ได้มุ่งหน้าต่อไปที่วัดมังกรกมลาวาส ย่านเยาวราช เพื่อไหว้พระ ระหว่างทางที่ขับตามกันมา ก็มีหลุดขบวนกันบ้างเพราะการจราจรหนาแน่นมาก แต่ก็มีตัวช่วยในการเดินทาง คือ การเปิดแผนที่ในโทรศัพท์แล้วดึงขึ้นที่หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ซึ่งรองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto จอใหญ่ ใช้งานง่าย และเมื่อเราอยู่ในกำแหน่งเกียร์ R จอจะตัดมาเป็นภาพด้านหลังรถ ช่วยให้การถอยจอดปลอดภัยขึ้น และถ้าเทียบกับในรุ่นก่อนหน้านี้ ถือว่าออปชั่นที่ได้มาเยอะพอสมควร เช่น
สิ่งที่เพิ่มมาในเกรด GL
- กระจังหน้าสไตล์สปอร์ตตกแต่งลายเส้นโครเมียม
- กระจกมองข้างพับไฟฟ้า
- ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ/ Keyless entry
- Keyless Push Start
- สัญญาณเตือนเมื่อลืมกุญแจ
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
สิ่งที่เพิ่มมาในเกรด GLX
- กระจังหน้าสไตล์สปอร์ตตกแต่งลายเส้นโครเมียม
- ล้ออัลลอยปัดเงาขนาด 16 นิ้ว
- วัสดุตกแต่งคอนโซลและแผงประตูหน้าสีเงิน
- จอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว เครื่องเล่นวิทยุ MP3 และ WMA พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth และระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto
- กล้องมองหลัง
จากการทดสอบ ก็ถือว่า Suzuki Swift เป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองมากครับ ขับง่าย เนื่องจากตัวรถสั้น การเปลี่ยนเลนทำได้อย่างคล่องตัว ดีไซน์ภายนอกดูน่ารัก เหมาะกับทุกเพศทุกวัย และถึงแม้ว่าตัวรถจะเล็ก แต่ภายในก็นั่งได้สบายอยู่ครับ นั่งแล้วไม่รู้สึกอึดอัด ออกแบบภายในได้สวยงาม มีระบบความปลอดภัย และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆมาให้แบบครบครัน ราคาเข้าถึงได้ง่าย โดยในรุ่นเริ่มต้น GL ราคาเพียงแค่ 557,000 บาท ส่วนในรุ่น GLX ราคา 629,000 บาท ซึ่งออปชั่นของสองรุ่นนี้ที่ต่างกันก็เช่น ไฟหน้า ล้อ จอเครื่องเล่นในรถ และแอร์แบค (รุ่น GL แอร์แบค 2 ใบ,รุ่น GLX แอร์แบค 7 ใบ)
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น