Honda BR-V รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง เบาะ 3 แถว ที่มาพร้อมระบบ Honda SENSING ทุกรุ่นย่อย
ปัจจุบัน รถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง กำลังเป็นที่นิยม เพราะเป็นรถที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้ขับไปทำงาน ใช้บรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ หรือแม้แต่การขับรถพาครอบครัวเที่ยวต่างจังหวัด สำหรับบทความนี้ ออโต้สปินน์ได้มีโอกาสขับทดสอบ Honda BR-V ใหม่ บนเส้นทาง กรุงเทพฯ – สระบุรี จึงขอใช้พื้นที่นี้เพื่อเล่าสู่กันฟังครับ
รับชมรีวิวรูปแบบวีดีโอได้ที่นี่
Honda BR-V โฉมใหม่นี้ ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด หากเทียบกับในโฉมก่อนจะพบว่า โฉมใหม่นี้ มีมิติตัวถึงที่ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ กว้างขึ้น 45 มม. ยาวขึ้น 34 มม. สูงขึ้น 19 มม. ระยะความสูง จากพื้นถึงใต้ท้องรถมากขึ้น 8 มม. ซึ่งก็ส่งผลให้ห้องโดยสารภายในกว้างขวาง นั่งสบายขึ้น
ดีไซน์ภายนอก Honda BR-V ใหม่
ดีไซน์ภายนอก จะออกแนวเรียบง่าย ใช้กระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีดำเงา ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED พร้อมระบบเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และปรับไฟสูงต่ำอัตโนมัติ ในส่วนของไฟดวงกลมเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านล่างนั้น คือไฟตัดหมอกที่เป็นแบบ LED
ที่ด้านบนของกระจกหน้ารถจะมีกล้อง ซึ่งกล้องตัวนี้ถือเป็นพระเอกของระบบความปลอดภัย Honda SENSING โดยจะทำหน้าที่ในการจับเส้นเลนถนน ตรวจจับรถที่อยู่ด้านหน้า รวมถึงคนเดินถนน
ด้านข้าง ใช้ลายเส้นข้างตัวรถที่ทอดยาว ตกแต่งด้วยชายล่างและคิ้วซุ้มล้อสีดำ ที่ด้านบนหลังคาเป็นแร็คสีเทา มือจับประตูสีเงินโครเมี่ยม หากกุญแจรถอยู่ที่ตัว เรามาสามารถกดปุ่มสีดำที่มือเปิด เข้าไปนั่งภายในรถได้เลย เวลาจะล๊อครถเพียงแค่ใช้นิ้วกดปุ่มสีดำอีกครั้ง และในกรณีที่เราอยู่นอกรถโดยที่ลืมล๊อคประตู ระบบจะล๊อคให้เองโดยอัตโนมัติ ซึ่งระบบนี้มีชื่อว่า Walk Away Auto Lock นอกจากนี้ยังมีระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)
กระจกมองข้างพับและปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า มีไฟเลี้ยวให้ในตัว ที่ใต้กระจกมองข้างฝั่งซ้าย มีกล้องมาให้ 1 ตัว ซึ่งกล้องตัวนี้จะทำงานในระบบความปลอดภัย Honda LaneWatch เมื่อเราเปิดไฟเลี้ยวซ้าย จะขึ้นเป็นภาพแสดงให้ที่หน้าจอในรถ ซึ่งเป็นอีกระบบความปลอดภัยที่ช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากมุมอับสายตาในขณะขับขี่
Honda BR-V รุ่น EL จะได้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีทูโทน รัดด้วยยางขนาด 215/55 R17 ด้านหน้าเป็นดิสก์เบรก ด้านหลังเป็นดรัมเบรก
ในส่วนของด้านท้าย โดยส่วนตัวผมมองว่าออปชั่นยังดูไม่ครบเท่าที่ควร เพราะมีแค่ไฟท้าย LED และกล้องหลังเท่านั้น ถ้าได้เซนเซอร์ถอยอีกซักชุด น่าจะแจ๋วเลย
ดีไซน์ภายใน Honda BR-V ใหม่
ภายในห้องโดยสารของรุ่น EL เป็นโทนสีดำ ตกแต่งกรอบช่องแอร์ และแผงข้างประตูด้วยสีเทาอ่อน เบาะหุ้มด้วยหนัง เป็นแบบปรับแมนนวลมือ
พวงมาลัยหุ้มหนัง มีปุ่มมัลติฟังก์ชันฝั่งซ้ายสำหรับควบคุมจอเครื่องเล่นตรงกลาง ส่วนปุ่มทางฝั่งขวาสำหรับตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน และปุ่มตั้งระยะห่างระหว่างรถเรากับคันหน้า ปุ่มรักษาตัวรถให้อยู่ในเลน ด้านหลังมีแป้น Paddle Shift ซึ่งจะมีเฉพาะรุ่น EL เท่านั้น
จอเรือนไมล์แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว สำหรับดูค่าต่าง ๆ ของตัวรถ
จอเครื่องเล่นแบบทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto มีระบบสั่งการด้วยเสียงผ่าน SIRI และถ้าหากเปิดไฟเลี้ยวซ้าย หรือกดปุ่มที่อยู่ปลายก้านทางฝั่งขวา กล้องที่อยู่ใต้กระจกมองข้างฝั่งซ้ายจะทำงาน หน้าจอกลางในรถจะขึ้นเป็นภาพด้านซ้ายของตัวรถ ซึ่งระบบนี้เรียกว่า Honda LaneWatch เป็นระบบความปลอดภัยเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุจากมุมอับสายตา
ระบบแอร์อัตโนมัติ ตกแต่งกรอบช่องแอร์ด้วยสีเทาอ่อน ถัดลงมาด้านล่างจะมีช่องจ่ายไฟ 12 V. และช่องต่อ USB Type-A 2 ช่อง
หัวเกียร์จับถนัดกระชับมือ มีตำแหน่งเกียร์ P R N D S
เบาะนั่งแถวที่ 2 มีพื้นที่ช่วงขากว้างขึ้น สามารถปรับพับแยกแบบ 60:40 พร้อมพับตลบจังหวะเดียว (One Motion) โดยสามารถปรับเลื่อนหน้า-หลัง และพนักพิงปรับเอนได้ 3 ระดับ และมีแอร์ที่ตำแหน่งแถว 2
เบาะนั่งแถวที่ 3 มีพื้นที่ช่วงขากว้างขึ้น โดยสามารถพับแยกแบบ 50:50 และพนักพิงปรับเอนได้ 2 ระดับ ฐานเบาะรองนั่งไม่สั้นมาก ช่วยให้การนั่งโดยสารทางไกลสบายขึ้น จากการทดสอบนั่งที่เบาะแถว 3 ระยะทางประมาณ 60 กม. ถือว่านั่งได้สบายเลยทีเดียว แต่ก็มีเวียนหัวนิดหน่อยในช่วงที่เป็นทางขรุขระ หรือทางโค้ง เพราะตำแหน่งของเบาะแถว 3 จะอยู่บริเวณช่วงล้อหลัง จึงรับรู้ถึงแรงสะเทือน และแรงเหวี่ยง แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่ง ถือว่านั่งสบายกว่าเยอะเลยล่ะครับ เหลือพื้นที่วางเท้าพอประมาณ และผมสูง 175 ซม. ศีรษะไม่ติดเพดาน ด้านข้างมีที่วางแก้วน้ำ และที่วางแขน พร้อมช่องจ่ายไฟ 12 V.
เมื่อพับเบาะแถว 2 และแถว 3 จะได้พื้นที่ ที่เรียบ บรรทุกสัมภาระได้เยอะขึ้น ใช้สอยอเนกประสงค์ได้หลากหลายรูปแบบ
เครื่องยนต์ Honda BR-V ใหม่
Honda BR-V ใหม่ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1,498 ซีซี ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ได้พละกำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ CVT อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงตาม Eco Sticker 16.1 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งเครื่องและเกียร์ที่ใช้ใน Honda BR-V ใหม่ จะเป็นคนละตัวกับในโฉมก่อน และจะเติมน้ำในได้สูงสุดแค่ E20 ต่างจากรุ่นก่อนที่เติม E85 ได้ และจะล๊อคความเร็วไว้ที่ 160 กม./ชม. และหากเทียบกับคู่แข่ง จะพบว่า Honda BR-V ใหม่ มีแรงม้าและแรงบิดที่มากกว่าด้วย
ขับทดสอบ Honda BR-V ใหม่
ในเรื่องของอัตราเร่ง ไม่มีอะไรน่ากังวล แม้เครื่องยนต์จะแค่ 1.5 ลิตร แต่ก็แบกตัวถังที่มีน้ำหนักรวม 1,285 กิโลกรัม ได้แบบสบาย ช่วงออกตัวเพียงแค่ยกเท้าออกจากเบรก ตัวรถก็พร้อมเคลื่อนที่แบบไร้แรงหน่วง แต่ถ้าเหยียบคันเร่งแบบคิกดาวน์ในช่วงออกตัว จะรู้สึกตื้อ ๆ หน่วง ๆ หน่อย ต้องใช้วิธีกรอคันเร่งไปที่ความเร็วประมาณ 50-70 กม./ชม. แล้วค่อยกระแทกออก จะรับรู้ถึงความแรงของเจ้าคันนี้ครับ ส่วนความเร็วสูงสุด จากการทดสอบเลขไมล์จะไปตันอยู่ที่ 163 กม./ชม. ซึ่งจริง ๆ แล้วกำลังเครื่องมันยังพอไปได้อีกครับ แต่ถูกล๊อคเอาไว้
ในช่วงที่เข้าโค้งด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. ตัวรถทำได้นิ่งครับ แต่ถ้าใช้ความเร็วมากกว่านั้น อาจมีออกอาการเล็กน้อย พวงมาลัยน้ำหนักพอดีมือควบคุมง่าย
ในส่วนของระบบช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโครง ด้านหลังเป็นแบบคานแข็งทอร์ชั่นบีม ช่วงที่เข้าโค้งด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. ตัวรถทำได้นิ่งครับ เพราะในโฉมนี้ได้มีการเพิ่มความกว้างและความยาวของฐานล้อ ซึ่งก็ช่วยให้ทรงตัวดีขึ้น แต่ถ้าใช้ความเร็วมากกว่านั้น อาจมีออกอาการเล็กน้อย และจังหวะที่ขับจั๊มเนินหรือคอสะพาน ไม่โยน ไม่ย้วย แต่ถ้านั่งที่เบาะแถว 3 จะมีความรู้สึกโยนหน่อย เพราะเบาะอยู่ช่วงล้อหลัง
ในเรื่องของการเก็บเสียง แม้ว่าในรุ่นนี้จะมีการเพิ่มวัสดุซับเสียง และมีการฉีดโฟมลดเสียงเข้าไป แต่ด้วยความที่ตัวถังใหญ่ขึ้น จึงทำมีเสียงจากภายนอกเข้ามาในห้องโดยสารให้ได้ยิน โดยเฉพาะเสียงยางที่บดกับพื้นผิวถนน แต่เสียงที่ได้ยินนั้นก็ไม่ทำให้รู้สึกรำคาญอะไรมากมาย อยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้
สำหรับพระเอกของระบบความปลอดภัยที่ให้มานั้น คงหนีไม่พ้น HONDA SENSING 6 ระบบ คือ
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก : หากเราขับรถมาแบบเพลิน ๆ แล้วรถคันหน้าเบรกแบบกะทันหัน หรือขับจี้ท้ายรถคันหน้ามากเกินไป และระบบจะช่วยเบรกให้แบบอัตโนมัติหากอยู่ในระยะที่เริ่มไม่ปลอดภัย
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน : เมื่อเราล็อกความเร็วเอาไว้ เราสามารถยกเท้าออกจากคันเร่งได้เลย หากคันหน้าเบรก รถเราก็จะเบรกตาม (แต่ยังไม่ถึงจุดหยุดนิ่ง) หากคันหน้าเพิ่มความเร็ว รถเราก็จะเพิ่มความเร็วตามจนถึงความเร็วที่เราล็อกเอาไว้ นอกจากนี้ เรายังสามารถตั้งระดับของความห่างระหว่างคันหน้าได้ถึง 4 ระดับครับ
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ : หากเราเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบจะขึ้นสัญญาณเตือนที่หน้าจอ พร้อมกับหน่วงพวงมาลัยดึงให้ตัวรถกลับเข้ามาในเลน หากใครยังไม่ชินกับระบบนี้อาจรู้สึกหงุดหงิด เพราะพวงมาลัยจะขืนเมื่อเราขับทับเส้นเลนถนน แต่สำหรับผม ผมว่าเป็นระบบที่ดีเพราะช่วยสร้างวินัยในการขับรถ ทำให้การเปลี่ยนเลนจะต้องเปิดไฟเลี้ยวทุกครั้งจนติดเป็นนิสัย
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ : การใช้งานระบบนี้ เราจะต้องกดปุ่มที่ฝั่งขวาของพวงมาลัย โดยระบบนี้กล้องที่อยู่ด้านบนของกระจกหน้า จะตรวจจับเส้นเลนถนน และจะบังคับควบคุมตัวรถให้อยู่กึ่งกลางของเลน และในทางโค้งพวงมาลัยก็จะหมุนเลี้ยวให้เอง แต่ถ้าเรายกมือออกจากพวงมาลัยนานเกินไป ระบบจะเตือนเพื่อให้เราเอามือจับพวงมาลัยครับ
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ : เมื่อขับผ่านเส้นทางที่มืด ไม่มีรถอยู่ด้านหน้า ระบบจะเปิดไฟสูงให้แบบอัตโนมัติ แต่ถ้ากล้องที่อยู่ด้านบนของกระจกตรวจจับได้ว่ามีรถวิ่งสวนทางมา ก็จะปรับเป็นไฟต่ำให้แบบอัตโนมัติ การขับในเมืองอาจไม่ได้ใช้ระบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะในเมืองมีแสงไฟถนนเยอะอยู่แล้ว แต่มีประโยชน์มากเวลาเดินทางข้ามจังหวัดตอนกลางคืน
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ : ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราขับรถติดไฟแดง พอรถคันที่อยู่ด้านหน้าเคลื่อนที่ ระบบจะแจ้งเตือนให้เราทราบ
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง Honda BR-V ใหม่
สำหรับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ตาม Eco Sticker จะอยู่ที่ 16.1 กม./ล. แต่จากการใช้งานจริงที่ได้ทดสอบผมขอแยกออกมาดังนี้ครับ
- หากขับแบบซิ่ง ๆ มีเท่าไหร่ใส่หมด เหยียบจนคันเร่งแทบทะลุพื้น จะได้อยู่ที่ประมาณ 10 กม./ล.
- ขับแบบทั่ว ๆ ไป เร็วบ้าง ช้าบ้าง ตามสภาพการจราจร จะได้อยู่ที่ประมาณ 12-13 กม./ล.
- ขับแบบเน้นประหยัด เกร็ง ๆ เท้าหน่อย ได้ 14 กม./ล.
สรุปโดยรวม จากการที่ได้ขับทดสอบ ถือว่าเป็นรถที่ใช้งานได้ดีทั้งในเมืองและนอกเมือง ในโฉมนี้ เป็นการรวมจุดเด่นของรถ SUV และ MPV เข้าไว้ด้วยกัน มีการแบ่งสัดส่วนการใช้งานภายในที่ลงตัว นั่งแล้วไม่อึดอัดแม้จะอยู่ในตำแหน่งเบาะแถว 3 ก็ตาม เป็นรถที่ใช้งานได้จริงทุกตำแหน่งที่นั่ง เบาะสามารถพับได้เรียบใช้งานได้อเนกประสงค์ แอร์เย็นทั่วทั้งคัน เครื่องยนต์อัตราเร่งเหมาะสม แต่ไม่ถึงกับแรงหวือหวา ถ้าเทียบกับรถคู่แข่งที่ผลิตอินโดฯ เหมือนกัน ก็ต้องถือว่า Honda BR-V ใหม่ ออกแบบภายในได้สวยกว่า มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ และระบบความปลอดภัย อย่าง Honda SENSING ที่เหนือกว่าคู่แข่ง แต่ราคาก็แพงกว่าคู่แข่งอยู่พอประมาณเลยทีเดียว ซึ่งราคาเกือบเหยียบล้าน ถ้าได้กล้องรอบคัน 360 องศามาให้อีกสักหน่อยผมว่าจบสวยเลย
ราคา Honda BR-V ใหม่
- รุ่น 1.5 E ราคา 915,000 บาท (สีขาวทาฟเฟต้า)
- รุ่น 1.5 E ราคา 921,000 บาท (สีดำคริสตัน มุก)
- รุ่น 1.5 EL ราคา 973,000 บาท (สีดำคริสตัน มุก)
- รุ่น 1.5 EL ราคา 977,000 บาท (สีขาวพรีเมียมซันไลท์ มุก)
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ ตรวจสอบราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn
ค้นหารถมือสองทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car
ความคิดเห็น