หากพูดถึงการขับขี่ออฟโรด หลายคนคงนึกถึงภาพการเดินทางที่แสนสมบุกสมบันแถมทดสอบทักษะนักขับได้เป็นอย่างดี
แต่นอกเหนือจากความสนุกและประสบการณ์สุดท้าทายที่ได้รับ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือผู้ขับขี่จะต้องมีความรู้และความเชี่ยวชาญในการผจญภัยแบบออฟโรดเพื่อความปลอดภัยต่อตัวเองและเพื่อนร่วมท้องถนน เพราะการขับขี่ออฟโรดนั้นเต็มไปด้วยความท้าทายและอาจไม่สะดวกสบายเหมือนการขับรถบนถนนพื้นผิวเรียบทั่วไปเหมือนในชีวิตประจำวัน
1. เตรียมตัวให้พร้อม
การขับขี่แบบออฟโรดนับเป็นเรื่องท้าทายที่เราไม่ควรประมาท ดังนั้น การวางแผนการเดินทางอย่างละเอียด การเตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือและเตรียมรถให้พร้อมใช้งานเต็มกำลังจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง แนะนำให้เตรียมเช็กลิสต์สำหรับการเดินทางโดยเริ่มตั้งแต่ เติมน้ำมันให้เต็มถัง เตรียมเชือกสำหรับลากรถ ยางสำรอง ชุดอุปกรณ์การเปลี่ยนยาง เครื่องปั๊มลมแบบพกพา น้ำดื่ม ไฟฉาย และอื่นๆ
2. ลดแรงดันของยาง
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรด อีกทั้งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารตลอดระยะเวลาการเดินทาง นอกจากนี้ ข้อดีในการลดแรงดันของยางนั้นมีอยู่มากมาย เช่น
- หากพื้นผิวยางสามารถสัมผัสพื้นผิวของถนนได้มากเท่าไหร่ ก็จะช่วยให้รถสามารถกระจายน้ำหนักได้สมดุลมากเท่านั้น
- ยางจะสามารถดูดซับแรงกระทบได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยปกป้องล้อและส่วนอื่นๆ ของยานพาหนะเมื่อขับเคลื่อนบนถนนที่มีพื้นผิวขรุขระ
- การลดแรงดันของยางจะมอบความรู้สึกของการขับขี่ที่นุ่มนวลและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นเมื่อออกผจญภัยแบบสมบุกสมบัน ยางที่อ่อนเล็กน้อยจะช่วยยึดเกาะถนนที่มีพื้นผิวขรุขระและสามารถลดแรงกระแทกได้ในเวลาเดียวกัน
3. ขับรถด้วยความเร็วต่ำ ไม่ต้องรีบร้อน
การขับรถเร็ว หมายถึง คุณจะมีเวลาตอบสนองน้อยลงต่อสิ่งรอบข้างที่จะเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว และมักจะใช้เวลานานกว่าเมื่อคุณต้องการจะหยุดรถ ความเร็วจะเพิ่มความเสียหายต่อยานพาหนะมากขึ้นในกรณีที่คุณขับรถข้ามสิ่งกีดขวางหรือเมื่อปะทะกับสิ่งใดก็ตาม ในทางกลับกัน การขับรถในอัตราความเร็วต่ำจะช่วยให้ระบบกันกระเทือนรับมือกับแรงกระทบได้ดีกว่า ทำให้การขับขี่นั้นนุ่มนวลและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ คุณยังมีเวลามากพอที่จะตรวจสอบสิ่งรอบข้าง และมีเวลาไตร่ตรองก่อนจะตอบสนองกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
4. เลือกเส้นทางที่ดีที่สุดทุกครั้ง
ทุกครั้งที่ต้องออกเดินทาง ควรศึกษาเส้นทางให้ละเอียดเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง พยายามศึกษาว่าในเส้นทางนั้นๆ มีจุดไหนที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เช่นทางโค้ง ทางเลี้ยวหักศอก ทางชัน และอื่นๆ เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น
5. ทำความเข้าใจในเรื่องการขับขี่บนพื้นผิวถนนที่แตกต่างกัน
พื้นผิวถนนที่แตกต่างกันจำเป็นต้องใช้เทคนิคและฟังก์ชั่นการขับขี่ที่แตกต่างกันด้วย
- พื้นผิวทราย ปัจจัยสำคัญในการขับออฟโรดบนพื้นผิวทราย คือ การรักษาสมดุลของตัวรถและรักษาอัตราหมุนของเครื่องยนต์ (RPM) ให้สูงเสมอ หากคุณขับรถช้าหรือไม่ขยับล้อรถ ก็จะเพิ่มความเสี่ยงที่รถจะจมทรายมากขึ้น เมื่อจอดรถบนหลุมทรายลึก คุณควรจะรอให้รถไหลและหยุดเองก่อนที่จะดับเครื่องเพื่อป้องกันล้อไม่ให้จมลงไปในทราย และเพื่อการใช้เบรกและออกรถครั้งต่อไปที่ง่ายดายยิ่งขึ้น อีกหนึ่งเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณออกรถครั้งต่อไปได้อย่างนุ่มนวล คือ การจอดรถบนพื้นผิวราบหรือให้รถหันหน้าลงเล็กน้อย
- ดินโคลน เมื่อคุณขับรถบนถนนที่มีพื้นผิวลื่น เช่น บนโคลน ก้อนกรวด หญ้าเปียก สิ่งสำคัญที่สุด คือ การควบคุมรถเพื่อป้องกันการลื่นไถล ลดความเร็ว และใช้รอบเครื่องยนต์ให้คงที่
- พื้นหิน สำหรับการขับขี่บนพื้นหินขรุขระ คุณควรขับขี่ที่โหมดอัตราทดต่ำเท่านั้น เทคนิคนี้จะช่วยให้คุณขับปีนข้ามหินโดยรถยนต์ไม่ได้รับความเสียหาย และจะช่วยให้การเกาะถนนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
และทั้งหมดนี้ ก็เป็นเทคนิคที่จะทำให้การขับขี่ออฟโรดสนุกและปลอดภัย ครับ
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น