Honda WR-V ฮอนด้า ดับเบิลยูอาร์-วี ใหม่ ยนตรกรรมเอสยูวีอเนกประสงค์ 5 ที่นั่ง เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมราคาที่เร้าใจ
Honda WR-V
Honda WR-V เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าหลายท่านอาจจะรอ เพราะถือเป็นกลุ่ม segment ใหม่ของทาง ฮอนด้า อยู่ระหว่าง city และ BR-V ถือว่าเป็นความหวังใหม่ของฮอนด้า เพราะเป็นรถกลุ่มใหม่ที่ไม่เคยจัดจำหน่ายมากก่อน เป็น suv ขนาดเล็กเข้าถืงได้ง่าย แต่แล้วเปิดราคามา หลายท่านผิดหวัง เรียกว่าไปต่อหรือพอแค่นี้
ดังนั้นฮอนด้า จึงได้จัดทดสอบเพื่อให้เห็นประสิทธิภาพของรถว่ามีดีอะไร ทำไมถึงแพง เพื่อให้ได้คำตอบเราต้องทดสอบ โดยเส้นทางการทดสอบในครั้งนี้ กรุงเทพฯ-บางแสน ไปกลับประมาณ 200 กว่ากิโลเมตร เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทางฮอนด้าจึงได้จัดทดสอบบนสภาพเส้นทางที่สุดโหด โดยเลือกเส้นทางบางนา บางแสน แต่วิ่งข้างล่างไม่ให้วิ่ง บูรพาวิถี ด้านบน เป็นที่รู้กันดีว่าสภาพเส้นทางด้านล่างแย่แค่ไหนเพื่อให้ทดสอบได้รับรู้ถึงช่วงล่างแบบจัดเต็ม
เริ่มการทดสอบ
การทดสอบในครั้งนี้เป็นการจัดกิจกรรมแบบกลุ่มรถ 6 คัน โดยการรับรถคนละคันในการเดินทางทดสอบ เริ่มจากภายนอกหลายท่านเห็นหน้าค่าตากันแล้ว อันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล บางคนบอกสวย บางคนบอกไม่สวยแล้วแต่ความชอบ แต่ในส่วนตัวทีมงานมองว่าดูลงตัวด้วยขนาดที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ ความสูงพอดีกับการใช้งานขึ้นลงสะดวกไม่ต้องก้าวยาวมาก ขนาดกระทัดรัด
ภายใน อันนี้คือยกมาจากรุ่นพี่ BR-V แทบจะทุกอย่างก็ว่าได้แต่ได้รับการปรับแต่งที่แตกต่างกัน ในเรื่องวัสดุและสีสันภายใน รุ่นที่ใช้ในการทดสอบเป็นตัว RS ที่ออกแบบแนวสปอร์ต เน้นสีดำแดง ในการตกแต่งทำให้ดูลงตัว ปุ่มต่างๆการวางตำแหน่งใช้งานได้ง่าย ด้วยขนาดตัวรถที่เล็ก
มุมมองในการขับขี่ถือว่าดีด้วยความสูงที่พอดี ทำให้การมองจากตำแหน่งผู้ขับขี่นั้นสะดวกสบายชัดเจน ตำแหน่งเบาะมีความสูงกำลังพอดี ปรับขึ้นลงได้ แต่เสียดายไม่ใช้ระบบไฟฟ้า และอีกตำแหน่งที่ขัดใจหลายท่านคือเบรกมือนั้นไม่ใช่ระบบไฟฟ้า (ถ้าราคาถูกทุกอย่างจะถูกมองข้าม)
ออกเดินทางมุ่งหน้า บางแสน ก่อนทีมงานจะได้มาทดสอบก็ต้องบอกตามตรงว่า ไม่ได้คาดหวังอะไรกับรถมากมายอะไร เพราะด้วยเป็นรถที่ประกอบจาก ประเทศอินโดนิเซีย หลายท่านรู้ดีว่าบ้านเราประกอบได้ดีกว่า ดังนั้นในเรื่องการขับขี่จึงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก
วิ่งด้านล่างเส้นบางนา ทำความเร็วได้บางช่วงด้วยปริมาณรถบรรทุกที่เยอะมาก ทำให้วิ่งเร็วสลับกับช้าจึงได้ทดสอบสอบระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) ตั้งระยะให้รถขับเองแบบอัตโนมัติ ซึ่งทำออกมาได้ดีการทำงานถือว่าดีในเวลารถวิ่งแบบตามๆคันหน้า ในความเร็วที่กำหนด ทำให้การเดินทางไกลง่ายขึ้น ลดความเมื่อยล่าได้เป็นอย่างดี
สภาพถนนที่ค่อนข้างแย่ทำให้เราได้ทดสอบช่วงล่าง อย่างเต็มที่ ทีมงานลุยแบบไม่ต้องหลบหลุมบ่อกันเลย ขับแบบใช้งานจริง ต้องบอกว่าประทับใจ การซับแรงกระแทกต่างๆทำได้ดี เทียบเท่ารถกลุ่ม SUV หรือไม่ก็คงไม่ใช่ แต่ดีกว่ารถขนาดเล็กมาก แรงกระแทกจากพื้นถึงพวงมาลัยนั้นน้อยมาก ไม่ดีดหรือตีขึ้นมาที่พวงมาลัย เพราะโดยปกติแล้วถ้าตกหลุมแรงๆพวงมาลัยก็จะสะท้านขึ้นมือ แต่สำหรับ WR-V ไม่เป็น และในการวิ่งด้วยความเร็วขึ้นสะพาน ปกติรถจะดีดด้านท้ายช่วงลงคอสะพาน แต่ WR-V ไม่เป็น โช๊คปรับมาได้ดีทำให้หยุดการเต้นของท้ายรถได้ ถ้าเทียบกับ HR-V ทำได้ดีกว่า วิ่งเข้าโค้งด้วยความเร็ว อาการโค้งตัวจากรถที่มีความสูงนั้นน้อยมากรถแทบไม่เสียอาการให้การเกาะถนนที่ดี ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถเตี้ยเลย พวงมาลัยควบคุมง่ายน้ำหนักกำลังพอดีในทุกช่วงความเร็ว
เครื่องยนต์ ดับเบิลยูอาร์-วี ใหม่
เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับระบบเกียร์ CVT ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อมอบสมรรถนะที่ดีเยี่ยม ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาทีและแรงบิดสูงสุดที่ 145 นิวตัน-เมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างคล่องตัว ทรงพลังแต่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยอัตราการประหยัดน้ำมัน 16.7 กม./ลิตร รองรับพลังงานทางเลือก E20
ถ้ามองจากตัวเลขต่างๆนั้น ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากนักกับเครื่องที่มีอยู่ใน BR-V ใช่เพราะถูกหยิบยืมมาใช้นั้นเอง แต่มีการปรับจูนใหม่เล็กน้อยให้กระชับมากขึ้นในการขับขี่ จากการทดสอบถือว่าผ่านทำได้ดีจริง การตอบสนองของเครื่องยนต์นั้นดีกว่าที่คิด มาเร็วขึ้น กับการต่อเกียร์ที่ดียิ่งขึ้น ทำให้อัตาเร่งมาเร็วทันใจในทุกช่วงการขับขี่ แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคืออัตราการ ประหยัดน้ำมัน ทีมงานวิ่งจบทริป 200 กว่ากิโลเมตร ทำตัวเลขได้ 18.8 km/L บางช่วง ทำตัวเลขได้ถึง 20 km/L ถือว่าประหยัดมากเพราะต้องบอกว่าตัวเลขนี้คือขับจริงแบบไม่เน้นประหยัด ขับขี่แบบปกติ และสอบถามคันอื่นๆก็สามารถทำตัวเลขได้ใกล้เคียงกัน ไม่แตกต่างกันมาก แต่ก็คงต้องมาดูกับการวิ่งทดสอบในเมืองอีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร
แต่สิ่งที่ขัดใจคือเสียง ซึ่งฮอนด้าแทบจะทุกรุ่นมีปัญหาเดียวกันคือเสียงที่เข้าห้องโดยสาร เสียงที่ดังส่วนใหญ่มาจากพื้นถนน และจะยิ่งชัดเจนมากเวลาผ่านสภาพถนนที่ไม่เรียบ แต่สำหรับถนนยางมะตอยไม่มีปัญหา แต่ในส่วนของเสียงลมถือว่าผ่านทำได้ดีแม้ว่าตัวรถจะสูงดูต้านลมก็ตาม แต่เสียงลมที่เข้ารถก็ยังน้อยกว่าเสียงจากพื้นถนน ซึ่งเป็นปัญหาในทุกรุ่นของฮอนด้า
ฮอนด้า ดับเบิลยูอาร์-วี ใหม่ ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และ
คนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะ
ไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนอง หรือในกรณีที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วย
ผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติและลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ โดยระบบจะทำงานเมื่อรถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 72 กม./ชม. ขึ้นไป
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC)
ระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม โดยระบบจะทำงานเมื่อรถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 30 กม./ชม. ขึ้นไป
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
ระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร โดยระบบจะทำงานเมื่อรถยนต์วิ่งอยู่ที่ความเร็ว 72 กม./ชม. ขึ้นไป
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติช่วยให้ผู้ขับขี่มีทัศนวิสัยที่ดีเมื่อขับรถในเวลากลางคืน และลดจำนวนครั้งที่ผู้ขับขี่จำเป็นต้องปรับไฟหน้าสูง-ต่ำด้วยตนเอง โดยระบบจะตรวจจับรถยนต์ด้านหน้า รถสวนทาง และไฟถนน แล้วทำการปรับเป็นไฟสูง-ต่ำโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ระบบจะปรับไฟหน้าเป็นไฟสูงโดยอัตโนมัติเมื่อขับขี่ในเส้นทาง
ที่มืดในเวลากลางคืน โดยจะทำงานที่ความเร็ว 30 กม./ชม. ขึ้นไป
ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
ระบบตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า โดยระบบจะทำงานเมื่อตรวจพบรถคันหน้ามีการเคลื่อนที่ในสภาวะที่รถอยู่ห่างกันภายในระยะ 10 เมตร และรถของผู้ขับขี่ไม่มีการเคลื่อนที่
สรุป Honda WR-V
พูดแบบตรงๆคือ ประทับใจกว่าที่คิดไว้ เพราะไม่ได้คาดหวังมากนัก แต่สิ่งที่ได้นั้นเกินคาดในหลายด้านทั้งเรื่องช่วงล่างที่ทำออกมาได้ดีแบบผู้ใช้งานปกติรับรู้ได้ ไม่แข็งไปไม่นุ่มไปเกาะถนนดี แต่เร็วมากๆเกินก็อาจจะหวิวๆบ้าง ด้วยความสูงของตัวรถ อัตราการประหยัดน้ำมันเกินกว่าที่คิดไว้เยอะมาก
เครื่องยนต์แม้ว่าจะประหยัดแต่ก็ไม่ได้แรงอะไร แต่มีตัวช่วยทีมงานได้สอบถามทางวิศวกรฮอนด้า แอบบอกว่าเครื่องตัวนี้พื้นฐานเดียวกับ civic 1.5Turbo ดังนั้น จุดยึดต่างๆเหมือนกันเลย ก็สายแรงคงเป็นที่เข้าใจแล้วนะว่าเอาไปต่อ ยอดได้ง่ายมาก
แต่มีดีก็มีเสีย เบรกมือไม่ใช่ไฟฟ้า เบาะคนขับไม่ใช่ไฟฟ้า เบรกหลังดรัม ราคาแพงเกินกว่าที่คิดเยอะ สิ่งที่เป็นปัญหาต่างๆนั้นจะถูกมองข้ามไป ถ้าราคาดีกว่านี้ เพราะด้วยราคาที่ฮอนด้าตั้งมานั้นไม่แปลกที่ทำให้ทุกคนคาดหวังว่าจะได้ของที่เยอะกว่านี้
Honda WR-V ราคาอย่างเป็นทางการ (นำเข้าอินโดนีเซีย)
Honda WR-V SV SENSING CVT 799,000 บาท
Honda WR-V RS SENSING CVT 869,000 บาท
อัปเดตข่าวรถยนต์ ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสอง ทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car
ความคิดเห็น