LAMBRETTA ใหม่! X300 SR พาย้อนเวลาสู่สีสันแห่งตำนานสกู๊ตเตอร์คลาสสิก Share this

LAMBRETTA ใหม่! X300 SR พาย้อนเวลาสู่สีสันแห่งตำนานสกู๊ตเตอร์คลาสสิก

Nirin P.
โดย Nirin P.
โพสต์เมื่อ 10 May 2566

LAMBRETTA พาย้อนเวลาไปเสพความคลาสสิกแบบฉบับ Super Retro กับคอลเลคชั่นใหม่ ในรหัส ‘X300 SR’ 


หลังจาก LAMBRETTA (แลมเบรตต้า)  แบรนด์รถสกู๊ตเตอร์ระดับตำนานจากประเทศอิตาลี สร้างความฮือฮาเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ด้วยรุ่น X300 กับดีไซน์ที่ถอด DNA ตำนานความคลาสสิกของ LAMBRETTA มาประยุกต์ไปกับเทคโนโลยี และดีไซน์ล้ำสู่อนาคตได้อย่างลงตัว จนเรียกได้ว่าการเปิดตัว X300 ที่สะเทือนวงการสองล้อบ้านเราที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมา และมาแรงจนสามารถขึ้นแท่นแบรนด์ที่มียอดจองสูงสุด อันดับ 1 ภายในงาน Motor Expo 2022 ไปได้อย่างขาดลอย

มาวันนี้... LAMBRETTA พร้อมพาย้อนเวลาไปเสพความคลาสสิกของตำนานอีกครั้ง กับคอลเลคชั่นใหม่ ในรหัส ‘X300 SR’ ที่จะพาย้อนเวลากลับไปสู่ความคลาสสิกแบบฉบับ Super Retro จากแรงบันดาลใจของรุ่นตำนาน LAMBRETTA DL/GP ในปี 1969 ถูกนำมาถ่ายทอด DNA ผ่านลวดลายในอดีตกับเอกลักษณ์ Side Panel Stripes ที่มาพร้อมกับสีสันใหม่ ในคอนเซ็ปต์ ‘Colors of Time’ เพราะเชื่อว่าทุกคนล้วนมีสีสันที่มีความหมายในชีวิต เช่นเดียวกับสาวกแลมเบรตติสต้า ที่หลงใหลในความคลาสสิก พร้อมมีภาพความทรงจำดีๆ กับ LAMBRETTA คู่ใจในสีสันที่แตกต่างกันไปในห้วงเวลาเหล่านั้น และอยากให้อยู่คู่ความทรงจำไปตลอด

 

 

พร้อมกันนี้ LAMBRETTA X300 SR ยังคงมาพร้อมกับพรีเซ็นเตอร์หนุ่ม ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ ที่รู้กันดีว่า นอกจากจะเป็นนักสะสมรถวินเทจแล้ว ก็ยังเป็นสาวกแลมเบรตติสต้าตัวจริง ที่สะสมแลมเบรตต้าทั้งรุ่นวินเทจและรุ่นปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่ามารอบนี้ LAMBRETTA  พร้อมเล่นใหญ่ ให้ทุกคนได้ยลโฉม กับการบุกบิลบอร์ดทั่วกรุงฯ เผยโฉมความพิเศษในรอบนี้ ด้วยลุคใหม่ของหนุ่มมาริโอ้ ที่เติมเต็มสีสันและอารมณ์ความคลาสสิก ให้แมทลุคกับ X300 SR คอลเลคชั่นใหม่ สมกับคอนเซปต์ Colors of Time ได้อย่างลงตัว

 

LAMBRETTA X300 SR ถือเป็นอีกโมเดลที่เป็นมากกว่าแค่รถสกู๊ตเตอร์ แต่เป็นตัวแทนแห่งความทรงจำดีๆ และจะเป็นอีกหนึ่งตำนานสกู๊ตเตอร์ที่ยิ่งนานไปมูลค่าทางใจยิ่งเพิ่มขึ้น สาวกตัวจริงจึงไม่ควรพลาดที่จะมีไว้ครอบครอง!  เพราะนอกจากดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว LAMBRETTA X300 SR  ยังมาพร้อมสีสันความคลาสสิก ซึ่งเป็นโทนสียอดนิยมในช่วงรอยต่อของยุค 60s และยุค 70s เป็นยุคร่วมสมัยแนว Pop Culture สะท้อนความสดใสของวัยรุ่นในยุคนั้น ที่พร้อมขับเคลื่อนสังคมสู่โลกใหม่ในช่วงยุคหลังสงครามโลก โดยความคลาสสิกจะถูกถ่ายทอดผ่าน 3 สีสันยอดนิยมในยุคนั้น ได้แก่

- YELLOW MUSTARD (Hi-Gloss)

- WHITE LATTE (Hi-Gloss)

- RED AMARO (Hi-Gloss)  

 

พร้อมกันนี้ยังไม่ทิ้งจุดเด่นอันเป็นอัตลักษณ์ของดีไซน์ คือ Side Panel Stripes ลายคลาสสิก DNA ที่อยู่บน LAMBRETTA รุ่นตำนาน พร้อมการใส่ Gimmick ขอบคิ้วสีดำรอบคันตัดกับสีบอดี้รถทั้ง 3 สี ที่อยู่ร่วมกับฟังก์ชันดีไซน์ร่วมสมัยอาทิ ไฟหน้า และไฟท้ายในระบบ FULL LED กับโคมไฟหน้ารูปทรงหกเหลี่ยม อีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นยอดฮิตของ LAMBRETTA  ออกแบบมาให้แฝงโลโก้ไว้ภายใน บ่งบอกตัวตนไว้ได้อย่างชัดเจน และส่วนของไฟท้ายที่บึกบึนดูแข็งแกร่งแตกต่างไม่ซ้ำใคร ให้ความพรีเมียมเหนือระดับ กับดีไซน์ในรูปทรงคริสตัล 7 แท่ง ที่เพิ่มเลเยอร์ในการซ้อนโคมด้านนอกอีกชั้น มาพร้อมกับระบบ IFS (Integrate-Function Signals) ที่ออกแบบให้ทั้ง ไฟเลี้ยว/ไฟฉุกเฉิน/ไฟเบรก build-in อยู่ภายใต้โคมไฟท้ายเดียวกัน อีกทั้งยังเติมความหรูหราด้วยการปัก Logo LAMBRETTA ด้วยด้ายสีแดงในส่วนท้ายบนเบาะหนังสีดำดีไซน์สปอร์ต

 

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งาน ตอบสนองการขับขี่อย่างแท้จริง ด้วยเทคโนโลยีเครื่องยนต์ LSP  (Lambretta Super Performance) ขนาด 275 ซีซี จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยเทคโนโลยีหัวฉีด, ระบายความร้อนด้วยน้ำ มาพร้อมระบบ Smart Key ที่เพียงแค่พกพา Smart Key ใกล้ตัวรถ ก็สามารถบิดสตาร์ทได้ทันที พร้อมการออกแบบ Riding Position กับท่านั่งขับขี่สกู๊ตเตอร์แบบคลาสสิกตัวตั้งหลังตรง ในตำแหน่งการวางเท้าถึงพื้นไม่สูงจนเกินไป ด้วยการออกแบบโครงสร้างตัวรถแบบ Low & Long  ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ LAMBRETTA มาตั้งแต่อดีต สู่รุ่นปัจจุบัน อีกทั้งยังสามารถควบคุมบาลานซ์ของตัวรถได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการออกแบบระบบช่วงล่าง ในชุดกันสะเทือนหน้า ที่เรียกได้ว่าเป็น “The state of the art of front suspension design” ด้วยการถอดดีไซน์โช้กหน้าแบบ Double Arm-Link เอกลักษณ์จากรุ่นตำนานของ LAMBRETTA มาไว้ในรุ่น X300 กับ Performance ที่พัฒนามาใหม่ ให้มีความสมูท เพื่อการขับขี่ที่นิ่งมากยิ่งขึ้น พร้อมความปลอดภัยที่ให้มากกว่า ด้วยดิสก์เบรกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ทำงานพร้อมกับระบบเบรกแบบ Dual-channel ABS  

ทั้งหมดที่ว่ามานี้ มาพร้อมกับราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 156,900 บาท พิเศษ! *ข้อเสนอดาวน์เริ่มต้น 0 บาท หรือ ผ่อนเริ่มต้น 2,242 บาท/เดือน หรือดอกเบี้ยต่ำสุด 4.5% ต่อปี (*เฉพาะจัดไฟแนนซ์กับกรุงศรีออโต้) ซึ่งพร้อมให้สัมผัสกับความคลาสสิกนี้ด้วยตัวเองได้แล้วที่ตัวแทนจำหน่าย LAMBRETTA ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://lambretta.co.th

 

ที่สำคัญ! ชาวแลมเบรตติสต้า เตรียมพบกันในงาน The Scooter Fest กับความมันส์ที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดปี  สามารถติดตามอัพเดทได้ที่  https://www.facebook.com/lambretta.th


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ