สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ระบุตลาดรถปี 2565 มีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ  Share this

สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ระบุตลาดรถปี 2565 มีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ 

Wongsupat
โดย Wongsupat
โพสต์เมื่อ 25 March 2565

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (The Thai Automotive Industry Association : TAIA) จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสื่อมวลชน (TAIA Meets the Press) ในหัวข้อ “ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย” ระบุตลาดรถปี 2565 มีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ มองแนวโน้มตลาดรวมสามารถฟื้นตัวได้ ชี้มาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้ารัฐเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้มากยิ่งขึ้น


สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ระบุตลาดรถปี 2565 มีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ

สุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า ในปี พ.ศ. 2565 คาดการณ์การผลิตรถยนต์ของไทยโดยรวมที่ 1.8 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มียอดผลิต 1.68 ล้านคัน โดยแบ่งเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 8 แสนคัน และผลิตเพื่อส่งออก 1 ล้านคัน ส่วนตัวเลขรถจักรยานยนต์ คาดการณ์ยอดผลิตที่ 2,000,000 คัน และยอดจำหน่ายปีนี้ 1,650,000 คัน  เพิ่มขึ้น 3% 

ปัจจัยบวก

อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2565 มีปัจจัยบวกสนับสนุนในหลายส่วน ได้แก่ 

  • การที่รัฐบาลเตรียมประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เนื่องจากมีผู้ได้รับวัคซีนมากกว่า 80% ของประชากรทั้งประเทศและมีการปรับวิถีชีวิตอยู่ร่วมกับโควิดได้ดีขึ้น 
  • นโยบายเปิดประเทศโดยการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ การเพิ่มพื้นที่สีฟ้าเพื่อนำร่องการท่องเที่ยว การเปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ เช่น มาตรการ Test & Go ยกเลิกการตรวจ RT-PCR ก่อนการเดินทางที่จะเริ่มในวันที่ 1 เมษายนนี้  เป็นต้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง 
  • สถานการณ์เศรษฐกิจที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยตลอดปี พ.ศ. 2565 ว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 4% โดยมาจากการขยายตัวของภาคการส่งออก 4.9% การอุปโภคบริโภค 4.5% การลงทุนภาคเอกชน 3.8%  และการลงทุนภาครัฐ 4.6% 
  • มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ ในการช่วยเหลือประชาชน ผู้ประกอบการ และผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา  

ปัจจัยลบ

ส่วนด้านปัจจัยลบ ทางสมาคมฯ มองว่า มี 2 สาเหตุหลัก คือ 

  • ปัจจัยลบนอกประเทศ เช่น ปัญหาการขาดแคลนและการถูกปรับราคาขึ้นของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เนื่องจากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปัญหา Logistic & Supply chain disruption จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ การแข่งขันทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ปัญหาความรุนแรงระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกสูงขึ้น รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ 
  • ปัจจัยลบภายในประเทศ ได้แก่ ค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่องทั่วโลก อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น  และปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อกำลังการซื้อของประชาชนที่ลดลง   

รถยนต์ไฟฟ้าโตก้าวกระโดด

สำหรับกระแสยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ที่กำลังเป็นเทรนด์ของทั่วโลก เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ได้เข้ามาตอบโจทย์การลดภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน ประเทศต่างๆ หันมาส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น โดยเฉพาะในจีนและสหรัฐอเมริกา ล่าสุดรัฐบาลไทยได้ผ่านร่างมติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) กำหนดนโยบาย 30@30 คือ การตั้งเป้าการผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle)  หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี ค.ศ.2030  หรือ พ.ศ.2573 เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) และการเป็นฐานการผลิต        ยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลกหรือศูนย์กลางของภูมิภาค (EV Hub) 

“มาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐที่เพิ่งประกาศล่าสุด เช่น การสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์และภาษีของยานยนต์ไฟฟ้าเป็นการกระตุ้นตลาด เพื่อให้รถไฟฟ้ามีราคาที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภค โดยในปีนี้คาดการณ์ยอดจดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้าจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด สำหรับประเภทรถยนต์นั่งไฟฟ้า คาดว่าน่าจะทะลุ 10,000 คัน ส่วนเรื่องการสร้างไทยให้เป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเหมือนกับรถกระบะ และรถอีโค่คาร์นั้น สมาคมฯ มองว่าไทยมีศักยภาพที่เหนือกว่าประเทศอื่นๆ ในด้านบุคลากรทักษะสูง ประสบการณ์ ความชำนาญในการประกอบและผลิตรถยนต์ที่ได้รับการยอมรับตามมาตรฐานสากลมาอย่างยาวนาน รวมทั้งยังมีเครือข่ายผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ (Supply Chain) ที่แข็งแกร่ง และยังมีนโยบายรัฐเพื่อส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันเรายังต้องการตลาดขนาดใหญ่ขึ้นทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อให้การผลิตมี Economy of Scales รวมถึงเราต้องมีการประเมินศักยภาพของประเทศรอบข้าง และมาตรการสนับสนุนต่างๆอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายได้”

ยูเครน VS รัสเซีย

ส่วนเรื่องการสู้รบระหว่างยูเครนและรัสเซียนั้น ไทยส่งออกรถยนต์ไปยังรัสเซีย 1% ของสัดส่วนการส่งออก และส่งออกไปยังยูเครนเพียง 0.1% ถือว่า ไม่มาก ดังนั้น การส่งออกรถยนต์ส่วนนี้จึงไม่ค่อยได้รับผลกระทบ แต่การสู้รบครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อค่ายรถยุโรปหรือบริษัทแม่ในฝั่งยุโรป มีผลต่อการประกอบรถในไทย โดยเฉพาะการขนส่งชิ้นส่วนมาไทย ขณะเดียวกันในระยะยาวต้องดูว่าสถานการณ์ครั้งนี้ยืดเยื้อมากน้อยเพียงใด เพราะล่าสุดเรื่องการส่งออกเริ่มหันมาใช้เส้นทางร่วมในการขนส่ง เรื่องนี้ ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป 

Autospinn เว็บไซต์รายงานข่าวรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซค์ เช็กวันเปิดตัวรถใหม่ ราคารถ ตารางผ่อน และรีวิวรถยนต์ รถจักรยานยนต์ โดยทีมงานมืออาชีพ
ซื้อ-ขาย รถมือสอง ได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยชัวร์ ต้องที่ ตลาดรถ One2car


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ