เชื่อว่าชาวออฟฟิศมนุษย์เงินเดือนหลายๆ คน คงจะมีความฝันว่าอยากจะมีที่อยู่อาศัยในเมืองที่สะดวกสบายและเดินทางได้ง่ายอย่าง “คอนโด” เนื่องจากคอนโดส่วนใหญ่นั้นมักจะอยู่ในทำเลที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์คนเมืองไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง สิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบ ส่งผลให้การ “ซื้อคอนโด” เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มนุษย์เงินเดือนในยุคนี้ให้ความสนใจกันมากเลยทีเดียว
แต่! ก็ยังมีมนุษย์เงินเดือนอีกหลายๆ คน ที่ไม่รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรหากต้องการซื้อคอนโด ดังนั้นในบทความนี้เรามีคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องทราบมาบอกกัน!
1.เตรียมเงินจองให้พร้อม
ประการแรกเลยก็คือการเตรียมความพร้อมในเรื่องของเงินจอง ซึ่งก็คือเงินก้อนแรกที่คุณจะต้องจ่าย เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเลือกคอนโดที่ถูกใจได้แล้วและต้องการจะซื้อจริงๆ เราก็จะต้องจ่ายเงินจองในทันที โดยจำนวนเงินจองนั้นจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละโครงการ ซึ่งส่วนใหญ่โครงการคอนโดพร้อมอยู่จะขอเก็บเงินจองเริ่มต้นที่ 10,000 บาท
2.จำนวนเงินที่กู้ได้และต้องผ่อนคอนโดต่อเดือนคือเท่าไรบ้าง ?
โดยทั่วไปแล้วการกู้เงินในการทำสินเชื่อเพื่อซื้อคอนโดนั้นจะอยู่ที่ประมาณ ‘หมื่นละล้าน’ หรือคิดง่ายๆ เช่น เงินเดือน 18,000 บาท ก็จะสามารถกู้ได้ในวงเงินประมาณ 1.8 ล้านบาท ในขณะที่การผ่อนต่อเดือนนั้นจะอยู่ที่ประมาณล้านละ 7,000 บาท เช่น คอนโดราคา 1 ล้าน ก็จะต้อง ผ่อนคอนโด เดือนละประมาณ 7,000 บาท และหากเป็นคอนโดราคา 2 ล้าน ก็จะต้องผ่อนในราคาเดือนละ 14,000 บาท เป็นต้น
3.เทคนิคในการกู้สินเชื่อให้ผ่านได้ง่ายขึ้นด้วยการ ‘สร้างเครดิต’
หลายคนคงจะทราบกันดีว่าการกู้ให้ง่ายที่สุดก็คือต้องไม่มีหนี้ค้างชำระอยู่ในฐานข้อมูลเครดิตบูโรเลย และข้อมูลที่ปรากฏบนเครดิตบูโรก็ควรที่จะสวยงามไม่มีประวัติเสียหายใดๆ ซึ่งวิธีการเตรียมตัวให้กู้ได้ง่ายขึ้นคือ…
3.1 มีการสร้างเครดิตบูโรแบบที่ไม่มีความด่างพร้อย เช่น เคยกู้เงินมาแล้วและมีการชำระตรงทุกงวด และควรที่จะจบการชำระหนี้ก่อนนั้นไปแล้ว รวมทั้งควรจะมีการเปิดใช้บัตรเครดิตมาก่อน และในประวัตินั้นมีการจ่ายด้วยจำนวนเต็มมาตลอด ไม่จ่ายด้วยยอดขั้นต่ำ โดยข้อมูลในส่วนนี้ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการกู้คอนโดให้ผ่านมากยิ่งขึ้น
3.2 กรณีที่เคยจ่ายด้วยยอดขั้นต่ำมาโดยตลอด ก็จำเป็นที่จะต้องจ่ายงวดสุดท้ายให้เต็มจำนวนก่อนที่จะยื่นกู้ซื้อคอนโดก็ควรที่จะยกเลิกบัตรไปก่อน และรอประมาณ 30-45 วัน จึงค่อยยื่นกู้
3.3 กรณีที่มีการติด Black List ให้ลองติดต่อพูดคุยกับทางธนาคารที่ยื่นกู้ดูก่อน เพราะโดยทั่วไปแล้วการมีประวัติติดแบล็คลิสต์ในเครดิตบูโร จะต้องรอให้ครบ 2 ปี เพื่อให้ประวัตินั้นหายไปจากฐานข้อมูล แต่ถ้ามั่นใจในความสามารถที่จะผ่อนคอนโดได้จริงๆ ก็สามารถพูดคุยกับทางธนาคารเพื่อให้พิจารณาอนุมัติได้เหมือนกัน
4.การปล่อยกู้ที่เหมาะสมกับฐานเงินเดือน
เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะต้องทำความเข้าใจก่อนที่จะยื่นเรื่องกู้ ซึ่งธนาคารจะนำหลายๆ ปัจจัยในการนำมาพิจารณาอนุมัติ โดยสามารถแยกเป็นข้อย่อยได้ 3 ข้อด้วยกันคือ…
4.1 การปล่อยสินเชื่อตามราคาประเมินหรือซื้อขายจริง
4.2 ปล่อยกู้จำนวนเต็มหรือ 80% ในส่วนนี้จะเป็นการยึดตามราคาซื้อขายจริงและราคาประเมิน ซึ่งในเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่าธนาคารจะพิจารณาจากส่วนไหนเป็นหลัก
4.3 พิจารณาจากชื่อเสียงของ Developer โดยเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับการประเมินเรื่องของกำลังผ่อนคอนโดของผู้ยื่นกู้แต่อย่างใด แต่จะพิจารณาจาก Developer เป็นที่ว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ เช่น เงินเดือน 15,000 บาท กำลังผ่อนจะอยู่ที่ 10,500 บาท แต่หากเป็น Developer ที่ธนาคารเชื่อถืออยู่แล้วจากยอดกู้ทั้งหมด 1.5 ล้านบาท ก็จะเพิ่มไปได้ถึง 1.7 ล้านบาท เป็นต้น
5.ศึกษาโปรโมชั่น อัตราดอกเบี้ยและการทำประกัน
เมื่อมั่นใจในประสิทธิภาพการผ่อนคอนโดของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะยื่นกู้กับทางธนาคารสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก็คือการทำความเข้าใจเกี่ยวกับโปรโมชั่นในแต่ละธนาคาร และการทำประกันซึ่งเป็นข้อบังคับที่จำเป็นจะต้องทำในหลายๆ ธนาคาร โดยให้คุณสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดที่อาจจะส่งผลต่อการผ่อนคอนโดของคุณในอนาคต
6. ค่าใช้จ่ายก่อนเข้าอยู่มีอะไรบ้าง ?
ประการสุดท้ายก่อนที่จะเข้าอยู่คอนโด จะต้องดูก่อนว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรอีกบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละโครงการ แต่โดยทั่วไปแล้วหากไม่มีโปรโมชั่นในส่วนนี้ก็จะต้องเตรียมงบไว้ประมาณ 80,000 – 100,000 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายปลีกย่อยก่อนเข้าอยู่มีดังนี้…
- ค่าทำสัญญาประมาณ 30,000 บาท
- ค่ากองทุนจ่ายครั้งเดียวอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาท
- ค่าส่วนกลางจ่ายเป็นรายปีประมาณ 10,000 บาท และบางที่จะมีการเก็บล่วงหน้า 1 ปี
- ค่าธรรมเนียมโอนสิทธิ์ 1% ของราคาขาย บางโครงการอาจมีโปรโมชั่นฟรีในส่วนนี้ให้
- ค่ามิเตอร์ไฟฟ้า 5,000 บาท
เรียกได้ว่ากว่าที่จะมีคอนโดเป็นของตัวเองสักหนึ่งห้องนั้นไม่ได้มีแค่เรื่องของความสามารถในการ “ผ่อนคอนโด” เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องทำความเข้าใจและศึกษาให้ดีก่อนเพื่อที่จะได้มีความพร้อม และไม่พลาดโอกาสในการซื้อคอนโดจากโครงการที่ชื่นชอบและเป็นเจ้าของได้อย่างสบายใจไม่ต้องกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายหรือการยื่นกู้กันอีกด้วย
และสำหรับใครที่กำลังมีแพลนจะซื้อคอนโดแต่หาเท่าไหร่ก็ยังไม่ถูกใจสักที คุณก็สามารถเข้าไปเลือกชมโครงการคอนโดกว่า 4,000 โครงการ ทั่วประเทศไทยได้ที่ Propertyhub เว็บไซต์ที่รวบรวมโครงการคอนโดทำเลสวย ราคาดี ที่มาแรงมากที่สุดแห่งยุค!
ความคิดเห็น