โตโยต้าคาดการณ์ตลาดรถยนต์รวมปี 2566 ที่ 900,000 คัน พร้อมตั้งเป้าประมาณการขายโตโยต้าที่ 310,000 คัน เหตุโควิด19 คลี่คลาย ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์เบาบางลง
โตโยต้าตั้งเป้ายอดขายรถโตโยต้าปี 2566 สูงถึง 310,000 คัน
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ปี 2565 พร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปี 2566
อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปี 2565 ฟื้นตัว
ปี 2565 ถือเป็นปีที่อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยยังอยู่ในภาวะการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีปัจจัยบวกจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของภาครัฐ เพื่อช่วยสนับสนุนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และการส่งออกที่เริ่มเติบโตดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า
ตลอดจนสถานการณ์ของ COVID-19 ที่มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดภายในประเทศของภาครัฐ รวมถึงการทยอยฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจากการเปิดประเทศ มีส่วนช่วยให้สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยด้านลบอื่นๆที่ส่งผลกระทบอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่นปัญหาการขาดแคลน เซมิคอนดัคเตอร์ที่ยังคงยืดเยื้อส่งผลกระทบกับภาคการผลิตในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก รวมถึงปัจจัยอื่นๆจากสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวม อาทิ ปัญหาด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศจากต้นทุนการขนส่งสินค้าทางเรืออยู่ในระดับสูง
อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ความผันผวนของสถานการณ์การเงินโลก ราคาพลังงานและวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายทั้งภายในประเทศและการส่งออก รวมถึงส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทย
แต่ในภาพรวมแล้วยังถือว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งสะท้อนมายังตลาดรถยนต์ในประเทศด้วยเช่นกัน โดยตัวเลขยอดขายรวมภายในประเทศปี 2565 อยู่ที่ 849,388 คัน หรือเพิ่มขึ้น 11.9% เมื่อเทียบกับปี 2564
สถิติการขายรถยนต์ในปี 2565 การเปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2564
สำหรับยอดขายของโตโยต้าในปี 2565 มียอดขายโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 288,809 คัน หรือเพิ่มขึ้น 20.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 34% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ส่วนแบ่งทางการตลาดรถยนต์นั่งของโตโยต้ามีการเติบโตสูงขึ้นจากปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความสำเร็จด้านยอดขายของรถยนต์รุ่นใหม่
อย่าง Veloz และ Yaris ATIV ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีภายหลังจากการแนะนำเข้าสู่ตลาดไปเมื่อปีที่แล้ว รวมไปถึงการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ยานยนต์ที่หลากหลาย สามารถเข้าถึงและใกล้ชิดกับลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายต่างๆได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2566
คาดว่าจะยังคงกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไปพร้อมๆ กับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจโดยรวมทั้งหมด จากทิศทางที่ดีในการลดระดับโควิด-19 สู่โรคติดต่อเฝ้าระวังของกระทรวงสาธารณสุข ส่งผลให้การดำเนินชีวิตผู้คนเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ พร้อมกับการเปิดประเทศส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่มีส่วนช่วยเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศ
ขณะที่ปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิตก็จะค่อยๆ คลี่คลายลงเช่นกัน อันจะส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มทยอยกลับคืนสู่สภาวะปกติและคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2566 จะอยู่ที่ 900,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 6.0% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
สำหรับโตโยต้า มีการตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 310,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 7.3% โดยครองส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 34.4%
ปริมาณการส่งออกรถยนต์และการผลิตของโตโยต้าในปี 2565
ในด้านการส่งออกรถยนต์ ในปี 2565 โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปไปจำนวน 378,454 คัน หรือเพิ่มขึ้น 30% จากปี 2564 โดยยอดรวมการผลิตรถยนต์สำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกในปี 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 659,262 คัน หรือเพิ่มขึ้น 28% จากปี 2564
เป้าหมายการส่งออกรถยนต์และการผลิตของโตโยต้าในปี 2566
สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปี 2566 ได้คาดการณ์ว่าความต้องการของตลาดต่างประเทศจะเพิ่มสูงขึ้น จากสถานการณ์การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของบรรดาประเทศคู่ค้าที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยโตโยต้าตั้งเป้าปริมาณการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 405,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และได้ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของปี 2566 อยู่ที่ ราว 723,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 9.7% จากปีที่ผ่านมา
ทิศทางการดำเนินธุรกิจของโตโยต้า ปี 2566
ในด้านผลิตภัณฑ์และการบริการสำหรับลูกค้า โตโยต้าจะพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและพลังงานทางเลือกต่างๆ เพื่อมอบทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นไปได้สำหรับทุกคน ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจกรรมการตลาดและการส่งเสริมการขายภายใต้แนวคิด Closer to customer (ใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น) ตลอดจนร่วมกับเครือข่ายทางธุรกิจในการนำเสนอนวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางและการบริการที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ อาทิ การผสมผสานเทคโนโลยีแห่งการเชื่อมต่อเพื่อสร้างความสะดวกสบายในการเดินทาง (Connected) การบริการการขับเคลื่อนในรูปแบบของการแบ่งปันการใช้งาน (Sharing) เป็นต้น
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนธันวาคม 2565
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 82,799 คัน ลดลง 9.0%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 30,197 คัน เพิ่มขึ้น 11.2% ส่วนแบ่งตลาด 36.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 18,216 คัน ลดลง 3.1% ส่วนแบ่งตลาด 22.0%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 8,324 คัน ลดลง 28.0% ส่วนแบ่งตลาด 10.1%
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 24,698 คัน ลดลง 22.6%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 8,941 คัน เพิ่มขึ้น 21.7 % ส่วนแบ่งตลาด 36.2%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 5,786 คัน ลดลง 34.0% ส่วนแบ่งตลาด 23.4%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 1,824 คัน ลดลง 26.6% ส่วนแบ่งตลาด 7.4%
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 58,101 คัน ลดลง 1.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 21,256 คัน เพิ่มขึ้น 7.3% ส่วนแบ่งตลาด 36.6%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 18,216 คัน ลดลง 3.1% ส่วนแบ่งตลาด 31.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 5,543 คัน เพิ่มขึ้น 34.6% ส่วนแบ่งตลาด 9.5%
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 43,322 คัน เพิ่มขึ้น 1.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 18,083 คัน เพิ่มขึ้น 8.1% ส่วนแบ่งตลาด 41.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 16,638 คัน ลดลง 1.6% ส่วนแบ่งตลาด 38.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 5,543 คัน เพิ่มขึ้น 34.6% ส่วนแบ่งตลาด 12.8%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 7,831 คัน
อีซูซุ 2,769 คัน - โตโยต้า 2,758 คัน – ฟอร์ด 1,565 คัน – มิตซูบิชิ 619 คัน – นิสสัน 120 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 35,491 คัน ลดลง 2.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 15,325 คัน เพิ่มขึ้น 7.4% ส่วนแบ่งตลาด 43.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 13,869 คัน ลดลง 7.0% ส่วนแบ่งตลาด 39.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 3,978 คัน เพิ่มขึ้น 16.7% ส่วนแบ่งตลาด 11.2%
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – ธันวาคม 2565
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 849,388 คัน เพิ่มขึ้น 11.9%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 288,809 คัน เพิ่มขึ้น 20.5 % ส่วนแบ่งตลาด 34.0%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 212,491 คัน เพิ่มขึ้น 15.4% ส่วนแบ่งตลาด 25.0%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 82,842 คัน ลดลง 6.6% ส่วนแบ่งตลาด 9.8%
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 265,069 คัน เพิ่มขึ้น 5.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 82,738 คัน เพิ่มขึ้น 32.6% ส่วนแบ่งตลาด 31.2%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 61,665 คัน ลดลง 19.8% ส่วนแบ่งตลาด 23.3%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 21,157 คัน เพิ่มขึ้น 14.6% ส่วนแบ่งตลาด 8.0%
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 584,319 คัน เพิ่มขึ้น 15.2%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 212,491 คัน เพิ่มขึ้น 15.4% ส่วนแบ่งตลาด 36.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 206,071 คัน เพิ่มขึ้น 16.2% ส่วนแบ่งตลาด 35.3%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 43,582 คัน เพิ่มขึ้น 34.8% ส่วนแบ่งตลาด 7.5%
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 454,875 คัน เพิ่มขึ้น 15.6%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 195,945 คัน เพิ่มขึ้น 17.2% ส่วนแบ่งตลาด 43.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 175,786 คัน เพิ่มขึ้น 16.0% ส่วนแบ่งตลาด 38.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 43,582 คัน เพิ่มขึ้น 34.8% ส่วนแบ่งตลาด 9.6%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 66,577 คัน
โตโยต้า 27,685 คัน - อีซูซุ 20,520 คัน - ฟอร์ด 9,765 คัน – มิตซูบิชิ 7,405 คัน – นิสสัน 1,202 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 388,298 คัน เพิ่มขึ้น 13.7%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 175,425 คัน เพิ่มขึ้น 16.4% ส่วนแบ่งตลาด 45.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 148,101 คัน เพิ่มขึ้น 15.1% ส่วนแบ่งตลาด 38.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 33,817 คัน เพิ่มขึ้น 23.9% ส่วนแบ่งตลาด 8.7%
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn
ค้นหารถมือสองทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถมือสอง One2car
ความคิดเห็น