อีกหนึ่งรุ่นย่อยที่น่าสนใจสำหรับ Ford Everest โฉมใหม่ รุ่น Trend ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้นในราคาเพียง 1,334,000 บาท ส่วนออปชันที่จะได้นั้นมีอะไรบ้าง ขับขี่ดีแค่ไหน
Ford Everest Trend
ความน่าสนใจสำหรับ Ford Everest Trend คือราคาเริ่มต้นที่ ทำให้หลายท่านตัดสินใจง่ายขึ้น เพราะถ้าเทียบกับตัวท๊อปเรียกว่าห่างกัน 520,000 บาท ถือว่าห่างกันมากดังนั้นเมื่อห่างกันขนาดนี้เรามาดูว่าออฟชั่น และในส่วนของการขับขี่นั้นจะแตกต่างกันหรือไม่
ภายนอก
หน้าตาภายนอกรวมๆแล้วดูคล้ายกับในรุ่นท๊อป แต่ถ้ามองลึกลงไปก็จะเห็นถึงความแตกต่างเช่นไฟหน้าจะได้เป็นแบบ LED รีเฟลกเตอร์พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมเซนเซอร์กะระยะด้านหน้า ส่วนระบบปัดน้ำฝนจะเป็นแบบหน่วงเวลา ยังไม่ใช่แบบอัตโนมัติเหมือนในรุ่นท๊อป
หลังคาแบบธรรมดา ยังไม่ใช่พาโนรามิคมูนรูฟเหมือนในรุ่นท๊อป ราวหลังคาสีดำ บันไดข้างสีดำ มือเปิดประตูสีเดียวกับรถ ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 255/65R18
ภายใน
ภายในห้องโดยสาร มีขนาดที่กว้างขวาง ใช้วัสดุตกแต่งที่ให้ความรู้สึกหรูหรา สีภายในมีให้เลือกแค่สีเดียว คือ สีดำ เบาะฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง คอนโซลกลางพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง และที่วางแก้วน้ำแบบพับเก็บได้สำหรับเบาะคู่หน้า เบรกมือไฟฟ้า พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังจับถนัดมือ มีปุ่มมัลติฟังก์ชันบนพวงมาลัย
รองรับระบบการชาร์จแบบไร้สาย พร้อมช่อง USB-A และ USB-C
หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัด ขนาด 8 นิ้ว สำหรับแสดงข้อมูลต่าง ๆ ของตัวรถ
จอเครื่องเล่นตรงกลาง เป็นแบบระบบสัมผัสแนวตั้ง ขนาด 10.1 นิ้ว รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Andriod Auto พร้อมระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร SYNC® 4A และเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงการติดตั้งโมเด็มมาจากโรงงานเพื่อ เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส สามารถสตาร์ทรถจากระยะไกล การตรวจเช็กสถานะต่าง ๆ ของรถ รวมไปถึงการล็อค และปลดล็อคผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเหมือนกับตัวท๊อป
เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเลื่อนได้ และพับได้แบบแบ่ง 60:40 พับได้แบบแบนราบ พร้อมแอร์หลังและช่องจ่ายไฟ
เครื่องยนต์ Ford Everest Trend
เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว ที่ให้กำลัง 170 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง หากมองที่ตัวเลขแรงม้าและแรงบิด ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานทั้งในเมือง และการเดินทางไกลขึ้นเขา ลงเขา รวมถึงยังสามารถใช้ลุยทางออฟโรดแบบเบา ๆ ได้ ในส่วนของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ตาม Eco Sticker จะอยู่ที่ 13.3 กม./ล. หากใช้งานจริงก็น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 10-11 กม./ล.
ทดสอบ
ก่อนหน้านี้เราได้ทำการทดสอบ ในรุ่น Sport กับ Titanium+ แล้วซึ่งจะทำให้แยกออกได้อย่างชัดเจน ก่อนอื่นภายนอกมองผ่านๆแยกไม่ออกต้องตั้งใจดูทีละจุด ว่าต่างกันตรงไหนจุดที่เด่นๆเลย ก็จะมีไฟหน้าจะต่างจากตัวท๊อป ล้อขนาด 18" รุ่นอื่น 20" ด้านท้ายกับโลโก้ด้านฝากระโปรงจะเป็นแผงสีดำเงาต่างจากรุ่นอื่นซึ่งเป็นแถบไฟ โลโก้ก็จะอยู่ด้านใน ด้านนอกมีเพียงเท่านี้
ล้อ 20"
ล้อ 18"
เข้ามานั่งในรถจุดต่างหลักกับหน้าจอผู้ขับขี่และจอกลางจะเล็กกว่ารุ่นท๊อป ลูกเล่นหน้าจอหรือคำสั่งต่างๆนั้นเหมือนกันกับรุ่นท๊อปจุดต่างแค่ทุกอย่างเล็กลง โหมดการขับขี่เหมือนกับรุ่นขับสองไม่แตกต่างกัน เรียกว่าภายในนั้นถ้าเทียบกับรุ่น Sport ขับสอง แทบจะไม่แตกต่างเลย
การขับขี่ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว ที่ให้กำลัง 170 แรงม้า ต้องบอกว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้วอัตราเร่งต่างๆนั้นเพียงพอ ตอบสนองได้ดีแทบจะไม่ต่างจากรุ่น เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 210 แรงม้า ช่วงออกตัวพอกันแต่จะเสียเปรียบในช่วงปลายด้วยแรงม้าที่มากกว่าและเกียร์ที่มีถึง 10 สปีด ถ้าวัดกันช่วงต้นเรียกว่าหนีไม่ออก
ช่วงล่างเหมือนกันทุกอย่างแต่สิ่งที่รู้สึกได้ที่แตกต่างนั้นคือ ยางที่หนากว่าด้วยขอบ 18" จะมีความนุ่มกว่าแต่ต้องแลกกับอาการเด้งและโยนตัวที่มากว่าในโค้ง เล็กน้อย ถือถ้าคุณไมเคยขับขี่ในรุ่น sport ล้อ 20" มาก่อนเราก็จะไม่รู้สึกว่ารถโยนหรือเด้งแต่อย่างไร ถ้ามองในมุมการใช้งานจริงล้อขนาด 18" ใช้ชีวิตประจำวันดีกว่าเพราะโดยส่วนใหญ่เราก็คงใช้งานในเมืองมากกว่าและเป็นความเร็วที่ไม่มาก ยางหนารู้สึกสบายกว่า
การขับขี่ในเมืองขาดเพียงกล้อง 360 แต่ก็ยังมีกล้องหลังให้ซึ่งเพียงพอแล้ว การขับขี่ในความเร็วเสียงลมเข้ารถไม่แตกต่างจากรุ่นอื่น อัตราการกินน้ำมันไม่ต่างกันกับรุ่น sport แต่อย่างไร(เครื่องเดียวกัน)
ระบบความปลอดภัย Ford Everest Trend 2.0 Turbo 4X2 6AT
ถุงลมนิรภัย 7 จุด
ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า และหลัง
กล้องมองหลังขณะถอยจอด
ระบบป้องกันล้อล๊อก ABS และกระจายแรงเบรก EBD
เบรกมือไฟฟ้า
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ
จุดยึดสำหรับเบาะนั่งเด็ก
สัญญาณกันขโมย และกุญแจนิรภัย
ส่วนระบบช่วยเหลือการขับขี่ จะมีแค่เพียงแค่ Cruise Control ที่เป็นแบบธรรมดาเท่านั้น
สรุปสำหรับ Ford Everest Trend 2.0 Turbo 4X2 6AT
ถ้ามองในเรื่อง ความคุ้มค่าคุ้มราคาไหม Everest Trend คุ้มแล้วถ้าเทียบกับเงินที่จ่ายอุปกรณ์ออฟชั่นต่างๆที่ให้นั้นเพียงพอสำหรับการใช้งานแล้ว เงินที่เหลือคุณสามารถนำไปตกแต่งเพิ่มได้ ทำเครื่องเสียงให้ดี ใส่ล้อ ให้ดูเต็มและแตกต่าง แต่ถ้าคุณไม่ใช้สายแต่งก็ต้องบอกว่าสิ่งที่ Everest Trend ให้มานั้นก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว
Ford Everest Trend 2.0 Turbo 4X2 6AT ราคา 1,334,000 บาท มีสีตัวถังให้เลือก 6 สี ได้แก่
สีเงิน อลูมิเนียมเมทัลลิก
สีเทา เมทิออร์เกรย์
สีดำ แอบโซลูทแบล็ก
สีน้ำตาล อีควิน็อกซ์บรอนซ์
สีขาว สโนว์เฟลคไวท์เพิร์ล (เพิ่มเงิน 12,000 บาท)
สีส้ม เซโดนาออเรนจ์ (เพิ่มเงิน 12,000 บาท)
ฟอร์ดเอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ทุกรุ่นมาพร้อมการรับประกันคุณภาพรถใหม่จากโรงงานนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ ตรวจสอบราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับเรา Autospinn
ส่วนใครที่กำลังมองหารถยนต์มื
ความคิดเห็น