9 กล้องติดรถยนต์ 2023 ยี่ห้อไหนดี เลือกซื้ออย่างไรให้คุณภาพเหนือราคา Share this
Lifestyle
โหมดการอ่าน

9 กล้องติดรถยนต์ 2023 ยี่ห้อไหนดี เลือกซื้ออย่างไรให้คุณภาพเหนือราคา

Nunthapong Laongwan
โดย Nunthapong Laongwan
โพสต์เมื่อ 12 January 2566

กล้องติดรถยนต์ เป็นหนึ่งไอเท็มที่ปัจจุบันต้องมีติดไว้ในรถยนต์ เพราะปัจจุบัน อุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทั้งความประมาทจากตัวผู้ขับขี่เองหรือผู้อื่น ซึ่งหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ควรมีหลักฐานเพื่อประโยชน์ต่อการดำเนินคดีและพิสูจน์ว่าใครเป็นฝ่ายผิดกันแน่ ฉะนั้น กล้องติดรถยนต์จะช่วยบันทึกเหตุการณ์ที่เป็นหูเป็นตาให้กับเหตุการณ์อื่นๆ บนท้องถนนด้วยเช่นกัน วันนี้ Autospinn จะมาแนะนำการเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ให้คุณภาพคุ้มราคา ส่วนจะมียี่ห้อไหนที่น่าสนใจบ้าง ไปดูกัน

วิธีเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ให้มีคุณภาพคุ้มราคา 

ปัจจุบัน กล้องติดรถยนต์มีฟังก์ชันการใช้งานมากมาย ซึ่งจะมีราคาและความคมชัดของกล้องที่แตกต่างกัน ดังนั้น ซึ่งเราต้องคำนึงถึงรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

1. ฟังก์ชันการใช้งาน

กล้องติดรถยนต์ในปัจจุบัน มีฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย ช่วยเพิ่มความปลอดภัยกับผู้ขับขี่ เช่น ระบบ G-Sensor เมื่อเจอเหตุการณ์รถชนหรือรถกระแทกอย่างรุนแรง กล้องจะบันทึกภาพโดยอัตโนมัติ หรือระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน และอื่นๆ อีกมากมาย

2. ความละเอียดของกล้อง

กล้องติดรถยนต์ จะดีหรือไม่ดี หลายคนพิจารณาจากความละเอียดของวีดีโอ ซึ่งขั้นต่ำควรมีความละเอียดที่ Full HD 1080P ขึ้นไป เพื่อความคมชัดที่ดีของภาพซึ่งจะเห็นป้ายทะเบียนรถคันอื่นๆ ได้ชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน ส่วนความคมชัดสูงขึ้นขนาดไหน ขึ้นอยู่กับราคาที่มีตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพันบาท

3. เฟรมเรท (Frame Rate)

ค่าเฟรมเรท (FPS หรือ Frame Per Second) เป็นหน่วยวัดความเคลื่อนไหวในกล้องวิดีโอ ถ้ามีเฟรมเรทสูง ภาพที่ออกมาจะได้เป็นภาพเคลื่อนไหวที่สมจริงไหลลื่นไม่กระตุก แต่มีข้อจำกัดคือ ถ้าวิดีโอบันทึกค่า FPS สูงจะยิ่งกินพื้นที่จัดเก็บมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น ปัจจุบัน กล้องติดรถยนต์หลายๆ ยี่ห้อ จะมีค่า FPS อยู่ที่ระหว่าง 25-60 FPS

4. รูรับแสง (Lens Aperture)

หนึ่งในสิ่งที่วัดคุณภาพของกล้องติดรถยนต์ คือ รูรับแสงที่จะควบคุมปริมาณแสงผ่านเข้าไปในเลนส์ มีหน่วยเรียกย่อๆ ว่า "F" หากมีตัวเลขรูรับแสงน้อย จะช่วยให้ภาพสว่างขึ้น เช่น F2.1 จะมีภาพสว่างกว่าภาพที่ถ่ายด้วยเลนส์ F4 เป็นต้น

5. มุมกล้อง

นอกจากรายละเอียดต่างๆ ของกล้องแล้ว มุมกล้องก็เป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับการเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ด้วยเช่นกัน หากมุมกล้องกว้างมาก ก็จะช่วยให้วีดีโอครอบคลุม มองเห็นทุกเลนทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นมุมซ้ายหรือมุมขวาของตัวรถ

กล้องติดรถยนต์ 2023 มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง

1. กล้องติดรถยนต์ 70mai M300

หากจะหากล้องติดรถยนต์คุณภาพดีในราคาจับต้องได้ที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งมาจนถึงปัจจุบัน หลายๆ คนเลือก 70mai รุ่น  M300 หนึ่งในกล้องติดรถยนต์คุณภาพเยี่ยมในเครือ Xiaomi ครบถ้วนทุกฟังก์ชันในการถ่ายภาพชัดระดับ 3 เมกะพิกเซล  ความละเอียด 2340x1296P ความคมชัดมากกว่า 1.5 เท่า ในมาตรฐานปกติที่ระดับ 1080P มุมกล้องกว้างระดับ 140 องศาเพียงพอต่อการถ่ายภาพครอบคลุม 3 ช่องทางจราจร รองรับการเชื่อมต่อ WiFi และสามารถเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่น 70Mai ได้ น่าเสียดายที่รุ่นนี้จะได้เฉพาะกล้องหน้ารถเท่านั้น ไม่มีกล้องหลังรถมาให้

 

จุดเด่นของ 70mai รุ่น M300

  • ดีไซน์เรียบง่ายไม่บดบังสายตา 
  • G-Sensor บันทึกภาพอัตโนมัติและตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ เมื่อเจอการชนหรือการกระแทกรุนแรง 
  • ดูภาพวีดีโอที่บันทึกแบบ Real Time ผ่านแอพได้
  • บันทึกภาพเฝ้าระวังที่จอดรถ 24 ชม. (24H Parking Surveillance) ด้วยอุปกรณ์ 70mai Hardwire Kit (ชุดสายไฟ สำหรับต่อกล้องเพื่อบันทึก 24 ชั่วโมง แยกจำหน่าย ไม่รวมในแพ็คเกจ) ที่สามารถจ่ายไฟให้กล้องติดรถยนต์เพื่อทำงานต่อในขณะที่รถจอดอยู่ 
  • ระบบถ่าย Time lapse ทำให้ได้ภาพที่ดูรวดเร็วและช่วยประหยัดพื้นที่ในเมมโมรี่

ราคาจำหน่าย ประมาณ 1,200-1,300 บาท (ขึ้นอยู่กับ Option และอุปกรณ์เสริมของรุ่น)

 

2. DDPAI Mini Dash Cam 1080P

หากต้องการกล้องติดรถยนต์ขนาดเล็ก DDPAI Mini Dash Cam 1080P ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ขอแนะนำ ด้วยกล้องเลนส์เดี่ยวขนาดเล็ก บันทึกวิดีโอด้วยความละเอียด Full HD 1080P 30FPS มาพร้อมกับ CPU HiSiLiCon Hi3516   และเซนเซอร์รับภาพ OV 2 MP CMOS Sensor ตัวเลนส์ปรับหมุนได้ 270 องศา มุมมองภาพกว้าง 140 องศา แต่ไม่มีจอแสดงภาพ หากต้องการดูภาพ ต้องโหลดแอปพลิเคชัน ddpai โดยเชื่อมต่อ Wi-Fi ในตัว เพื่อเล่นหรือดาวน์โหลดวิดีโอผ่านสมาร์ทโฟน

DDPAI Mini Dash Cam 1080P มาพร้อมระบบ G-sensor บันทึก และจัดเก็บวิดีโอโดยอัตโนมัติ รองรับเมมโมรี่การ์ด microSD card TF Class 10 สูงสุด 128 GB รองรับการทำงานที่อุณหภูมิ -20 ถึง 70 องศาเซลเซียส

 

จุดเด่นของ DDPAI Mini Dash Cam 1080P

  • ความละเอียด 1080p HD พร้อมชิปเซ็ตขั้นสูงและระบบออพติคอลให้ภาพและวิดีโอคมชัดสุดๆ แม้ในยามค่ำคืน 
  • สามารถบันทึกวนรอบบันทึกทุกวินาที
  • ตรวจจับการเคลื่อนไหวเริ่มบันทึกตัวเอง หากมีการเคลื่อนไหวภายในระยะการตรวจจับในวิดีโอ
  • ตรวจสอบที่จอดรถ พร้อมปกป้องรถของคุณจากการถูกโจมตีเมื่อจอดรถ
  • มี Wi-Fi ในตัว เชื่อมต่อเพื่อดูตัวอย่างเล่นหรือดาวน์โหลดวิดีโอผ่านสมาร์ทโฟน หรือแอปพลิเคชัน DDPai
  • พอร์ตชาร์จแบบ Micro USB

ราคาจำหน่ายประมาณ 1,300 - 2,000 บาท (ขึ้นอยู่กับ Option และอุปกรณ์เสริมของรุ่น)


 

 

 

3. Aston Champion

หนึ่งในกล้องติดรถยนต์ที่นิยมติดตั้งกันมาก คือ Aston Champion กล้อง 3 เลนส์ที่บันทึกภาพทั้งด้านหน้ารถ หลังรถ และภายในห้องโดยสาร ความละเอียด Full HD 1080P  มุมมองภาพกว้าง 130 องศา ส่วนกล้องหลังและภายในห้องโดยสาร ความละเอียดอยู่ที่ 480P มีมุมมองภาพกว้าง 90 องศา สามารถถ่ายภาพนิ่งที่มีความคมชัดขนาด 2 เมกะพิกเซล 

Aston Champion มาพร้อมกับระบบ G-sensor บันทึกและจัดเก็บวิดีโอโดยอัตโนมัติ ระบบ Motion Detection จับภาพอัตโนมัติ เมื่อพบการเคลื่อนไหวแปลกปลอม และระบบ Loop Recording บันทึกวนซ้ำอัตโนมัติ ป้องกันเมมโมรี่การ์ดเต็ม รองรับเมมโมรี่ microSD card สูงสุด 32 GB ที่สำคัญ ใช้งานง่าย เพราะมีเมนูภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

 

จุดเด่นของ Aston Champion

  • จอแสดงผล 4 นิ้ว
  • กล้องหลังทำจากวัสดุพรีเมียม กันน้ำได้ มีเส้นถอยบอกระยะถอยปลอดภัย 100%
  • เลนส์ภาพกล้องหน้าปรับความสว่างโดยอัตโนมัติ แม้อยู่ในยามค่ำคืน
  • Motion Detection บันทึกภาพทันทีเมื่อมีการเคลื่อนไหว
  • ระบบ Loop Recording บันทึกวนซ้ำอัตโนมัติ ป้องกันเมมโมรี่การ์ดเต็ม

ราคาจำหน่ายประมาณ 1,390 - 4,000 บาท (ขึ้นอยู่กับ Option และอุปกรณ์เสริมของรุ่น)


 

 

4. Dengo Night Light

อีกหนึ่งรุ่นที่ราคาคุ้มค่าคุณภาพดี คือ Dengo Night Light กล้องติดรถยนต์เลนส์เดี่ยวคมชัดระดับ 1080P มีมุมมองภาพกว้าง 150 องศา สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi มาพร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง นอกจากนี้ ยังมีหน้าจอแสดงผลขนาด 3 นิ้ว และน้ำหนักเบาเพียง 90 กรัมเท่านั้น

Dengo Night Light ออกแบบตัวกล้องให้ทนความร้อนจากแสงแดด มาพร้อมระบบการบันทึกภาพเป็นการบันทึกภาพแบบ Loop มีระบบจับภาพเคลื่อนไหว และมีระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ใช้งานง่ายเพราะมีเมนูภาษาไทย รองรับเมมโมรี่การ์ด microSD card สูงสุด 128GB

 

จุดเด่นของ Dengo Night Light

  • รองรับ WiFi, ตรวจสอบภาพได้จากแอปพลิเคชัน Android TMCar และ Timacam (iOS App)
  • รองรับระบบเตือนออกนอกเลย / ระบบเตือนการเข้าใกล้ระยะประชิด 
  • รองรับ G-Sensor จับแรงสั่นสะเทือนได้ และระบบ Motion Detection บันทึกภาพทันทีเมื่อมีการเคลื่อนไหว
  • บันทึกภาพได้ในระบบ Parking Mode
  • ระบบ Loop Recording บันทึกวนซ้ำอัตโนมัติ ป้องกันเมมโมรี่การ์ดเต็ม (คำกำหนดจากโรงงาน ทำได้ 1 นาที)
  • WDR ปรับความสว่างของภาพได้โดยอัตโนมัติ
  • สั่งการได้ด้วยเสียง

ราคาโดยประมาณ 1,200-1,500 บาท (ขึ้นอยู่กับ Option และอุปกรณ์เสริมของรุ่น)

 

5. Aston Ultimate X WiFi

อีกหนึ่งรุ่นของกล้องติดรถยนต์จาก Aston ที่น่าสนใจ คือรุ่น Ultimate X WiFi กล้องติดรถยนต์ที่มีให้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง โดยเฉพาะกล้องหน้า มีความละเอียดคมชัดถึง 1296P 2K มุมมองภาพ 150 องศา ส่วนกล้องหลังก็ชัดไม่แพ้กัน ความละเอียด Full HD 1080P มุมมองภาพ 150 องศา แถมจอแสดงผลขนาด 3 นิ้ว ภาพชัดทั้งกลางวันและกลางคืน เมนูเป็นภาษาไทย รองรับการเชื่อมต่อ WiFi และสามารถเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นได้ทั้งระบบ iOS และ Android สายกล้องหลังยาวถึง 7.2 เมตร สามารถใช้กับรถตู้ได้ หากตัวกล้องมีปัญหา ไม่ต้องห่วงมีรับประกันศูนย์ไทย

 

จุดเด่นของ Aston Ultimate X WiFi

  • หน้าจอ LCD ขนาดจอภาพ 3.0 นิ้ว
  • กินพื้นที่น้อย เพียงไฟล์ละ 300 MB
  • รองรับระบบ Loop Recording บันทึกวนซ้ำอัตโนมัติ ป้องกันเมมโมรี่การ์ดเต็ม
  • รองรับระบบ G-Sensor และ Parking Mode
  • สามารถเสริมความจุเมมโมรี่การ์ด microSD card แบบ TF Class 10 สูงสุด 128 GB
  • รองรับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth และ Wi-Fi (รองรับ Android App TM car // iOS App Timacam)
  • รับประกันสินค้า 1 ปี และมีศูนย์บริการหลังการขาย

ราคาโดยประมาณ 2,000 - 4,000 บาท (ขึ้นอยู่กับ Option และอุปกรณ์เสริมของรุ่น)

 

 

 

6. DDPAI Mola N3 Pro

หนึ่งในแบรนด์กล้องติดรถยนต์ที่น่าเชื่อถือมานานกว่า 10 ปี และมีผู้ใช้งานมากกว่า 5 ล้านคนทั่วโลกอย่างเจ้า DDPAI โดยรุ่นที่นิยมกันมากคือ รุ่น Mola N3 Pro กล้องติดรถยนต์งบประมาณจับต้องได้ที่ราวๆ 3,000 - 4,000 บาท ด้วยคุณสมบัติกล้องหน้ามาพร้อมกับเลนส์ 6 ตัว ช่วยให้ภาพไม่บวมเหมือนเลนส์ Fish Eye และมีความคมชัดถึง 2K ความละเอียด 2560x1600P (30 FPS) มุมมองภาพ 140 องศา กล้องหลังความละเอียด 1920x1080P (25 FPS) F2.0 มุมมองภาพ 125 องศา 

DDPAI Mola N3 Pro เชื่อมต่อด้วย WiFi 2.4 GHz และมี GPS ในตัว และมีเทคโนโลยีภาพ Realcube ให้สีสันสดใสยิ่งขึ้น พร้อมระบบ G-Sensor บันทึกภาพอัตโนมัติ เมื่อเจอการชนหรือการกระแทกรุนแรง  ทนแดดทนร้อนได้ดีขึ้นกับ Super Capacitor ทดแทนแบตเตอรี่ทั่วไป รองรับเมมโมรี่การ์ด MicroSD สูงสุด 128GB 

 

จุดเด่นของ DDPAI Mola N3 Pro

  • บันทึกวิดีโอด้วยกล้อง 2 ตัว หน้า-หลังพร้อมกัน
  • มี GPS, G-sensor และ Wi-Fi
  • เอฟเฟกต์สกิน Sense Reality
  • บันทึกภาพ 24 ชั่วโมง
  • รองรับการเชื่อมต่อ DDPai App
  • รองรับ microSD card TF Class 10 สูงสุด 128GB

ราคาโดยประมาณ 3,000 - 4,000 บาท (ขึ้นอยู่กับ Option และอุปกรณ์เสริมของรุ่น)







 

 

7. 70mai A800S

หนึ่งในกล้องติดรถยนต์ตัวท็อปจาก 70mai ค่ายในเครือ Xiaomi คือรุ่น A800S ที่นอกจากจะคมชัดระดับ 4K 3840x2160P (30 FPS) มุมมองภาพ 140 องศา ยังโดดเด่นด้วยการใช้เลนส์เลนส์แก้ว 7 ชั้น และ IR Filter จาก Sony ให้ภาพวีดีโอเคลียร์ ใส ชัดเจน คมชัดยิ่งขึ้น และมี Super Night Vision พร้อม 3D DNR ช่วยเพิ่มการมองเห็นตอนกลางคืน และได้สีที่คมชัดขึ้น ส่วนกล้องหลัง ความละเอียดระดับ Full HD 1920x1080P (30 FPS) สามารถเชื่อมต่อ WiFi และใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน 70mai ได้ 

70mai A800S มาพร้อมหน้าจอแสดงภาพแบบ HD ขนาด 3 นิ้ว มีระบบเตือนการชนนอกช่องทางและด้านหน้า พร้อมระบบ G-Sensor ในขณะจอดรถ บันทึกภาพวิดีโออัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง หรือเมื่อเจอการชนหรือการกระแทกรุนแรง 

จุดเด่นของ 70mai A800S 

  • ตรวจเช็กพื้นที่ได้ง่ายดายกับระบบ GPS ในตัว + Glonass
  • เพิ่มระบบ ADAS เตือนการชนนอกช่องทาง และทางด้านหน้าเพิ่มความมั่นใจในการป้องกันอุบัติเหตุ
  • G-sensor บันทึกภาพขณะจอดรถตลอด 24 ชั่วโมง และมีโหมดจอดรถจะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ (ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมแยกต่างหาก)
  • Super Night Vision with 3D DNR พร้อมรูรับแสง F1.8 ช่วยเพิ่มการมองเห็นและได้ภาพคมชัดและแม่นยำของสีทั้งกลางวันและกลางคืน

ราคาโดยประมาณ 4,000 - 5,000 บาท (ขึ้นอยู่กับ Option และอุปกรณ์เสริมของรุ่น)



 

 

8. Transcend DrivePro 250

ถ้าต้องการกล้องติดรถยนต์คุณภาพสูงในราคาที่สูงขึ้นมาสักเล็กน้อย Transcend ตอบโจทย์คุณได้ โดยรุ่น DrivePro 250 มาพร้อมความละเอียดระดับ Full HD 1080P มุมมองภาพ 140 องศา และใช้เลนส์ของ Sony ทำให้ความสว่างของภาพวิดีโอยังชัดเจนแม้อยู่ในแสงน้อย มาพร้อมเซนเซอร์ภาพ STARVIS™ ที่สามารถจับภาพวิดีโอความละเอียดสูง พร้อมไล่โทนสีที่ละเอียดแม้อยู่ในสถานที่แสงน้อย อีกทั้งยังมีปุ่ม Snap Shot ถ่ายภาพเหตุการณ์สำคัญได้โดยไม่ต้องหยุดวิดีโอ 

Transcend DrivePro 250 สามารถเชื่อมต่อ WiFi และมี GPS มาให้แล้วในตัวกล้อง (ใช้บันทึกพิกัดและความเร็วรถไว้ในวีดีโอ) นอกจากนั้นยังมีระบบความปลอดภัยพิเศษที่เพิ่มมาโดยไม่เกรงใจใคร เช่น บันทึกภาพอัตโนมัติ G-Sensor เมื่อเจอการชนหรือการกระแทกรุนแรง ระบบเตือนเมื่อขับรถด้วยความเร็วเกินกว่ากำหนด ระบบเตือนเปิดไฟหน้ารถ ระบบเตือนรถออกนอกเลน ระบบเตือนเมื่อขับรถเข้าใกล้รถคันข้างหน้ามากเกินไป เป็นต้น มาพร้อมประกันถึง 2 ปี

จุดเด่นของ Transcend DrivePro 250

  • ภาพคมชัดระดับ Full HD ใช้เซนเซอร์ Sony Starvis™ รูรับแสงกว้าง 2.0
  • มี WiFi ในตัว ดูภาพแบบเรียลไทม์ และภาพย้อนหลังได้ผ่านแอปพลิเคชัน Transcend
  • มี GPS ในตัว พร้อมบันทึกความเร็วและพิกัดในตัว เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน สามารถส่งให้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบได้
  • มีแบตเตอรี่ในตัว หากเครื่องยนต์ดับก็ยังเล่นอยู่ได้อย่างน้อย 1-2 นาที เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์สำคัญได้
  • มีระบบแจ้งเตือนหากขับรถเร็วเกินไป หรือขับรถใกล้คันหน้ามากเกินไป
  • G-sensor บันทึกภาพขณะจอดรถตลอด 24 ชั่วโมง
  • มีโหมดบันทึกตอนจอด (ต้องใช้อุปกรณ์เสริม Hardware Kit)
  • WDR ปรับสมดุลภาพให้สว่างทั่วภาพทั้งกลางวันและกลางคืน
  • บันทึกคลิปวิดีโอแบบ Time-Lapse ได้
  • มีปุ่ม Snap Shot กดถ่ายภาพขณะบันทึกวิดีโออยู่
  • มาพร้อมเมมโมรี่การ์ด High Endurance Transcend 32 GB (หรือใช้ Micro SD Card TF Class 10 ขึ้นไปได้)
  • ทนทาน ทำงานได้ในอุณหภูมิ -25 ถึง 85 องศาเซลเซียส

ราคาโดยประมาณ 4,000 บาท (ขึ้นอยู่กับ Option และอุปกรณ์เสริมของรุ่น)



 

 

9. Proof PF830 Dual

ถ้าต้องการกล้องติดรถยนต์ดีๆ โดยไม่กังวลเรื่องงบประมาณ Proof PF830 Dual กล้องติดรถยนต์ออนไลน์ 4G แบบ 2 กล้องหน้า-หลัง ที่บันทึกได้พร้อมกัน ก็เป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจ เพราะสามารถดูภาพได้แบบ Real time 

Proof PF830 Dual มีกล้องหน้าบันทึกภาพสูงสุดระดับ Full HD 1080P 30 fps เลนส์เป็นเลนส์ 6 ชั้นภายใน มุมภาพกว้าง 140 องศา ส่วนกล้องหลังบันทึกภาพสูงสุดระดับ HD 1080P 30 fps มุมภาพกว้าง 130 องศา ติดตั้ง CPU MT658 Cortex-A7 และ ROM ขนาด 8 GB มี Wi-Fi ในตัว สามารถโหลดภาพจากกล้องลงสมาร์ทโฟนได้ผ่านแอปพลิเคชัน 

ส่วนการบันทึกภาพนั้น Proof PF830 Dual บันทึกภาพแบบ Loop หากหน่วยความจำเต็ม กล้องจะลบไฟล์เริ่มต้นและบันทึกภาพต่อไปโดยอัตโนมัติซึ่งหมดห่วงเรื่องความจุไปได้เลย แถมยังมีระบบจับภาพเคลื่อนไหวรองรับตลอด 24 ชั่วโมง รองรับเมมโมรี่การ์ด microSD card สูงสุด 64 GB Class 10 ใช้งานง่ายกับเมนูภาษาไทย ตัวกล้องมีแบตเตอรีภายในแบบ Super Capacitor ทนแดดทนร้อนได้เป็นอย่างดี

จุดเด่นของ Proof PF830 Dual

  • กล้องบันทึกภาพ 2 กล้อง หน้า-หลัง ที่บันทึกได้พร้อมกัน
  • ระบบปฏิบัติการ Android 5.1ROM 8GB
  • มี Wifi 2.4 GHz และ GPS Tracking
  • สามารถดูไฟล์ภาพย้อนหลังได้
  • รองรับการบันทึกภาพแบบ Loop เมื่อหน่วยความจำเต็ม กล้องจะลบไฟล์เริ่มต้นและบันทึกภาพต่อไปโดยอัตโนมัติ
  • จับภาพเคลื่อนไหว Time-Lapse รองรับตลอด 24 ชั่วโมง 
  • ปรับสว่างอัตโนมัติในที่มืดรองรับโหมดจับภาพกลางคืน
  • รองรับโหมดตั้งค่าป้ายทะเบียนรองรับ (ผ่าน Application)
  • มีระบบ G-Sensor บันทึกภาพขณะจอดรถตลอด 24 ชั่วโมง 
  • รองรับการเก็บข้อมูล Micro SD (TF Class 10 ขึ้นไป) สูงสุด 64 GB
  • สามารถกำหนดเส้นทางรองรับการตีกรอบป้องกันการออกนอกเส้นทางรองรับการติดตาม GPS / Network SIM
  • แบตเตอรี่รูปแบบ Super Capacitor

ราคาโดยประมาณ 4,800 - 7,200 บาท (ขึ้นอยู่กับ Option และอุปกรณ์เสริมของรุ่น)

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราขอแนะนำเพื่อเสริมความปลอดภัยขั้นพื้นฐานภายในรถยนต์ ซึ่งถือว่าขาดไม่ได้แล้วในปัจจุบัน ดังนั้น คนรักรถสามารถพิจารณาได้ตามความเหมาะสมต่อการใช้งาน และงบประมาณที่มีอยู่ให้คุ้มค่า คุณภาพดี จะได้ไม่เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ต่อไป

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn

ค้นหารถมือสองทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถมือสอง One2car


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ