Honda Accord รุ่นปรับปรุงใหม่ 2022 ในรุ่นเริ่มต้น 1.5 Turbo ออปชันแน่นขึ้น ส่วนในรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 Hybrid เปลี่ยนชื่อรุ่นใหม่เป็น e:HEV พร้อมกับใส่ออปชันเพิ่มนิดหน่อย
Honda Accord 2022 รีวิว
ฮอนด้า แอคคอร์ด (Honda Accord) เป็นอีกหนึ่งรุ่น ที่ครองใจชาวไทยมาอย่างยาวนาน จนปัจจุบันก้าวเข้ามาสู่ เจเนอเรชันที่ 10 หลังจากที่เปิดตัวไปได้ประมาณ 2 ปี วันนี้ถึงเวลาปรับปรุงโฉม เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานได้ดียิ่งขึ้น แต่ยังไม่ใช่โฉมไมเนอร์เชนจ์นะครับ หน้าตายังคงเหมือนเดิม โดยมีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่
- 1.5 Turbo EL
- 2.0 e:HEV EL+
- 2.0 e:HEV TECH
ในบทความนี้ ออโต้สปินน์ได้มีโอกาสสัมผัสและทดสอบ ฮอนด้า แอคคอร์ด (Honda Accord) เจเนอเรชันที่ 10 โดยได้ทดสอบทั้งหมด 2 รุ่น คือ 1.5 Turbo EL (รุ่นเริ่มต้น) และ 2.0 e:HEV TECH (รุ่นท็อปสุด) เรามาดูกันครับว่าแต่ละรุ่นเพิ่มเติมอะไรมาให้บ้าง
Honda Accord 1.5 Turbo EL
Honda Accord 1.5 Turbo EL ถือเป็นไฮไลท์ของการปรับปรุงโฉมในครั้งนี้เลยครับ เพราะได้เพิ่มออปชันมาให้เยอะพอสมควร ถ้าเทียบกับในรุ่นก่อน สำหรับภายนอกสิ่งที่ได้เพิ่มคือ ไฟตัดหมอกแบบ LED และ ท่อคู่ พร้อมปลอกโครเมี่ยม ซึ่งก็ทำให้รถดูสวยงามลงตัวขึ้น ส่วนออปชันภายนอกอื่น ๆ ยังคงใช้ของเดิม คือ ไฟหน้าแบบ Full LED พร้อมไฟ Daytime Running Lights แบบ LED ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า แบบอัตโนมัติ ไฟท้ายแบบ LED เสาอากาศแบบครีบฉลาม Shark Fin ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว
ดีไซน์ภายใน Honda Accord 2022
ภายใน Honda Accord 1.5 Turbo EL สิ่งที่เพิ่มมาให้ก็ถือว่าเยอะพอสมควร เช่น แท่นชาร์จไร้สาย Wireless Charger ,กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ ,กระจกไฟฟ้าขึ้น-ลงอัตโนมัติทั้ง 4 บาน ,ม่านบังแดดประตูหลัง ,ช่องต่อ USB หลัง 2ช่อง , ระบบ Honda Connect และทีเด็ดคือได้ระบบ Honda SENSING แต่ระบบ Honda SENSING ยังคงใช้เป็นระบบเดิม 5 ระบบ ได้แก่
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (CMBS)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (ACC with LSF)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (RDM with LDW)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)
แต่ยังไม่มีระบบ เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (LCDN) มาให้เหมือนกับ Honda Civic โฉมล่าสุด นะครับ ดูเหมือนยังกั๊กออปชัน ก็ต้องรอลุ้นกันอีกทีในโฉมไมเนอร์เชนจ์ ว่าจะให้มาหรือเปล่า ส่วนออปชันภายในอื่นๆ ยังคงเหมือนเดิม คือ ระบบบันทึกความจำตำแหน่ง เบาะนั่งคนขับ Memory Seat ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone ระบบ Auto Brake Hold มาตรวัด พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว
ระบบความบันเทิง หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง
เครื่องยนต์ ขนาด 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิด 243 นิวตัน-เมตร ไดเรคอินเจคชัน ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง และเทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่ช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้เครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT รองรับน้ำมัน E85 อัตราการประหยัดน้ำมันใน Eco Sticker 16.4 กิโลเมตร/ลิตร
ขับทดสอบ Honda Accord 1.5 Turbo EL
Accord ในรุ่นนี้เครื่องยนต์ยังคงใช้ของเดิม แม้เครื่องยนต์จะแค่ 1.5 ลิตร แต่มีเทอร์โบพ่วงมาให้ด้วย และแรงบิดยังมาในรอบที่ต่ำ จึงทำให้มีพละกำลังที่เหลือเฟือมากพอที่จะแบกน้ำหนักตัวรถ 1,464 กิโลกรัม ให้พุ่งออกไปแบบไร้แรงหน่วง หากใครที่สงสัยว่าวิ่งทางไกลไปไหวไหม ขับขึ้นเขาหรือทางลาดชันไหวไหม ผมขอตอบตรงนี้เลยว่าไปได้สบายมากครับ เป็นรถที่ขับสนุกแรงพอประมาณ ได้อารมณ์ของการขับรถเทอร์โบ โดยเฉพาะสายซิ่ง ถ้าเอาไปต่อยอดความแรง ก็ทำได้สบายมากครับ
ในเรื่องของการเก็บเสียง หากเราใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ถือว่าเก็บเสียงได้ดีประมาณนึง แต่ถ้าใช้ความเร็วมากกว่านั้น จะเริ่มได้ยินเสียงลม ในส่วนของระบบช่วงล่างและการทรงตัวขณะทำความเร็ว ถือเป็นรถที่ขับแล้วรู้สึกมั่นใจดีครับ ช่วงล่างจะออกแนวเกือบแข็ง ได้ความรู้สึกสปอร์ต แต่จุดเด่นของการปรับปรุงโฉมในครั้งนี้ คือระบบ Honda SENSING ที่มีให้ 5 ระบบ ซึ่งพระเอกของระบบความปลอดภัยนี้ คือกล้องจับวัตถุที่ติดตั้งด้านบนของกระจกหน้า และเรดาร์กะระยะที่ติดตั้งด้านหน้ารถ โดยระบบต่างๆเท่าที่ได้ทดสอบ การทำงานเสถียรใช้ได้เลย โดยเฉพาะระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ที่ทำงานจนถึงจุดหยุดนิ่ง ระบบรักษาช่องทางเดินรถที่ใช้งานง่าย จนทำให้รถคันนี้กึ่งๆ Auto pilot เลยล่ะครับ
Honda Accord 2.0 e:HEV TECH
เรามาต่อกันที่ Honda Accord 2.0 e:HEV Tech (รุ่นท็อปสุด) หลัก ๆ คือการเปลี่ยนชื่อรุ่นใหม่ จาก Hybrid เป็น e:HEV ภายนอกแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกจากสัญลักษณ์ e:HEV นอกนั้นใช้ของเดิม คือ ไฟหน้าแบบ Full LED พร้อมไฟ Daytime Running Lights แบบ LED ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า แบบอัตโนมัติ ไฟท้ายแบบ LED เสริมความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลัง เสาอากาศครีบฉลาม ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว และซันรูฟพร้อมระบบ One-Touch
ดีไซน์ภายใน Honda Accord 2.0 e:HEV Tech
ภายใน Honda Accord 2.0 e:HEV Tech ได้เพิ่มระบบฟอกอากาศ พลาสม่าคลัสเตอร์ และกระจกไฟฟ้าปรับขึ้น-ลงอัตโนมัติทั้ง 4 บาน นอกนั้นใช้ของเดิมหมดเลยเช่น
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา
- ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD)
- มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว
- เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง
- ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ (Memory Seat with Easy Entry/Exit)
- แท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
- กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
- ม่านบังแดดกระจกข้างด้านหลัง
- ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
- Honda CONNECT
- ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วแบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI
- Honda SENSING
Honda Accord 2.0 e:HEV มาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน กำลังสูงสุด 215 แรงม้า จากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า แรงบิดสูงสุด 315 นิวตัน-เมตร อัตราการประหยัดน้ำมันใน Eco Sticker 24.4 กิโลเมตร/ลิตร
ขับทดสอบ Honda Accord 2.0 e:HEV TECH
จากการทดสอบ ผมได้ใช้ความเร็วเฉลี่ยประมาณ 120-140 กม./ชม. ตามสภาพถนนและการจราจร เครื่องยนต์มีกำลังมากพอที่จะแบกน้ำหนักตัวรถ 1,568 กิโลกรัม ให้พุ่งทะยานออกไปแบบไม่ต้องเค้นกำลัง และสามารถไต่ระดับความเร็วไปได้เรื่อย ๆ โดยในรุ่นนี้ น้ำหนักตัวรถจะมากกว่ารุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบประมาณ 104 กิโลกรัม เพราะมีแบตเตอรี่ไฮบริด การเข้าโค้งที่ความเร็ว 120 กม./ชม. ก็ทำได้นิ่งมั่นใจ ส่วนการเก็บเสียง Accord Gen 10 ได้มีการฉีดโฟมเพื่อลดเสียง และมีระบบ Active Noise Control ช่วยตัดเสียงรบกวนความถี่ต่ำในห้องโดยสาร แต่ก็ยังพอได้ยินเสียงของลมภายนอกและเสียงของเครื่องยนต์ในช่วงที่กดคันเร่งแบบคิกดาวน์เข้ามาบ้าง ในช่วงที่เป็นผิวทางขรุขระมากๆ อาจมีเสียงยางที่บดกับพื้นผิวถนนเล็ดลอดเข้ามาให้ได้ยินเล็กน้อย
สรุปรีวิวโดยรวม
การปรับปรุงโฉมในครั้งนี้ ในเรื่องของสมรรถนะเครื่องยนต์ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนครับ เหมือนกับตัวก่อนเลย สิ่งที่แตกต่างเยอะที่สุดก็คือรุ่น 1.5 Turbo EL ที่ใส่ออปชันและระบบความปลอดภัยมาให้เยอะพอสมควร ซึ่งจ่ายเพิ่มจากรุ่นก่อนหน้าเพียงแค่ 24,000 บาท ถือว่าคุ้มมากครับ แต่สำหรับในรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดมีออปชันเพิ่มมาให้แค่นิดหน่อย และถ้าถามว่าซื้อรุ่นไหนดี ระหว่างเครื่องยนต์ 1.5 Turbo กับ 2.0 e:HEV (เครื่องไฮบริด) ผมขอตอบแบบนี้ครับ
ในรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบ ได้ความคุ้มค่าในเรื่องของราคา และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า และถ้าหากคุณชอบเสน่ห์ของเครื่องยนต์เทอร์โบ หรือซื้อเพื่อต้องการนำไปแต่งอยู่แล้ว ผมว่ารุ่น 1.5 Turbo EL ตอบโจทย์คุณแน่นอน
แต่ถ้าคุณชอบเทคโนโลยี และออปชันแบบจัดเต็ม ได้หลังคาซันรูป ไฟจอ Head Up Display แอร์ระบบฟอกอากาศ และได้ความประหยัดน้ำมันจากเครื่องยนต์ไฮบริด ก็จัดตัวท็อปไปเลยครับ
ราคา Honda Accord 2022
Honda Accord 2022 มีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่
- Honda Accord 2022 1.5 Turbo EL ราคา 1,499,000 บาท
- Honda Accord 2022 2.0 e:HEV EL+ ราคา 1,639,000 บาท
- Honda Accord 2022 2.0 e:HEV Tech ราคา 1,799,000 บาท
Honda Accord 2022 มี 4 สี
- สีใหม่ เทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) ภายในห้องโดยสารสีน้ำตาล
- สีขาวแพลทินัม (มุก) ภายในห้องโดยสารสีน้ำตาล
- สีดำคริสตัล (มุก) ภายในห้องโดยสารสีน้ำตาล
- สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) ภายในห้องโดยสารสีดำ
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ ตรวจสอบราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับเรา Autospinn
สำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์ Honda Accord มือสอง คุณภาพดี สามารถเข้าไปดูรายละเอียดโปรโมชัน และเช็คราคารถมือสองได้ที่: ตลาดรถ one2car แหล่งรวมรถแอคคอร์ดมือสอง มีรถมาใหม่ทุกวัน
ความคิดเห็น