เทรนด์ทิศทางค่าไฟฟ้าขาขึ้นแต่ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะนอกจากจะทำให้สังคมโลกดีขึ้น สภาพแวดล้อมดีขึ้น ก็ยังทำให้เศรษฐกิจของเราขับเคลื่อนไปได้ด้วยเช่นกัน “EV สู่สังคมคาร์บอนต่ำ” จะเป็นอย่างไร
คุณเอกชัย ยิ้มสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อรุณพลัส จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์ไว้กับทางรายการ นาทีลงทุนทางช่อง 9
ภาพรวมของ EV หลังจากดำเนินการธุรกิจของยานยนต์ไฟฟ้า ทิศทาง EV จากมติครม. ในบ้านเรามีแนวโน้มอย่างไร?
บทสัมภาษณ์คุณเอกชัย ยิ้มสกุลเริ่มนาทีที่ 18.18
คุณเอกชัย ยิ้มสกุล กล่าวว่า “ภาครัฐเองมีนโยบายตั้งแต่ต้นปีในเรื่องการสนับสนุน EV ทั้งลดภาษีนำเข้า 40% ลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% และยังมีเงินสนับสนุนคันละประมาณ 150,000 บาท ในส่วนนี้เองก็มีผลต่อเนื่องในกาการอนุมัติงบประมาณในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ภาพลักษณ์ของการกระตุ้นการใช้ EV ในประเทศ ค่อนข้างจริงจัง สังเกตจากตัวเลขของราคารถ EV เมื่อเทียบกับรถสันดาปที่มีสมรรถนะใกล้เคียงกัน ตัวรถ EV จะแพงอยู่กว่าประมาณ 10.5% ฉะนั้นจะช่วยปิดช่องว่างสำหรับคนที่กำลังลังเลในการตัดสินใจซื้อได้ ทำให้ให้ตัดสินใจง่ายขึ้น และด้วยภาพการสนับสนุนของรัฐจะเกิดสิ่งที่ตามมาอันใกล้นี้ จะเห็นสองภาพใหญ่หลักๆ คือ
- การลงทุนในการสร้างฐานการผลิตรถ EV ในประเทศ
เป็นเงื่อนไขของภาครัฐที่กำหนดให้ค่ายรถที่จะเข้าแคมเปญของภาครัฐ อีก 2 ปีจะต้องมีการผลิตรถในประเทศ และจะต้องผลิตตามจำนวนที่ได้รับการส่งเสริมไปในช่วงปีนี้และปีหน้า ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าการลงทุนในเรื่องการสร้างฐานการผลิตรถเพื่อรักษาผู้ประกอบการที่เป็นยานยนต์ในประเทศก็ไปต่อได้ในเรื่องของ EV
- การขยายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของเรื่องสถานีชาร์จ
เดิมเหมือนคำถามไก่กับไข่ คนลงทุนรอดูว่าจะมีการกระตุ้นจริงจังไหม หรือมีคนใช้งานรถไฟฟ้ามากพอที่การลงจะทุนคุ้มทุนรึเปล่าในส่วนของสถานีชาร์จ เพราะต้องมีการใช้เงินลงทุนไม่น้อย พอมีความชัดเจนในการกระตุ้นในส่วนของดีมานด์ ภาพของการลงทุนสถานีชาร์จเองจึงมีการขยับขยายมากขึ้น อรุณพลัส เองและบริษัท OR ในกลุ่มของปตท. วันนี้เองเราก็มีการเร่งรัดขยายการติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าให้ครอบคลุมการใช้งานในทุกพื้นที่เช่นกัน อันนี้คือภาพรวมของนโยบายภาครัฐครับ”
หากพูดถึงสภาพการใช้รถ EV เหมาะสมกับยุคปัจจุบันหรือไม่?
เนื่องจากคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ ต้องประสบปัญหาน้ำท่วมบ่อยๆ คนที่เล็งจะซื้อรถ EV อาจมีความกังวลในเรื่องนี้ คุณยิ้มตอบว่า “เป็นคำถามยอดฮิตที่โดนถามบ่อยๆ นั่นก็คือ 1. รถ EV ลุยน้ำได้ไหม 2. ผู้โดยสารมีความปลอดภัยแค่ไหนในการนำรถ EV ไปลุยน้ำ ขอเรียนแบบนี้ว่าด้วยตัวอุปกรณ์ ด้วยตัวรถมีมาตรฐานในการออกแบบเชิงเทคนิค ตัวแบตเตอรี่เองสามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ในระดับ IG-67 กล่าวคือผ่านการทดสอบโดยการจุ่มแบตเตอรี่ลงไปในน้ำลึกประมาณ 1 เมตร เป็นระยะเวลาครึ่งชั่วโมงและยกขึ้นมา เพื่อที่จะตรวจสอบการรั่วไหลว่า น้ำไม่สามารถเข้าไปทำให้แบตเตอรี่เสียหาย ที่ต้องเน้นเรื่องแบตเตอรี่โดยเฉพาะ เพราะแบตเตอรี่เป็นส่วนที่ต่ำสุดเนื่องจากตัวแบตฯมีน้ำหนักเยอะมาก เค้าจึงนำไปปูที่พื้นรถ ทำให้มีโอกาสสัมผัสกับน้ำได้มากที่สุด ด้วยเทคนิคการออกแบบที่ได้มาตรฐานก็จะตอบได้ว่า รถ EV สามารถลุยน้ำได้ลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร สำหรับน้ำท่วมขังที่รอระบายก็จะไม่พบปัญหา
ในส่วนของผู้ขับขี่เอง ด้วยระบบไฟฟ้าเป็นหัวใจหลักของรถ EV ก็จะมีมาตรฐานในการตัดวงจรการจ่ายไฟอัตโนมัติ ถ้าเกิดปัญหาหรือข้อบกพร่องในระบบ รวมถึงการเกิดการลัดวงจร ระบบไฟฟ้าก็จะตัดภายในเสี้ยววินาที อันนี้จะเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้งาน จริงๆแล้วตัวรถ EV ถ้าเลี่ยงได้ ถ้าจะต้องลุยน้ำในพื้นที่ที่เราไม่คุ้นเคยหรือคาดการณ์ไม่ได้ อาจจะต้องพยายามหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด”
ค่าน้ำมันและค่าไฟในขาขึ้น ความคุ้มทุนอยู่ตรงจุดไหน?
“ต้องบอกก่อนว่า คนที่ซื้อรถ EV ในทุกวันนี้ต้องการความประหยัด เรื่องของการประหยัดค่าไฟเมื่อเทียบกับน้ำมัน และประหยัดค่าบำรุงรักษา เมื่อเทียบชิ้นส่วนอุปกรณ์ในรถ EV กับรถสันดาปจะน้อยกว่าเยอะมาก ดังนั้นเองจะช่วยประหยัดค่าบำรุงรักษาไปถึง 2-3 เท่าเลยทีเดียว ส่วนเรื่องค่าไฟ ถ้าชาร์จไฟที่บ้าน ค่าใช้จ่ายประมาณหน่วยละ 4 บาทกว่า แต่ถ้าชาร์จไฟข้างนอกบ้าน ตามสถานีสาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า หรือ ปั๊มน้ำมัน จะอยู่ที่ประมาณ 6-7 บาทต่อหน่วย ด้วยคนที่ลงทุนติดตั้งสถานีชาร์จ ก็ต้องการผลตอบแทนในการลงทุน แต่หน่วยละ 7 บาทกว่าต้องเรียนให้ทราบว่า ไฟฟ้า 1 หน่วย รถจะวิ่งได้ประมาณ 8- 10 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับขนาดมอเตอร์ ฉะนั้นโดยรวมใช้ EV 1 กิโลเมตร ค่าใช้จ่าย จะอยู่ที่ประมาณไม่ถึง 1 บาท ในขณะที่รถน้ำมันวิ่ง 10-15 กิโลเมตร/ลิตร ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2-3 บาทต่อกิโลเมตร ดังนั้นเองก็จะเห็นตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 2-3 เท่าของ Saving ค่าเชื้อเพลิง แต่การใช้งานรถในเมือง ซึ่งต้องขับๆ หยุดๆ ในช่วงรถติด เครื่องยนต์สันดาปจะทำงานตลอด ในขณะที่ EV มอเตอร์หลักๆ ถ้าสมมุติว่าเราหยุดรถ ตัวมอเตอร์ก็จะหยุด ก็จะเห็นความแตกต่างในเรื่องการประหยัดพลังงานที่มากขึ้น หากถามต่อเรื่องค่าไฟต้องเรียนว่า ค่าไฟที่ปรับตัวขึ้น เกิดจากค่า FG หรือ ค่าเชื้อเพลิง ค่าพลังงาน ซึ่งค่าพลังงานต้องบอกว่า 70% ของเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าคือก๊าซธรรมชาติ ซึ่งตัวก๊าซธรรมชาติโครงสร้างราคาอิงมาจากค่าน้ำมัน ดังนั้นเองค่าไฟ ค่าน้ำมัน ก็จะเป็นแนวโน้มทิศทางการปรับตัวที่สอดคล้องกัน เราคงไม่มีโอกาสได้เห็นว่า การชาร์จค่าไฟนั้นจะทะลุค่าน้ำมันที่ต้องเติมในเครื่องยนต์สันดาปแน่นอน” คุณยิ้ม กล่าว
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ ตรวจสอบราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn
ค้นหารถมือสองทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car
ความคิดเห็น