กิจกรรมพิเศษกับงาน “Audi RS Driving Experience” เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าตระกูล RS และสื่อมวลชนสัมผัสประสบการณ์ของสมรรถนะอันทรงพลังเทคโนโลยียนตรกรรมอันเหนือชั้นและเพิ่มทักษะการควบคุมรถและการขับขี่อย่างปลอดภัย ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์
Audi RS
“Born on the track, Built for the road.” คือแนวคิดหลักในการพัฒนายนตรกรรม RS โมเดลทุกรุ่น ที่สะท้อนการถ่ายทอดเทคโนโลยี แรงบันดาลใจและประสบการณ์ความสำเร็จบนสนามแข่ง ซึ่งอาวดี้สามารถคว้าชัยรายการแข่งขันรถยนต์ระดับโลกมานับครั้งไม่ถ้วน สู่การพัฒนาสุดยอดยนตรกรรมให้มีความล้ำหน้าและสมบูรณ์แบบตอบโจทย์ทุกมิติ ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จการทำงานอย่างไม่หยุดยั้งของทีมวิศวกร Audi Sport GmbH ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด และทำการทดสอบอย่างเข้มข้น ยนตรกรรม Audi ทุกรุ่น จึงมีความลงตัวและสมบูรณ์แบบที่สุด
สำหรับยนตรกรรมตระกูล RS ของ Audi ได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยความภาคภูมิแห่งศักดิ์ศรีและความโดดเด่นจากรถยนต์จากสนามแข่งมามากกว่า 27 ปี เริ่มจากความสำเร็จที่โด่งดังไปทั่วโลกของ RS 2 Avant ในปี พ.ศ. 2537 แสดงให้เห็นถึงปรัชญาอันมุ่งมั่นในเรื่องสมรรถนะของเครื่องยนต์อันทรงพลัง การมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และที่สำคัญสามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสมบูรณ์แบบสุดๆ ในประเทศไทย อาวดี้ ประเทศไทย ได้นำยนตรกรรมรุ่น RS มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2562 เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ชอบความเร็ว แรง เร้าใจ และแสวงหายนตรกรรมอันทรงพลัง สมรรถนะสูงพร้อมพาทะยานไปข้างหน้าสู่จุดหมายที่ไร้ขีดจำกัด โดยทุกรุ่นได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลาม และบอกต่อ โดยความโดดเด่นที่มีการพูดถึงเสมอ คือ ความเป็น Super Car ในราคาที่จับต้องได้ เพราะเมื่อเปรียบเทียบความเร็ว แรงม้า และออฟชั่นส์ที่ใส่มาในแต่ละรุ่นกับราคาที่ตั้งไว้ นับว่าคุ้มค่า ขณะที่ลูกค้าที่ซื้อไปต่างประทับใจในสมรรถนะอันเยี่ยมยอด ทรงพลัง ขับสนุกสุดๆ เร้าใจไร้ขีดจำกัด และสัมผัสได้ถึง DNA แห่ง Racing Sport
กิจกรรม “Audi RS Driving Experience” จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 7-10 มีนาคม โดยลูกค้าและสื่อมวลชนจะได้รับฟังข้อมูลความโดดเด่นของยนตรกรรม Audi ตระกูล RS รวมถึงเทคโนโลยีสุดล้ำที่ใส่มาในแต่ละรุ่น โดยเฉพาะระบบความปลอดภัย โหมดการขับขี่ และการทำงานของเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro รวมถึงทักษะการควบคุมรถในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การเข้าโค้งด้วยความเร็วในเส้นทางคดเคี้ยว หรือในสถานการณ์ที่ต้องเบรกกะทันหัน ซึ่งลูกค้าและสื่อมวลชนสามารถเลือกลองขับรถได้ทุกรุ่น
TT RS Coupé สุดยอดไอคอนของอาวดี้ตลอดกาล โดดเด่นพิเศษด้วยเครื่องยนต์สันดาปรุ่นสุดท้าย ก่อนที่เข้าสู่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า เป็นเครื่องยนต์แถวเรียง 5 สูบ TFSI ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ช่วงล่างแบบสปอร์ตพร้อมระบบ Audi magnetic ride ท่อไอเสีย RS sports Exhaust ผ่านการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อถ่ายทอดเสียงของเครื่องยนต์ได้อย่างเร้าใจ
RS 4 Avant quattro ยนตรกรรม Avant ที่ถูกสร้างมาด้วย DNA ของรถแข่ง และนับเป็นสเตชั่นแวกอนที่มีสมรรถนะสูง เร้าใจเป็นที่สุด ด้วยเครื่องยนต์ V6 สมรรถนะสูงถึง 2,894 ซีซี เทอร์โบคู่ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ quattro all-wheel drive ให้กำลังสูงสุด 450 แรงม้า และแรงบิด 600 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ tiptronic 8 จังหวะ
RS Q3 Sportback quattro อีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่สะท้อนความสำเร็จของ Audi Sport GmbH ที่เข้าข่ายเป็น สปอร์ตคูเป้สุดโหดแห่ง พ.ศ.นี้ กับ Optimum power delivery ให้เสียงคำรามสุดดุดัน ซึ่งเกิดจากการปรับแต่งระบบท่อไอเสียใหม่ ช่วงล่างแบบ RS sports ถูกตั้งค่าให้มีคาแรคเตอร์ของการขับขี่แบบสปอร์ต ให้พละกำลังสูงถึง 400 แรงม้า
RS 5 Coupé quattro สปอร์ตคูเป้ตัวแรง สะท้อนความสำเร็จกว่า 27 ปี ของทีม Audi Sport ที่ให้ประสบการณ์สนุกสุดเหวี่ยงกับพละกำลังที่เร้าใจ จากขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินแบบ V6 2.9 ลิตร เทอร์โบชาร์จ เกียร์ tiptronic 8 จังหวะ พร้อมประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ quattro ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง (direct injection) ให้พละกำลังสูงสุด 450 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลสูงถึง 600 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องต่ำ และสามารถทำได้ในช่วงกว้าง ส่งผลให้การออกตัวดี ขับขี่สนุก เร้าใจ ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่สามารถทำได้ เพียง 3.9 วินาที ระบบเบรกแบบ RS ตกแต่งคาลิปเปอร์เบรกสีแดงหน้า-หลัง และให้ฟิลลิ่งเหมือนขับขี่อยู่ในสนามแข่งมากยิ่งขึ้น ด้วยระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต (RS Sports suspension) เมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ระบบจะช่วยเสริมทำให้เกาะถนนมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจในทุกช่วงความเร็วและทุกสภาพถนน
RS 6 Avant quattro รถสปอร์ตสมรรถนะสูง มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน Mild hybrid (MHEV) แบบ V8 Twin-Turbo ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง เกียร์อัตโนมัติ Tiptronic 8 จังหวะ อัดแน่นด้วยแรงม้า 600 ตัว และแรงบิด 800 นิวตันเมตร 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.6 วินาที
พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro with sports differential ติดตั้ง ระบบ All-wheel steering ซึ่งช่วยเพิ่มการทรงตัวขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วและลดรัศมีวงเลี้ยวในขณะใช้ความเร็วต่ำ เติมเต็มดีเอ็นเอความสปอร์ตด้วยระบบเบรก RS พร้อมตกแต่งคาลิปเปอร์เบรกสีแดง อีกทั้งยังสะดวกสบายไร้กังวลในการขับขี่ด้วยช่วงล่างสมรรถนะสูง RS Sports พร้อมระบบ Dynamic Ride Control (DRC) ที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมรถให้คมชัดมากยิ่งขึ้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่แบบไดนามิก ช่วยในการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมแม้เข้าโค้งอย่างรวดเร็ว มาพร้อมกับ Audi drive select เลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ทั้งแบบอัตโนมัติ หรือจะซิ่งสนุกกับ “RS MODE” ก็ทำได้ง่ายดาย และอีกความเร้าใจที่พิสูจน์ ได้ใน Audi RS 6 Avant quattro คือ ท่อไอเสีย RS Sport ขนาดใหญ่รูปทรงวงรีที่พร้อมเสียงคำรามจากเครื่อง V8 Twin-Turbo อย่างสนั่น พร้อมเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตให้คุณทันทีที่ก้าวขึ้นรถเสมือนนักแข่งตัวจริง
พร้อมยกขบวนไอคอนยอดฮิตตลอดกาลอย่าง TT Coupé 45 TFSI quattro S line, A5 Coupe และ A5 Sportback 45 TFSI quattro S line Black Edition, Q3 40, Q3 Sportback 40 TFSI quattro S line Black Edition และล่าสุดกับ Plug-in Hybrid TFSI e ที่พึ่งเปิดตัวไปครบทั้ง Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition มาให้ลูกค้าและสื่อมวลชนได้ทดลองขับกันตลอด 4 วัน
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงสมถรรนะของ รถยนต์ในตระกูล RS ที่มีพละกำลังมากมายแล้วแต่ก็ยังคงให้การขับขี่ที่ดีเยียมอีกด้วย ด้วยระบบ quattro ที่ทำให้ตัวรถทั้งเกาะถนนและควบคุมได้อย่างง่ายได้รวมถึง แรงม้าทุกตัวถูกถ่ายทอดได้อย่างเต็มกำลัง
ในการทดสอบครั้งนี้อาจจะไม่ได้ขับทุกรุ่นทางทีมงานได้ทดสอบ RS 4 Avant quattro ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเป็นรถที่หน้าตาภายนอกอาจจะดูธรรมดาแต่พอได้ขึ้นไปขับแล้วจะรู้สึกได้เลยว่ามันเป็นรถที่แอบซ่อนความแรงเอาไว้ กดคันเร่งทุกครั้งเหมือนปลดปลอยพลังออกมา เป็นรถที่ควบคุมได้ง่ายพร้อมทั้งสามารถขนของได้เยอะด้วย
อีกคันกับ TT RS Coupé ตัวเล็กมุดสบายขับสนุกทุกครั้งที่กดคันเร่ง เสียงเครื่องยนต์ที่ผ่านออกปลายท่อทำให้รู้สึกถึงพลังที่แสดงออกมา แรงม้าอาจจะดูน้อยกว่าคันอื่นแต่บอกเลยว่าขึ้นไปขับแล้วไม่รู้สึกต่างจากรุ่นพี่เลย ด้วยขนาดตัวรถที่เล็กทำให้น้ำหนักเบาและคร่องตัวมาก
Audi เป็นรถยนต์นำเข้าจากประเทศเยอรมันทุกรุ่น ลูกค้าที่ออกรถใหม่จะได้รับการดูแลจาก Audi Protection การรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน รถ Plug-in Hybrid TFSI e ใหม่ ทุกรุ่นรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี ลูกค้าอาวดี้สามารถมั่นใจกับงานบริการหลังการขาย ซึ่งมีมาตรฐานคุณภาพเดียวกันทุกสาขา โดยในช่วงสถานการณ์โควิดนี้ เปิดบริการในวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 08.00-18.00 น. วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-18.00 น. หรือโทรนัดหมายได้ที่
Autospinn เว็บไซต์รายงานข่าวรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซค์ เช็ควันเปิดตัวรถใหม่ ราคารถ ตารางผ่อน และรีวิวรถยนต์ รถจักรยานยนต์ โดยทีมงานมืออาชีพ
ซื้อ-ขาย รถมือสอง ได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยชัวร์ ต้องที่ ตลาดรถ One2car
ความคิดเห็น