รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R  นิยามแห่งคำว่า ดิบ เถื่อน Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

รีวิว ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R  นิยามแห่งคำว่า ดิบ เถื่อน

วรัญญู ยอดพรหม
โพสต์เมื่อ 27 April 2564

    MERCEDES-AMG GT R สปอท์ต หล่อ แรง ใจไม่ดี กับพลัง V8 บวกเทอร์โบชาร์จ  พละกำลัง 585 แรงม้า รุ่นสูงสุดที่จัดจำหน่ายจาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ค่าตัว 18,000,000 บาท


MERCEDES-AMG GT R


   ตระกูล Mercedes-AMG GT ในประเทศไทย มีด้วยกัน 4 รหัส ตามระดับความแรง ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงความแรงสูงสุด โดยรหัสที่แรงที่สุดคือ  “AMG GT R” 
   Mercedes-AMG GT (476PS 630Nm)
   Mercedes-AMG GT S (522PS 650Nm)
   Mercedes-AMG GT C (558PS 680Nm)
   Mercedes-AMG GT R (585PS 700Nm)
  

     ในตระกูล GT ที่จัดจำหน่ายในประเทศไทยมีหลายรุ่น แต่ GT R คือ สูงสุดของรถแบบโปรดักชั่นจาก โรงงาน Mercedes-AMG ทรงพลังที่สุด ไม่ได้มีเพียงแค่ราคาเท่านั้น แต่ในเรื่องเครื่องยนต์และอุปกรณ์การตกแต่งทุกอย่าง เครื่องยนต์ V8 พ่วงด้วยเทอร์โบชาร์จ 2 ตัว ติดตั้งไว้ด้านบน สามารถสร้าง พลังได้  585 แรงม้า ที่ 6,250 รอบ/นาที และแรงบิด 700 นิวตันเมตร ที่มีเรียกใช้พลังงานได้ ตั้งแต่ 2,100 - 5,500 รอบ/นาที 
  

    รับรถทดสอบ เป็นอีกครั้งที่รู้สึกตื่นเต้น GT R เมื่อเราเข้าไปนั่งในห้องโดยสารแล้วรู้สึกได้ถึงพลังงาน ตั้งแต่เบาะนั่งทรงบัคเก็ต ซีท ที่กระชับตัวมาก การตกแต่งภายในให้ความรู้สึกเหมือนเครื่องบิน สตาร์ทรถเสียงเครื่องยนต์ V8 คำรามออกมาดังมาก เพราะรถต้องอุ่นเครื่องในรอบเดินเบาเพื่อให้ได้อุณหภูมิของเครื่องที่เหมาะสม ออกเดินทางจากถนน สีลม ในสภาพรถหนาแน่น เป็นรถอีกหนึ่งคันที่ขับยาก เพราะหน้ารถค่อนข้างยาว ตัวรถที่กว้างมาก ซึ่งไม่เหมาะกับสภาพการจารจรในเมืองเป็นอย่างมากเพราะต้องคอยระวังตลอดเวลา 


พละกำลังที่เรียกได้ว่าเกินตัวก็ว่าได้ กดคันเร่งทุกครั้ง ไฟแทร็คชั่นคอนโทรล แสดงให้เห็นตลอดเวลาบนหน้าปัด รถพร้อมที่จะสะบัดออกตลอดเวลา แม้ว่ายางจะมีขนาดใหญ่ถึง  325/30-20 ก็ตาม เป็นเพราะแรงบิดมหาศาลระดับ 700 นิวตันเมตร (โหมดขับขี่ Comfort) พร้อมเสียงคำรามลั่นจากปลายท่อไอเสีย 

 

ภายนอก Mercedes-AMG GT


   สะท้อนปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ส่วนหน้าของตัวรถมีลักษณะลาดต่ำ และกระจังหน้าแบบ AMG-specific radiator trim ยื่นออกไปคล้ายจมูกฉลามช่วยลดแรงกดที่ด้านหลังตัวรถ การออกแบบตั้งแต่กระจังหน้า Panamericana แบบเดียวกับรถแข่ง GT3 ใช้ซี่แนวตั้ง 15 ซี่ กระจังทรงตรงนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในรถตระกูล AMG ในรุ่นใหญ่  ไฟหน้า แบบ LED High Performance ที่ได้รับการออกแบบให้เข้ากับรถมากขึ้นชุดกัน ติดตั้ง Air Curtains หรือม่านกั้นอากาศ สามารถเปิดปิดได้เป็นการจัดเรียงอากาศ พร้อมระบายความร้อน น้ำหล่อเย็นที่ส่งไปยังอินเตอร์คูเลอร์ เป็นการช่วยระบายความร้อนจากหม้อน้ำหลัก กระจกมองข้างครอบด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ หลังคารถเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ เช่นกัน


ล้ออัลลอย AMG forged wheels มีน้ำหนักเบา ช่วยประหยัดพลังงาน และทำให้ระบบช่วงล่างและการหมุนพวงมาลัยราบรื่นแม่นยำ GT-R ใช่หลังคารถที่ผลิตจากวัสดุคาร์บอนเพื่อลดน้ำหนัก ติดตั้งระบบเบรก AMG high-performance composite brake สีเหลืองที่เป็นสีพิเศษสำหรับรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ สปอยเลอร์หลังทรง GT


 

ภายใน Mercedes-AMG GT R


   Mercedes-AMG GT R โฉมใหม่ มาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งดีไซน์ใหม่ในหลายจุด ซึ่งเป็นการออกแบบที่ได้รับอิทธิพลมาจากรถยนต์มอเตอร์สปอร์ต เบาะที่นั่งที่ถูกปรับให้ต่ำลงเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ เป็นเบาะที่นั่งแบบ AMG Bucket Seats หุ้มด้วยหนัง Nappa และ DINAMICA Microfibre ที่ช่วยปกป้องลำตัวด้านข้างได้ดีแม้ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง แต่สามารถเลือกติดตั้งเบาะที่นั่งแบบ AMG Performance และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อเพิ่มความเร้าอารมณ์ขณะขับขี่ เช่น ชุดเข็มขัดนิรภัยสีเหลือง 


หรือชุดแต่งห้องโดยสาร AMG Interior Piano Lacquer  ชุดแต่ง AMG Interior Night เป็นชุดแต่งมาตรฐานของรถยนต์รุ่นนี้ มาพร้อมพวงมาลัยแบบ AMG Performance Steering ตกแต่งด้วย DINAMICA Microfiber สีดำ พร้อมหน้าจอแสดงผลบนพวงมาลัยจำนวน 2 หน้าจอแบบ AMG steering wheel buttons ลงตัวด้วยหน้าจอเรือนไมล์แบบ all-digital instrument display ขนาด 12.3 นิ้ว เกียร์จะชุบสีดำเงาทั้งหมด, แผงหน้าปัดกว้างดีไซน์ใหม่ด้วยอัตราส่วนแบบ 16:9 ขนาด 10.15 นิ้ว ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบบ COMAND Online แผงควบคุมตรงกลางมีหน้าจอแสดงผลมากถึง 8 จอบริเวณคอนโซลกลางแบบ AMG DRIVE UNIT ที่ออกแบบตามลักษณะเครื่องยนต์แบบ V8 และมีช่องลมของเครื่องปรับอากาศ 4 ช่องคล้ายสปอตไลต์

เครื่องยนต์ Mercedes-AMG GT R
 
     GT R คือผลผลิตอันสุดยอด จาก Mercedes-AMG ทรงพลังที่สุด และความพิเศษของ เครื่องยนต์ AMG V8 ใช้ปรัชญา “One Man – One Engine” กล่าวคือ ใช้บุคลากร 1 คน ในการประกอบเครื่องยนต์ตัวนั้น โดยมีเพลทลายเซ็นแจ้งชื่อผู้ประกอบติดไว้บนเครื่องยนต์  เครื่องยนต์แบบวางหน้าแต่ออกแบบให้เครื่องยนต์อยู่ในตำแหน่งหลังซุ้มล้อหน้า จึงทำให้เหมือนเครื่องยนต์วางกลางลำ ใช้ขุมพลัง V8 บวกด้วยเทอร์โบชาร์จ 2 ตัว ติดตั้งไว้ด้านบน ทำกำลังได้ 585 แรงม้า ที่ 6,250 รอบ/นาที และแรงบิด 700 นิวตันเมตร ที่มีให้ใช้เต็มเพดานตั้งแต่ 2,100 ไปจนถึง 5,500 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ 7 สปีด

GT R โฉมใหม่ มาพร้อมกับระบบ AMG DYNAMIC SELECT สามารถเลือกโหมดของเกียร์หลักได้ 5 แบบ คือ 
   “C” (Comfort) สำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน 
   “S” (Sport)  การขับขี่แบบเร้าใจขึ้นระบบช่วยเหลือต่างๆยังคงทำงานอยู่
   “S+” (Sport Plus)  เน้นความเร้าใจในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น ระบบช่วยเหลือต่างๆบางอย่างทำงานน้อยลง เพื่อ     การ ขับขี่ที่สนุกยิ่งขึ้น
   “I” (Individual) โหมดปรับตั้งแยกย่อย ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับได้เอง
   “RACE” โหมดสูงสุดเน้นการขับขี่ในสนามแข่ง เครื่องยนต์ที่ทำงานเต็มประสิทธิภาพ โดยการทำงานของชุดเกียร์จะเปลี่ยนได้เร็วขึ้นด้วย  เสียงท่อที่ปล่อยเต็ม แต่ทั้งนี้ผู้ขับขี่สามารถสร้างข้อกำหนดทั้งหมดในแต่ละโหมดการขับขี่เองได้ด้วยการกดปุ่ม “M” (Manual) ที่อยู่ตรงกลางแผงควบคุม, ระบบเพลาหลังแบบแอคทีฟ (active rear axle steering) ที่จะหมุนเพลาล้อคู่หลังไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเพลาล้อคู่หน้าเมื่อใช้ความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น และประหยัดแรงในการหมุนพวงมาลัย แต่หากความเร็วสูงสุดเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ทั้งล้อคู่หน้าและหลังจะหมุนไปในทิศทางเดียวกันเพื่อเสริมสมดุลให้กับตัวรถ ทำให้ท้ายรถไม่ปัดเมื่อหักเลี้ยว


ทดสอบ MERCEDES-AMG GT R

   จุดเด่น ที่สัมผัสได้ตั้งแต่เริ่มต้นกับ พวงมาลัยแบบ AMG Performance Steering ตกแต่งด้วย DINAMICA Microfiber สีดำ พร้อมหน้าจอแสดงผลบนพวงมาลัยจำนวน 2 หน้าจอแบบ AMG steering wheel buttons สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ง่ายที่พวงมาลัย รวมทั้งการปรับช่วงล่างหรือจะเปลี่ยนเป็นการ เปลี่ยนเกียร์เอง 

การตกแต่งในห้องโดยสารเน้นสีดำเงา และดรายคาร์บอน เป็นหลักช่วยเพิ่มอารมณ์ในการขับขี่ แม้จะมีความดิบอยู่แต่ความสะดวกสบายก็มีมาให้เช่นกัน กับจอขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบบ COMAND Online ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester แผงควบคุมตรงกลางมีหน้าจอแสดงผลมากถึง 8 จอบริเวณคอนโซลกลางแบบ AMG DRIVE UNIT ที่ออกแบบตามลักษณะเครื่องยนต์แบบ V8 ดูสวยงาม ใช้งานง่ายในการควบคุมต่างๆ 
ช่วงล่างของ GT R แน่นอนว่า เมื่อคุณเลือกแล้วไม่มีคำว่าปราณี ต่อให้อยู่ใน โหมด Comfort ก็ตามก็ยังรับรู้ได้ถึงพื้นถนนอยู่ดี ความนุ่มนวลน้อยมาก แต่คุณต้องการความสบายอาจจะต้องมองที่ GT C จะดีกว่า แต่สำหรับ GT R นั้นคุณจะได้ประสบการณ์ที่เหมือนรถแข่งบนถนนแน่นอน 


ในการขับขี่เมื่อคุณปรับไปที่ โหมด RACE อะดรีนาลีน ในร่างกายคุณจะถูกกระตุ้นขึ้นมาแน่นอนเพราะเสียงของเครื่องยนต์ที่คำรามออกมาจากเครื่องยนต์นั้น ต่อให้เครื่องเสียงในรถดีแค่ไหนเสียงจากท่อก็จะเพราะกว่า และเมื่อคุณกดคันเร่งในขณะวิ่งอยู่นั้น ท้ายรถจะสะบัดเล็กน้อยทำให้ให้ได้อารมณ์ในการขับขี่แบบล้อหลัง เสียวนิดหน่อย อาจจะทำให้ตกใจได้ถ้าพึ่งมาขับ   แต่เมื่อชินกับอาการของรถแล้วจะรู้สึกถึงความสนุก แต่ถ้าคุณต้องการไปถึงจุดสุดยอดที่ไม่มีรถรุ่นไหนให้คุณ คือ ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ AMG Traction Control 9-Step ที่สามารถปรับได้ถึง 9 ระดับ อันนี้ขอไม่ทดสอบเพราะคงต้องทดสอบในสถานที่ปิด (ยางหลังคงหมดก่อน) 


การขับขี่แบบ เปลี่ยนเกียร์เอง Manual นั้นการตอบสนองทำได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งในโหมด S+ หรือ RACE เวลาชิฟเกียร์ ถอนคันเร่ง เสียงจากท่อไอเสีย Back Fire ดังแบบว่า อันนี้ท่อเดิมโรงงานจริงหรือ ยิ่งทำให้การขับขี่ นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่มีพลังตลอดเวลา และการทำความเร็วถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นั้นเป็นเรื่องปกติมาก พร้อมช่วงล่างที่มีประสิทธิภาพทำให้ตัวรถนิ่งพร้อมทั้งการออกแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็น ปีกหลังแบบฟิกซ์ทำหน้าที่เพิ่มแรงกด ด้านท้ายรถ และแผ่นปิดใต้ท้องด้านหน้าแบบแอคทีฟ ที่จะเลื่อนต่ำลง 40 มม. เมื่อความเร็วมากกว่า 80 กม./ชม. ขึ้นไปในโหมด RACE เพื่อสร้างสุญญากาศให้เกิดแรงดูด ช่วยลดอาการยกตัวของหน้ารถด้วยแรงกดถึง 40 กก. ที่ความเร็ว 250 กม./ชม. โดยแผ่นปิดใต้ท้องนี้ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์จึงมีน้ำหนักเพียง 2 กก. เท่านั้น


ดิฟฟิวเซอร์ด้านท้ายรถตำแหน่งท่อไอเสียมีการออกแบบมาอย่างดี ดีไซน์ที่ซับซ้อน ไม่ได้มีเพียงความสวยงามแต่สามารถทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนสำคัญของชุดแอโรไดนามิกส์ ใต้ท้องรถ ที่ช่วยให้รถเกาะติดกับถนนเมื่อใช้ความเร็วสูง กระแสอากาศที่ไหลผ่านออก ช่วยให้ตัวรถในความเร็วสูงควบคุมได้ง่ายขึ้น ทำให้อากาศวิ่งผ่านออกไปจากรถโดยไม่แปรปรวน


แต่ทุกอย่างก็ต้องมาพร้อมความปลอดภัยด้วย GT R นั้น ให้ล้ออัลลอย AMG คู่หน้า 10 ก้าน แบบ Forged ขนาด 19 นิ้ว / คู่หลัง ขนาด 20 นิ้ว ยางแบบสปอร์ต คู่หน้า ขนาด 275/35 ZR19 – ยางคู่หลัง ขนาด 325/30 ZR20 เพื่อรองรับแรงบิดมหาศาล พร้อมระบบ ระบบเบรกแบบ AMG High-performance composite brake ชุดเบรกคาร์บอนเซรามิก ที่สามารถลดน้ำหนักออกไปได้ถึง 17 กก. แต่ยังคงประสิทธิภาพเบรกที่ดีเยี่ยม และถ้าใครเคยทดลองขับเบรกคาร์บอนเซรามิก จะเข้าใจได้ว่าในความเร็วต่ำจะรู้สึกแข็งๆเหมือนจะเบรกไม่อยู่ แต่ถ้าในความเร็วสูงนั้นระยะเบรกจะสั้นกว่าเบรกทั่วไปมาก

และในการใช้งานจริงนั้นตัวรถอาจจะดูเตี้ยมากแต่ในการวิ่งถนนจริงผ่านเนินต่างๆทำได้ง่ายเพราะช่วงฐานล้อ ระหว่างหน้าหลังที่ไม่ยาวมากนักทำให้ผ่านเนินได้ง่าย ท้องไม่ลาย 

สรุป MERCEDES-AMG GT R


    ถ้าใครเป็นแฟน AMG ต้องยกให้คันนี้คือที่สุด แต่ถ้าใครยังไม่เคยทดลอง กับ super car จาก MERCEDES แนะนำให้ทดลองดูเพราะว่าตัวรถมีเสน่มากเมื่ออยู่บนท้องถนนเพราะเรียก ว่าหาได้ยากบนท้องถนนก็ว่าได้ และขอดีของรถ super car ไม่นับที่จอด รถไม่เคยเก่าเลยไม่ว่ารถจะอยู่กับคุณไปนานแค่ไหนหน้าตาของมันก็จะยังคงอยู่อีกนาน

ในเรื่องประสิทธิภาพ เมื่อเป็นรุ่นที่แรงสุด โหดสุด แล้วไม่ต้องพูดถึงความสบายเพราะรถออกแบบมาเพื่อความดิบ คุณจะหาปุ่ม Eco Mode หรือ ไม่มีแน่นอนเพราะรถถูกจูนมาเพื่อความแรงเท่านั้น คุณขับอยู่ในโหมดไหนก็ตามรถก็จะไม่ปราณีคุณเลย รถพร้อมที่จะทะยานออกเพียงอย่างเดียว GT R เหมาะกับผู้ที่ต้องการ super car แบบดิบ ดิบ ขับสนุก เพราะรถจะให้คุณควบคุมมันได้ด้วยการปิดระบบ Traction Control ได้ถึง 9 ระดับ เป็นการฝึกฝีมือว่าคุณขับได้ดีแค่ไหน และ GT R ถ้าอยู่ในโหมด RACE จะขับได้ดีในแทร็ค เหมือนเป็นการปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างเต็มที่ 


เมื่อคุณควบคุมมันได้แล้ว MERCEDES-AMG GT R จะเป็นรถอีกหนึ่งคันที่ขับขี่ได้อย่างสนุกสนานแน่นอน เพราะในปัจจุบันรถที่มีแรงม้า สูงขนาดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นระบบขับเคลือน 4 ล้อ ซึ่งควบคุมง่ายกว่ามาก แต่ GT R ขับเคลื่อนล้อหลังเพียงอย่างเดียวจึงทำให้รถมีอาการมากกว่า แต่ขับขี่ได้สนุกกว่า

MERCEDES-AMG GT R ราคา 18,000,000 บาท
 


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ