Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ ที่สุดแห่ง SUV พ่อบ้านบ้าพลัง

“Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+” ยนตรกรรมเอสยูวีคันแรกจากแบรนด์ Mercedes-AMG ที่ประกอบในประเทศไทย เผยโฉมให้เห็นตั้งแต่ ปี2021 กับค่าตัว  5,990,000 บาท

Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+

ถ้าพูดถึงรถ suv ขนาดกลางสมรรถนะสูงในตลาด มีเพียงแค่ “Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+” เท่านั้นเพราะคู่แข่งตรงอย่าง X5 M ในตลาดประเทศไทยก็ไม่ได้นำมาจัดจำหน่ายและก็ไม่มีแผนที่จะผลิตในประเทศจึงทำให้ตลาดนี้มีเพีอง GLE53 เท่านั้น แต่หลายท่านอาจจะมองไปถึง Porsche Cayenne e-hybrid ซึ่งราคาแพงกว่าเล็กน้อย ความแรงไม่หนีกันมากแต่ ออฟชั่นอาจจะได้เพียงตัวเริ่มต้นเท่านั้น แต่GLE53ได้ของเต็มไม่ต้องเพิ่มเติมอะไรอีกแล้ว

ดังนั้นจึงทำให้ GLE53 จึงโดดเด่นทั้งเรื่องราคาที่สบายกระเป๋าแต่ได้ความแรงเทียบ super car ในร่าง suv จึงทำให้ฉายา "พ่อบ้านบ้าพลัง" จึงเหมาะสมอย่างยิ่ง 

Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+  (ประกอบไทย)

ราคา 5,990,000 บาท

Dimension มิติตัวถัง

ยาว  4,937 มิลลิเมตร
กว้าง  2,015 มิลลิเมตร
สูง  1,782 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ  2,995 มิลลิเมตร
ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ขนาด 630 – 2,055 ลิตร (เมื่อพับเบาะลง)
ความจุถังน้ำมัน 85 ลิตร

เครื่องยนต์ Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+

เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. เทอร์โบ พละกำลัง 435 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 5,800 รอบ/นาที พร้อมระบบ EQ Boost มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังเพิ่มอีก 22 แรงม้า และ แรงบิดอีก 250 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ AMG Speedshift TCT 9G 9 จังหวะ

มอเตอร์ไฟฟ้าของ EQ Boost นั้น จะมีหน้าที่ในการควบคุมรอบเดินเบาของเครื่องยนต์สันดาปภายในด้วย และในเมื่อพวงมาลัยเพาเวอร์ก็เป็นแบบไฟฟ้า ไดชาร์จก็ไปผนวกอยู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า คอมเพรสเซอร์แอร์ก็เป็นแบบไฟฟ้า นั่นก็ทำให้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียงบล็อคนี้ ไม่จำเป็นต้องมีสายพานหน้าเครื่องอีกต่อไป โดยทีมวิศวกรใช้ประโยชน์จากตัวเครื่องที่สั้นลงแล้วใช้พื้นที่ส่วนนั้นในการติดตั้งระบบบำบัดมลพิษไอเสียแทน

ตัวเลขจากโรงงาน

- อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 5.3 วินาที
- ความเร็วสูงสุด Top Speed 250 km/h (Locked)

โหมดการขับขี่ ปรับเปลี่ยนได้ 7 รูปแบบ
Slippery
Comfort
Sport
Sport+
Individual
Trail
Sand

ภายนอก Mercedes-AMG GLE 53 

จุดเด่นที่แตกต่างจาก GLE กระจังหน้าแบบ AMG ชุดกันชนหน้า หลัง AMG Body Styling ไฟหน้า MULTIBEAM LED ด้านท้าย ปลายท่อไอเสียคู่แบบ Two-Pipe ฝาท้าย เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า หลังคากระจก Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ล้ออัลลอย AMG 5 Twin-Spoke ขนาด 21 นิ้ว ยาง คู่หน้า ขนาด 275/45 R21
ยาง คู่หลัง ขนาด 315/40 R21

ภายใน Mercedes-AMG GLE 53 

จุดเด่นคือการตกแต่งที่ ให้อารมณ์สปอร์ต แดชบอร์ดหน้า และ แผงประตูส่วนบนหุ้มด้วยหนัง ARTICO
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น แบบ AMG Performance Steering Wheel หุ้มด้วยหนัง Nappa พรมปูพื้นสัญลักษณ์ AMG
เข็มขัดนิรภัยสีแดง Seating เบาะนั่ง

หน้าจอกลาง Digital Widescreen Cockpit ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบมัลติมีเดียแบบ MBUX ชุดมาตรวัดแบบ Full Digital Widescreen Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับระบบ Apple CarPlay / Android ปุ่มควบคุมกลาง Touchpad ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับได้ 64 สี Auto  ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester 

การทดสอบ Mercedes-AMG GLE 53 

GLE 53 เป็น suv ขนาดกลางในตระกูล GL เพราะถ้ามองหารุ่นที่ใหญ่กว่าก็ต้องไปที่ GLS แต่แค่นี้ก็เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว จริงๆแล้วตัวรถเวลาใช้งานจริงแล้วไม่ได้รู้สึกใหญ่เท่าไหร่ แต่ปัญหาจริงคือความกว้างของตัวรถซึ่ง จะเห็นได้ชัดเวลาเข้าจอดในช่องจอดตามห้างเพราะจะรู้สึกติดเปิดประตูยากเพราะฐานล้อกับตัวรถที่กว้างมาก ทำให้ขึ้นลงได้ยาก 

ตัวรถที่สูงทำให้มุมมองในการเดินทางนั้นสบาย ทั้งในเมืองและนอกเมือง ระบบช่วยเหลือในการขับทำให้ปลอดภัยในการขับขี่ ในการทดสอบครั้งนี้เราเดินทางไกล จากกรุงเทพฯ ไปถึง จ.บึงกาฬ ระยะทางกว่า 800km เพื่อให้ได้เห็นว่าถ้าวิ่งทางไกลกับรถที่ให้ความแรงระดับ  435 แรงม้า นั้นจะใช้งานได้จริงหรือไม่ เรื่องวิ่งในเมืองนั้นถือว่าผ่านไม่มีปัญหาแต่อย่างไร ในเมืองก็คงไม่สามารถใช้งานแรงม้าได้ทั้งหมด เน้นขับขี่แบบเรื่อยๆ 

GLE 53 จะแสดงแสนยานุภาพเมื่อออกต่างจังหวัด กดคันเร่งเบาๆทำความเร็ว 120km เป็นเรื่องปกติ ด้วยพละกำลังที่เหลือๆพร้อม ระบบกันสะเทือนแบบ AMG Ride Control + ช่วงล่างถุงลม ที่สามารถปรับเปลี่ยนตามโหมดการขับขี่ ยิ่งทำให้รถมีความนิ่งในความเร็วสูง และในความเร็วต่ำก็ให้ความนุ่มนวลในการใช้งาน 

จุดเด่นสำหรับเครื่อง GLE 53 4Matic + โดยระบบไฮบริดเสริม 48 โวลต์  มันให้พลังงานแก่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของรถ ทำหน้าที่เป็นทั้งมอเตอร์สตาร์ตและไดชาร์จ ช่วยให้สามารถตัดการเชื่อมต่อจากชุดเกียร์ขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ส่งพลังงานให้กับคอมแอร์ไฟฟ้าเมื่อ Auto Start/Stop ส่งผลทำให้การเชื่อมต่อระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ราบเรียบสำคัญสุดคืออัตราการประหยัดน้ำมัน นอกเหนือจากเรื่องประหยัดแล้วยังเพิ่มกำลังอีก 21 แรงม้า กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร (184 ปอนด์-ฟุต) หัวใจแห่งความแรงคือเทอร์โบไฟฟ้า ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการกำจัดอาการเทอร์โบแล็กในรอบต่ำ จึงทำให้ Mercedes-AMG GLE 53 4Matic + ที่มีน้ำหนักมากถึง 2.3 ตัน สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้เวลาเพียง 5.3 วินาที เร็วกว่า GLE 43 หนึ่งวินาที

แต่สิ่งที่ทำให้ GLE 53 พิเศษคือโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกถึง 7 โหมด นี้คือรถอเนกประสงค์ที่แท้จริง ไม่ว่าคุณต้องการขับขี่แบบสบายในเมือง รถเงียบขับขี่สบายนุ่มนวล เมื่อเราต้องการพละกำลังปรับโหมด Sport+ ช่วงล่างถูกปรับให้เตี้ยลงพร้อมเสียงคำรามจากท่อไอเสีย เครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้อย่างทันใจ ทั้งเสียงและเครื่องทำให้เราสัมผัสได้ถึงกำลังที่เหลือล้น แต่เมื่อต้องการเข้าป่าปรับไปที่โหมด Trail ตัวรถยกสูงขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนบนพื้นโคลน หรือพื้นผิวที่ลื่นอย่าง สบายโดยทุกอย่างจะถูกปรับเองโดยอัตโนมัติ เรียกว่ารถที่ให้ครบทุกอย่างนั้นมีอยู่จริง

ซึ่งในการใช้งานโดยรวมวิ่งไปกว่า 2,000km อัตราการประหยัดน้ำมัน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 9.2 km/L ซึ่งถือว่าประหยัดสำหรับรถที่มีแรงม้าให้ใช้ถึง 435 ตัว 

สรุป Mercedes-AMG GLE 53 

     ที่มาของคำว่า "รถพ่อบ้านบ้าพลัง" สำหรับ Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ คือคำนิยามที่เหมาะสมสุด เพราะถ้ามองคู่เทียบในตลาดคงไม่มี ราคาถ้าเทียบกับรถนำเข้าอาจจะไปถึงเกือบ 10 ล้าน แต่เมื่อประกอบในประเทศทำให้ราคาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เรื่องความแรงคงไม่ต้องส่งใสเพราะรถสปอร์ตยังยากที่จะต่อกร แต่สิ่งที่สำคัญคือรถคันนี้สามารถลุยในสถานที่ต่างๆได้ด้วยเพราะมีโหมดให้เลือกแบบ off-road ซึ่ง เป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากรถรุ่นอื่นในตลาด

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ ตรวจสอบราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn 

ค้นหารถมือสองทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car