“Mercedes-Benz The new E-Class” ถือว่าเป็นรถธงอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยยอดขายสะสมมากถึง 14 ล้านคัน ทั่วโลก และในประเทศไทยก็สร้างยอดขายได้ดีอย่างต่อเนื่อง และในการปรับโฉมครั้งนี้ก็ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
Mercedes-Benz The new E-Class
The new E-Class ใหม่ มีรุ่นให้เลือกด้วยกันถึง 3 ทางเลือกใหม่ ได้แก่ E 300 e Avantgarde, E 220 d AMG Sport และ E 300 e AMG Dynamic ที่มีให้เลือกทั้งในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี แบบปลั๊กอินไฮบริด เจเนอเรชันที่ 3 เปิดราคาเริ่มต้นที่ 3.19 ล้านบาท
The new E-Class หลายท่านรู้สึกว่าเป็นรถระดับผู้บริหารดูแก่ต้องมีคนขับรถให้นั่ง แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทาง Mercedes-Benz ได้มีการปรับโฉมในหลากหลายรุ่น ร่วมไปถึง The new E-Class เช่นเดียวกัน ที่ได้ถูกปรับโฉมมาจนถึงในรุ่นปี 2021 ที่ดูมีความทันสมัยมากขึ้น สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และสิ่งสำคัญกับการขับขี่ที่ดีด้วย
ภายนอก The new E-Class
Mercedes-Benz The new E-Class สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุด คือด้านนอกมีการ Facelift ใหม่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง การดีโซน์ให้ดูโฉบเฉี่ยว ด้วยชุดแต่งจาก AMG Body styling ที่มีการปรับดีไซน์ใหม่ให้ดูล้ำสมัยยิ่งขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจาก AMG Performance models สะท้อนเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของรถยนต์รุ่น E-Class ด้วย
กระจังหน้า diamond radiator grille
ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED แบบอัจฉริยะด้วยหลอดไฟ LED จำนวน 84 หลอดต่อ 1 ข้าง ทั้งยังปลอดภัยด้วย
ระบบส่องสว่างไกลสูงสุดถึง 650 เมตร แบบ ULTRA RANGE high beam
ระบบส่องสว่างอัจฉริยะ ILS – Intelligent Light System
ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ALS – Active Light System
ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง Cornering Light
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist PLUS
ฝากระโปรงหน้าใหม่ แบบ Power Domes
ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 19 นิ้วจาก AMG
ไฟท้ายแบบ Full-LED
หลังคาแก้วแบบ Panoramic Sunroof ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า
ภายใน The new E-Class
Mercedes-Benz The new E-Class ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้นพร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ยังคงให้ความหรูหราเช่นเดิม พร้อมทั้งเพิ่มความสปอร์ตให้กับภายในมากยิ่งขึ้นด้วย
พวงมาลัยดีไซน์สปอร์ตใหม่แบบ 3 ก้านท้ายตัด พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch control เพื่อให้ทุกการควบคุมเป็นไปตามธรรมชาติภายใต้หลักสรีรศาสตร์
เบาะนั่งแบบสปอร์ตเพิ่มความกระชับในทุกรูปแบบการขับขี่ พร้อมคอนโซลหุ้มด้วยหนัง ARTICO ตลอดทั้งคัน
หน้าจอแบบ Digital Widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้วจำนวน 2 หน้าจอรวมถึงฟังก์ชันการทำงานต่าง ๆ ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถยนต์ E-Class ทุกรุ่น
ไฟล้อมรอบห้องโดยสารแบบ Premium Ambient light ที่สามารถเลือกปรับได้มากถึง 64 เฉดสี พร้อม Animation เปลี่ยนสีอัตโนมัติแบบเคลื่อนไหวให้เลือกได้มากถึง 10 แบบ
พร้อมเพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Burmester® surround sound system พร้อมลำโพงจำนวน 13 ตำแหน่ง
แอร์แยก 3 โซน
สำหรับขุมพลังของ Mercedes-Benz The new E-Class นั้นมี 2 ทางเลือก ได้แก่
เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,991 ซีซี. เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200 – 4,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 122 แรงม้า 440 นิวตันเมตร
เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งระบบ ให้กำลังสูงสุด 320 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง แบตเตอรี่ความจุ 13.5 kWh
พุ่งทะยานด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 5.7 วินาที โดยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยังช่วยให้ Mercedes-Benz The new E-Class สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลกว่า 50 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
เครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM 654 4 สูบ 16 วาล์ว Diesel Commonrail Turbocharged Intercooler ขนาด 2.0 ลิตร 1,950 ซีซี. กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง
ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 7.3 วินาที
การทดสอบ The new E-Class
สำหรับรถที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้ E 300 e AMG Dynamic ถือเป็นรุ่นท๊อปสุดของ E-Class ราคาตัวที่ 3,770,000 บาท เมื่อเป็นรุ่นสูงสุดออฟชั่นก็จัดเต็มเช่นกัน โดดเด่นกันตั้งแต่ภายนอกด้วยชุดแต่ง จาก AMG ทำให้ตัวรถดูลงตัวมากยิ่งขึ้น และความพิเศษ จากไฟหน้า MULTIBEAM LED ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่องสว่างไกลสูงสุดถึง 650 เมตร เพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีเพียงตัวท๊อปเท่านั้น อีกจุดเด่นกับหลังคาแก้วแบบ Panoramic Sunroof โดดเด่นด้วยล้อลายใหม่ AMG 10-Spoke ขนาด 19 นิ้ว
เข้ามานั่งภายในห้องโดยสารต้องสะดุดตากับ พวงมาลัยแบบใหม่ ซึ่งให้ความรู้สึกแปลกตาจากรุ่นเดิมๆมาก ให้ความรู้สึกถึงความสปอร์ตพร้อมความหรูหรา พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง Nappa ให้ทั้งความกระชับและนุ่ม องศาในการวางนิ้วทำออกมาได้อย่างพอดี หลังพวงมาลัยมีแป้น Paddle Shift สำหรับเปลี่ยนเกียร์ + - และในส่วนของ หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Head-up Display แสดงการทำงานต่างๆ ความเร็วในการวิ่งหรือเตือนการชนด้านหน้า ทำให้รู้สึกปลอดภัยยิ่งขึ้น
วิ่งออกเดินทางทดสอบการใช้งาน จุดเด่นสำหรับ E 300 e นั้น คือเครื่องยนต์ ที่มีพละกำลังขนาด 320 แรงม้า แรงบิดขนาด 700 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ตัวเลขขนาดนี้เมื่อทุกครั้งที่เรากดคันเร่ง หลังติดเบาะทุกครั้งไม่ว่าจะอยู่ในโหมดอะไรก็ตาม แต่ E 300 e ก็มีโหมดการขับขี่มาให้ถึง 6 โหมด ด้วยกัน
- ECO – เน้นประหยัด
- Comfort – เน้นสบาย ขับขี่แบบปกติ
- Sport – เมื่อใส่โหมดนี้ เครื่องจะติดตลอด รอบเครื่องจะสูงพร้อมออก คันเร่งตอบสนองไวขึ้น ESP จะปล่อยให้ล้อฟรีเล็กน้อย
- Individual – ปรับตามค่าที่ผู้ขับเลือกไว้ ในแบบของตัวเอง เช่น ชอบพวงมาลัยแบบหนัก หรือเบาได้ เครื่องยนต์จะให้เป็นแบบ Sport หรือ Comfort ได้
- Battery Level – เป็นโหมดรักษาพลังงาน แบตเตอรี่เอาไว้ เช่น เมื่อเราต้องการระดับแบตเตอรี่ไว้ที่ 30% ตัวรถก็จะรักษาพลังงานไว้ที่ 30% จนถึงเวลาที่เราต้องการจะใช้งาน
- Electric – ระบบที่ใช้ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวจนหมด
แต่ไม่ว่าจะอยู่ในโหมดไหนก็ตามก็ให้ความรู้สึกถึงความแรงอยู่ดี แต่ก็ยังให้การประหยัดน้ำมันอย่างดี เช่นกัน ในส่วนของช่วงล่างในรูปแบบ ซีดานหรู ให้ความนุ่มนวลและการเกาะถนนที่ดีในความเร็วสูงไปพร้อมกัน แสดงให้เห็นว่าเป็นการปรับเซ็ทให้ออกในทางนุ่มนวล แม้ว่าจะมีล้อขนาดใหญ่ก็ตาม
ส่วนของผู้นั่งด้านหลังเป็นอีกจุดเด่นสำหรับ E-Class พื้นที่ด้านหลังที่กว้างระบบแอร์ที่แยกโซน พร้อมช่องแอร์ตรงกลางและเสากลางรถทั้งสองด้านเรื่องความเย็นหายห่วง พร้อมม่านที่ประตูและกระจกด้านหลังทำให้ผู้นั่งด้านหลังรู้สึกเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น แต่หลังคาเหนือหัวคนนั่งหลังก็มีช่องที่สามารถมองเห็นดาวด้านบน สิ่งที่ทำให้รู้สึกถึงความพรีเมียมคือ ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester ที่ทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความสบาย
สิ่งอำนวยความสะดวกที่เพิ่มขึ้นมา เช่น ระบบจัดการข้อมูลและการแสดงผลในรถ MBUX 6.0 ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ ขนาด 12.3 นิ้ว สวยขึ้น ทำงานตอบสนองไวขึ้น แสดงค่าต่างๆได้มากขึ้น ในส่วนเรื่องความปลอดภัย ตั้งแต่ระบบช่วยจอด ที่ทำงานได้ง่าย และยังมีระบบเซ็นเซอร์ที่แสดงผลเวลาถอยจอดได้แม่นยำ เป็นรูปแสดงจุดที่ใกล้สิ่งของต่างๆได้อย่างง่ายขึ้น
ระบบสั่งการด้วยเสียงรูปแบบใหม่ที่สามารถเริ่มต้นการใช้งานได้ง่ายเพียงพูดว่า “Hey Mercedes” เรื่อยไปจนถึงการผสานรถยนต์และสมาร์ทโฟนเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืนด้วยระบบเชื่อมต่อ Smartphone integration ที่ใช้งานได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto และระบบแผนที่นำทางแบบ 3 มิติ การเชื่อมต่อด้วยระบบสัญญาณ 4G-LTE แบบ E-SIM สามารถค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เช่น เส้นทาง จุดหมายสำคัญ รายงานสภาพจราจรแบบ Live traffic ฟังวิทยุแบบ Online Radio รวมถึงสามารถติดต่อสื่อสารกับศูนย์บริการได้โดยตรงทั้งการสั่งงานผ่านหน้าจอรถยนต์ หรือผ่านแอปพลิเคชัน Mercedes me
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถควบคุมรถยนต์จากระยะไกลผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยแอปพลิเคชัน Mercedes me ไม่ว่าจะเป็นการล็อกหรือปลดล็อกรถยนต์ การเปิดและปิดกระจกรวมถึงหลังคา Panoramic Sunroof การตรวจสอบและรายงานสถานะของระบบปลั๊กอินไฮบริด การจัดการระบบเปิดแอร์ล่วงหน้าแบบ Pre-Entry Climate Control การค้นหาตำแหน่งของรถ การรายงานสถานะของรถแบบ real-time เช่น ระดับน้ำมัน หรืออุณหภูมิของเครื่องยนต์ รวมไปถึงการโทรออกเพื่อขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ฯลฯ
ระบบความปลอดภัย The new E-Class
ระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE System
ระบบช่วยเบรก Active Brake Assist
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
ระบบเบรก Adaptive Brake พร้อมฟังก์ชั่น HOLD
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA
ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน Adaptive Brake Light
ระบบเตือนแรงดันลมยาง Tyre Pressure lose warning
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Attention Assist
เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด Parktronic
ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 4 ตำแหน่ง
ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง
ถุงลมนิรภัยหัวเข่า 1 ตำแหน่ง
กล้องมองภาพ 360 องศา
สรุป Mercedes-Benz The new E-Class
สำหรับ The new E-Class ภายใต้หน้าตาที่ดูเรียบร้อย แต่เต็มไปด้วยพละกำลังที่เหลือเฟือ จากพลังงานของเครื่องยนต์ แต่ก็ยังให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ด้วยเช่น กัน ต้องยอมรับว่าตลาดรถในกลุ่มซีดานมีการแข่งขันที่สูง ผู้เล่นเหลือน้อยลงมีแต่ผู้เล่นหลัก และเมื่อมีการประกอบในประเทศยิ่งทำให้ราคาเข้าถึงได้อย่างง่ายขึ้น เมื่อก่อนรถระดับ E-Class ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4 ล้านแล้วแต่ในปัจจุบันมีราคาที่ถูกลงมากทำให้น่าสนใจมากขึ้น
ถ้าเทียบกับรถในกลุ่ม C-Class แล้วต้องยอมรับว่าดีกว่าหลายด้านและราคาก็ใกล้กันมากขึ้น ดังนั้นถ้าใครมองหารถสำหรับผู้บริหาร แต่ก็ยังสามารถเดินทางในแบบครอบครัวได้ในวันหยุด The new E-Class ก็เป็นอีกทางเลือกเพราะ ให้ทั้งความสะดวกสบายและการขับขี่ที่ดี
Mercedes-Benz The new E-Class มีวางจำหน่าย 3 รุ่น ได้แก่
• Mercedes-Benz E 300 e Avantgarde ราคา 3,190,000 บาท
• Mercedes-Benz E 220 d AMG Sport ราคา 3,540,000 บาท
• Mercedes-Benz E 300 e AMG Dynamic ราคา 3,770,000 บาท
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น