Ford Ranger Wildtrak กระบะพรีเมียม หรูในเมือง ลุยในป่า Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

Ford Ranger Wildtrak กระบะพรีเมียม หรูในเมือง ลุยในป่า

วรัญญู ยอดพรหม
โพสต์เมื่อ 12 May 2566

หลังจากฟอร์ด ประเทศไทย เปิดตัว ford ranger ใหม่ในปีที่แล้ว ซึ่งได้รับการชื่นชมให้เป็นรถอันดับหนึ่งสำหรับกระบะพรีเมี่ยมเลยก็ว่าได้ ด้วยรูปร่างหน้าตาและออฟชั่น เทคโนโลยีเหนือกว่าคู่แข่ง พร้อมสมรรถนะที่เต็มไปด้วยความทันสมัย


Ford ranger Wildtrak ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มกระบะพรีเมี่ยม


 
จริงๆ แล้วตลาดรถกระบะในประเทศไทยถือว่าใหญ่มาก มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ แต่ในกลุ่มกระบะพรีเมี่ยม นั้น ต้องยกให้ฟอร์ด นอกจากในเรื่องหน้าตาที่ดูดุดัน ออฟชั่นเทคโนโลยี ที่ให้แบบจัดเต็มแล้ว
ในเรื่องของการขับขี่ จะเป็นอย่างไรบ้าง จะสู้รถเก๋งหรือ suv ได้หรือไม่? 
วันนี้เราจึงได้ทำการทดสอบ ford ranger wildtrak เพื่อดูสมรรถนะของตัวรถในหลากหลายเส้นทาง ทั้งการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง รวมไปถึงการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับไป Camping ที่จังหวัดราชบุรี เพื่อจะได้ออกไปสัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยจุดเด่นของเต็นท์ที่เราเลือกใช้ความสูงพอประมาณไม่เกินตัวรถเยอะ พร้อมกับจุดยึดที่ไม่ต้องเจาะตัวถังรถแต่เน้นจุดยึดที่ตัวรถมีมาให้แล้ว ซึ่งทำให้การติดตั้งในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยแข็งแรงและไม่เสียหายกับตัวรถด้วย 
 
 
 

ทดสอบการใช้งานในเมือง 
เราเริ่มทดสอบเน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลักก่อน หลายคนอาจมองว่าขนาดของตัวรถที่ใหญ่จะมีปัญหาสำหรับการใช้งานในเมืองหรือไม่? เพราะจริงๆแล้ว ชีวิตประจำวัน คนส่วนใหญ่ก็จะใช้งานในเมืองเป็นหลัก 


 
ด้วยความสูงของรถ ช่วยมอบวิสัยทัศน์ในการขับขี่ได้ดีเยี่ยม สามารถมองได้กว้างและไกล ขับผ่านช่องเล็กแคบตามซอย หรือผ่านถนนที่การจราจรคับคั่งก็สามารถผ่านได้อย่างสะดวกสบาย ด้านหน้าคอนโซลติดตั้งหน้าจอกลางซึ่งเป็นไฮไลท์ภายในของ Ranger  รูปแบบสัมผัส Multi-touch Screen ขนาด 12 นิ้ว ใช้งานง่ายมองได้อย่างอย่างชัดเจน รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ซึ่งเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่สามารถเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็วและง่ายต่อการใช้งาน ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อแผนที่ขึ้นที่หน้าจอทำให้เราไม่หลงทางแน่นอน ความสะดวกสบายที่ผู้บริโภคต้องการคือแท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือไร้สาย Wireless Charging พร้อมช่องเสียบชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าแบบ USB Type A และ Type C เรียกว่ามีเพียงพอในทุกจุด 
 


ตัวช่วยเวลารถติดกับ Auto Brake Hold ทำให้เราไม่ต้องเข้าเกียร์บ่อยช่วยได้มาก พร้อมกับ กล้องมองรอบคัน 360 องศา สัญญาณเตือนการชนด้านหน้าทำให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงเมื่อเราจะเข้าจอดในที่แคบๆตามห้างต่างๆ ตัวรถใหญ่การที่เราจะเข้าช่องจอดรถนั้นอาจจะลำบาก แต่สำหรับ ranger wildtrak ที่มีระบบช่วยเหลือต่างๆนั้น ทำให้การจอดง่ายขึ้นไม่ว่าจะมีกล้องมองรอบคันที่ชัดมาก เส้นนำทางหมุนตามพวงมาลัย พร้อมระบบตรวจจับรถในจุดอับสายตาขณะขับขี่ เซนเซอร์กะระยะจอดด้านหน้า รวมถึงระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลังที่ทำงานรวมกันแล้วทำให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย


 
ด้านพละกำลังเครื่องยนต์ ในรุ่นไวลด์แทรค มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด มีตัวเลือกทั้งแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และขับเคลื่อนสองล้อเป็นครั้งแรก มอบพละกำลัง 210 PS ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที เป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับปรุงให้ขับขี่ได้ง่ายในเมือง พละกำลังที่ดีทำให้คันเร่งเบากดเล็กน้อยตัวรถก็ออกวิ่งอย่างทันใจไม่มีอีดอาด ให้อารมณ์เหมือนรถเก๋ง เสียงเครื่องเงียบอาการสั่นของเครื่องน้อยทำให้ขับขี่ได้สบายไม่มีอาการสั่นกวนใจ ออกนอกเมือง เครื่องยนต์ทำงานเต็มกำลัง แสดงพลังได้อย่างเต็มที่ กดคันเร่งเบาๆรถให้การตอบสนองรวดเร็วทันใจไม่ว่าจะแซงหรือวิ่งในความเร็วสูง อัตราเร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องจนลืมไปเลยว่าเป็นรถกระบะสูง รถนิ่งมีอาการโคลงน้อย


 
การใช้งานเมื่อต้องเดินทางไกล
ด้วยเหตุผลที่ช่วงล่าง ford ranger wildtrak ถูกปรับเซ็ตให้มีความนุ่มนวลเหมือนรถเก๋ง ทำให้รู้สึกสบายกว่ารถกระบะทั่วไปอย่างชัดเจน เพราะโดยปกติขึ้นชื่อว่ารถกระบะช่วงล่างรถส่วนใหญ่จะแข็งกระด้าง แต่สำหรับ ranger wildtrak ขับขี่ได้อย่างสบาย ตัวรถที่เกาะถนนวิ่งแล้วไม่การด่างบนเส้นทางไกล ทำให้การขับขี่ไม่เหนื่อยล้าผู้โดยสารก็เช่นกัน และที่สำคัญกับระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop&Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Adaptive Cruise Control with Stop-and-Go and Lane Centering) ในเมืองเราอาจจะได้ใช้งานน้อยเพราะรถเยอะเบรคบ่อย แต่เมื่อเราเดินทางไกลรถวิ่งความเร็วคงที่ ตัวช่วยนี้ทำงานได้อย่างดีเสมือนมีคนขับให้ ลดการเมื่อยล้าลงไปได้     

เดินทางไกลในโหมด ECO เปลี่ยนเป็นเกียร์สูงเร็วขึ้น ใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำ ลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ซึ่งช่วยได้มากในการเดินทางไกลแม้ว่ารถจะหนักด้วยสัมภาระเยอะ แต่เราอยู่ให้โหมด ECO ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันได้เพิ่มขึ้น 

 


   
เดินทางมาถึงราชบุรี เตรียมตัวขึ้นเขาเพื่อไปกางเต็นท์ เส้นทางเริ่มมืดลงด้วยป่าที่มีต้นไม้เยอะ ตัวช่วยอีกอย่างที่สำคัญ คือไฟหน้า ระบบไฟหน้าแบบ Matrix LED ที่มีมาให้ให้ความสว่างเพียงพอต่อการใช้งานในที่มืดปลอดภัยในการเดินทาง เส้นทางขึ้นเขาปรับเปลี่ยนโหมด SLIPPERY ถนนลื่น ลดการหมุนฟรีของล้อเมื่อขับขี่บนพื้นผิวที่ลื่น ระบบจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์ ออกตัวด้วยเกียร์ 2 และเปลี่ยนเป็นโหมดการขับขี่ 4H ให้อัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องไปยุ่ง กับระบบทุกอย่างรถจะทำการปรับเองเพียงแค่เราดูเส้นทางให้ดีค่อยๆขับ ผ่านอุปสรรคได้อย่างสบายทำให้เส้นทางที่ลำบากดูง่ายขึ้น และให้ความปลอดภัยด้วย  เมื่อเราปรับโหมด หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 8 นิ้ว (8" Color Information Display on Cluster) ก็ถูกปรับเปลี่ยนตามโหมดด้วยทำให้ผู้ขับขี่รู้ถึงสถานะการทำงาน 


   


ถึงที่หมายตามเวลากำหนด ได้เวลากางเต้นท์ อากาศกำลังดี เริ่มมีแมลง ตัวช่วย ranger wildtrak ช่องต่อไฟ 12V สามารถต่อพัดลม ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นลดอากาศร้อนลงได้ ฝาท้ายเป็นอีกหนึ่งไอเทม นอกจากจะเปิดปิดได้ง่ายเบามือ ฝาท้ายยังทำช่องใส่ปากกาตัว C เพื่อจับงานไม้หรือสิ่งของต่างๆได้  
 


  
ด้านระบบความปลอดภัย Ranger Wildtrak 2.0 Bi-Turbo ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง 4×2 และขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมาพร้อมระบบช่วยการขับขี่ (Advanced Driver Assist Technology) ประกอบด้วย
●    ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop & Go และระบบช่วยให้รถอยู่ในช่องทาง (Adaptive Cruise Control with Stop & Go and Lane Centering)
●    ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High-beam Headlamps)
●    ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติและตรวจจับคนเดินถนน (Automatic Emergency Braking with Pedestrian Detection)
●    ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning with Brake Support)
●    ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System)
●    ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และตรวจจับขณะออกจากช่องจอด (Blind Spot Information System with Cross-traffic Alert and Braking)
●    กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา (360-degree Camera)
●    ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง (Reverse Brake Assist)
●    ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive Steering Assist)
●    ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Parking Assist)
●    ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (Tire Pressure Monitoring System)
หากเกินขีดความสามารถของระบบความปลอดภัยขั้นสูงแล้ว ก็จะเป็นหน้าที่ของระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน ซึ่งคราวนี้มาพร้อมถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง 

 
สรุป Ranger Wildtrak 2.0 Bi-Turbo
ถ้าจะเลือกรถหนึ่งคันในบ้านใช้งานได้ทุกอย่าง และคุณเป็นคนชอบเที่ยว Ranger Wildtrak เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ Ranger Wildtrak แสดงให้เห็นว่าเป็นรถกระบะที่สามารถใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมืองได้อย่างสะดวกสบาย ตัวรถอาจจะดูใหญ่แต่ใช้งานจริง ด้วยตัวช่วยที่มีให้นั้นทำให้ขับขี่ใช้งานในเมืองได้อย่างคล่องตัว และที่สำคัญเราไม่สามารถรู้เลยว่าหน้าฝนน้ำจะท่วมเมื่อใด ซึ่งไม่ใช้ปัญหาสำหรับ Ranger Wildtrak ด้วยความสูงของตัวรถ 
และเมื่อต้องการออกเดินทางไกล Ranger Wildtrak ก็สามารถพาเราไปในที่ต่างๆได้อย่างสบาย ด้วยโหมดการขับขี่ที่มีมากถึง 6 โหมด ด้วยกันทำให้สามารถจะพาเราไปได้ในทุกสภาพพื้นที่ จึงไม่แปลกใจเลยว่า Ranger Wildtrak จะตอบโจทย์การใช้งานในทุกรูปแบบและถูกยกเป็นกระบะพรีเมี่ยมเพราะสามารถใช้งานได้ทุกสถานะการทั้งในเมืองและนอกเมืองได้จริง
ราคา Ford Ranger Wildtrak
●    Next-Gen Ford Ranger Double Cab Wildtrak 2.0L Turbo HR 6MT: 1,014,000 บาท
●    Next-Gen Ford Ranger Double Cab Wildtrak 2.0L Turbo HR 6AT: 1,064,000 บาท
●    Next-Gen Ford Ranger Double Cab Wildtrak 2.0L Bi-Turbo HR 10AT : 1,174,000 บาท
●    Next-Gen Ford Ranger Double Cab Wildtrak 2.0L Bi-Turbo 4×4 10AT : 1,314,000 บาท
พร้อมโปรแกรมการรับประกันคุณภาพจากผู้ผลิต Warranty 5 ปี หรือ 150,000 กม. และประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure นาน 1 ปี

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ ตรวจสอบราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn 

ค้นหารถมือสองทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ