NEW MG MAXUS 9 ลักชัวรี MPV พลังงานไฟฟ้า 100% 7 ที่นั่ง รถครอบครัวตัวจริงที่ทำยอดขายได้แบบน่าสนใจ จองตอนนี้รอรถสองเดือน
MG MAXUS 9
MG MAXUS 9 เรียกเสียงฮือฮาได้มากตั้งแต่เปิดตัวถือเป็นเจ้าแรกๆที่เปิดตัวรถ MPV ไฟฟ้าในประเทศไทยซึ่่งเชื่อว่าหลายท่านรอคอยกันอยู่ ต้องยอมรับว่ารถในกลุ่มนี้มีกำลังซื้อที่สูงมากและเชื่อว่าส่วนใหญ่จะมี toyota alphard กันที่บ้านอยู่แล้วแน่นอน หรือบางท่านก็ต้องการรถครอบครัวที่เป็นแบบไฟฟ้า
MG MAXUS 9 เปิดตัวมาด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2.499 ล้านบาท รุ่น X และ รุ่น V ในราคา 2.699 ล้านบาท ยอดจองหลักพันคัน ตอนนี้ก็ยังคงรอการส่งมอบอยู่ และถ้าใครตัดสินใจจองตอนนี้ก็ต้องรอประมาณ 2 เดือน เรียกว่าได้รับความนิยมแบบไม่ขาดสาย
เพื่อให้รู้ไปเลยว่า MG MAXUS 9 มีดีแค่หน้าตาหรือเปล่าขับขี่เป็นอย่างไร กินไฟฟ้าไหมก็ต้องทดสอบดู ทาง MG ประเทศไทย จึงได้จัดทำการทดสอบ โดยใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ-เขาใหญ่ 190 กิโลเมตรได้ เพื่อให้เห็นการใช้งานจริงสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางในระยะไกลเป็นอย่างไรบ้าง
ขุมพลังกับ E- PERFORMANCE: ด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 245 แรงม้า ด้วยแบตเตอรี่ขนาดความจุ 90 kWh พร้อมระบบระบายความร้อน
- ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร
- แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion จัดวางแบบ Cell To Pack ขนาดความจุ 90 kWh สามารถวิ่งในระยะทางสูงสุด 540 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
NEW MG MAXUS 9 รองรับระบบการชาร์จ 2 รูปแบบทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge ให้ผู้ใช้งานสามารถเดินทางสะดวกสบายได้ทั่วประเทศ ด้วยความพร้อมของสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี MG Super Charge ที่พร้อมให้บริการแล้วกว่า 129 แห่งทั่วประเทศ
- ชาร์จแบบเร็ว DC Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 30% - 80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที* ที่ความเร็วสูงสุด 120 kWh
- ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 5% – 100% ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที* รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kWh
*ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า
- แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น
- ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย
- ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
- ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง
- ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์
การทดสอบ
ด้านหน้าตาหลายท่านคงเห็นกันแล้วส่วนใหญ่ก็มองว่าสวยเรียบง่าย ตัวรถดูไม่ใหญ่จนเกินไปที่สำคัญคือเข้าออกง่าย ถ้าเทียบการเข้าออกตัวรถ MAXUS 9 มีความสูงจากพื้นไม่มากบันไดขั้นเดียว เป็นส่วนสำคัญเพราะถ้ามองถึงการขึ้นลงรถโดยเป็น เด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ ก็ต้องบอกว่าขึ้นลงง่ายกว่า alphard แน่นอน
- มิติตัวถัง 5,270 x 2,000 x 1,840 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
- ระยะความยาวฐานล้อ 3,200 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 140 มิลลิเมตร
ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไม้แรกทีมงานได้ขับก่อน เดินทางทั้งหมด 6 ท่าน เต็มจำนวนที่นั่ง น้ำหนักรถโดยประมาณ 2.9 ตัน เรียกว่าทดสอบแบบใช้งานจริงน้ำหนักเยอะ ตำแหน่งผู้ขับมองสบายเห็นได้ไกลด้วยกระจกบานหน้าขนาดใหญ่ยิ่งทำให้มองได้อย่างชัดเจน แต่ทำให้ไอร้อนจากแดดเข้ามาเยอะพอสมควรแม้ว่าจะติดฟีล์มแล้วก็ตาม วิ่งในเมืองคร่องตัวแบบไม่น่าเชื่อแม้ว่ารถจะใหญ่ก็ตาม เป็นเพราะมุมมองในการนั่งที่ทำให้รู้สึกไม่อึดอัด อัตราเร่งจากมอเตอร์ไฟฟ้า กดคันเร่งรถออกตัวแบบทันใจไม่ต้องรอรอบแม้ว่ารถจะหนักก็ตามซึ่งถ้าเทียบกับรถใหญ่เครื่องสันดาบ อาจจะเทียบได้กับพวก V6 มีแรงม้าสูงกดเบาๆรถก็ออกตัวสบาย ซึ่งทำให้เวลาเราเปลี่ยนเลนในเมืองตัดสินใจได้ง่ายไม่ต้องลุ้น ระบบช่วยเหลือการขับขี่มีเพียบจนรู้สึกว่าต้องปิดบ้างเพราะเตือนเยอะเกินไป เพราะถนนเมืองไทยมอเตอร์ไซค์เยอะพอเข้าใกล้หน่อย รถก็ตกใจตลอด
ขึ้นทางด่วนวิ่งออกนอกเมือง เรื่องความแรงไม่ต้องส่งใสเลย มอเตอร์ไฟฟ้าสร้างพลัง 245 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร พาตัวรถหนักเกือบ3ตัน วิ่งแซงแบบสบายๆเหมือนคุณขับรถคันเล็ก ช่วงขึ้นเขาอันนี้เป็นสิ่งที่ดีมากเพราะทุกคนรู้ดีว่าถ้าเครื่องเล็กไม่มีแรงจะวัดกันได้ตอนขึ้นเขาสำหรับ MAXUS 9 เร่งแซงรถบรรทุกเวลาขึ้นเขาได้แบบสบายๆพาตัวรถเกือบ3ตัน ขึ้นได้แบบไม่ต้องลุ้นกันเลย เทียบได้กับเครื่องยนต์ก็ระดับV6 คุณกดคันเร่งเบาๆรถวิ่งไปที่ความเร็ว 120km แบบไม่รู้ตัวเลย อีกปัจจัยคือความเงียบที่ตัวรถที่เป็นแบบไฟฟ้าเงียบมากทำให้คุณอาจจะลืมมองความเร็ว ประกอบกับการเก็บเสียงสำหรับ MAXUS 9 ถือว่าผ่าน ทำได้ดีแม้ว่ารถจะดูใหญ่ต้านลมก็ตามแต่ก็ยังให้ความเงียบในเวลาขับขี่ความเร็วสูง
ช่วงล่าง MAXUS 9 ออกแบบให้เน้นความนุ่มนวลจึงทำให้ในความเร็วสูงรถอาจจะรู้สึกย้วยๆด้านท้ายในเวลาเปลี่ยนเลน(รถยาวกว่า5เมตร) แต่ถ้าวิ่งเร็วในทางตรงตัวรถจะนิ่งมาก อาจเป็นเพราะน้ำหนักตัวที่เยอะ แต่ถ้าคุณขับขี่ไปแบบเรื่อยๆรถก็จะให้ความนุ่มในเวลาขับขี่ และสำหรับผู้นั่งแถวที่สามในการทดสอบก็ต้องบอกว่านั่งทางไกลได้สบายไม่เวียนหัว
และสำหรับผู้นั่งแถวสองเบาะVIPต้องบอกเลยว่าเป็นเบาะที่สบายที่สุดในการเดินทาง เปิดระบบนวดหลังพร้อมนอนสำหรับการเดินทางไกล
ถึงที่หมายเขาใหญ่ ระยะทางที่วิ่งได้จริงในการหาค่าเฉลียจากขนาดความจุ 90 kWh
ตัวเลขจากโรงงานสามารถวิ่งในระยะทางสูงสุด 540 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
วิ่งจริง ค่าเฉลี่ยที่หน้าจอรถอยู่ที่ 25.9 kwh/100km เอามาคำนวนแล้วได้ระยะทางจริงอยู่ที่่ 330 km (นั่งเต็ม6คน น้ำหนักประมาณ2.9ตัน เส้นทางขึ้นเขา) ในการทดสอบแสดงให้เห็นถึงตัวเลยจริง แต่ถ้าขับขี่แบบเรื่อยๆทางเรียบตัวเลขน่าจะทำได้ไม่เกิน 400km
Interior Design:
พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง พร้อมดีไซน์การตกแต่งให้หรูหรา แต่แฝงด้วยฟังก์ชันการใช้งานไว้รองรับอยู่รอบคัน สะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารปรับไฟฟ้า เบาะนั่งแถวที่สองแบบ Captain Seat พร้อมระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และรองรับการเชื่อมต่อทุกรูปแบบ
- ดีไซน์คอนโซลหน้าแบบ Double Layer พร้อมที่วางแก้ว และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger)
- เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ พร้อมการตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบ SOFT TOUCH และไฟห้องโดยสาร Ambient Light ถึง 64 สี
- เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
- เบาะนั่งแถวที่สองในรุ่น V แบบ VIP Captain Seat พร้อมระบบจดจำตำแหน่งการนั่ง (Memory Seats) ระบบนวด เบาะอุ่นและระบายความร้อนควบคุมผ่านหน้าจอ Touch Screen พร้อมช่องวางโทรศัพท์ โต๊ะพับและที่วางแก้ว
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์
- หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว (Digital Interactive Multi-function Display) และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมลำโพง 12 จุด
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB 9 จุด และช่องจ่ายไฟ AC Adaptor 220V
- รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android
- กระจกมองหลังผ่านกล้อง Streaming Media Rearview Mirror
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมิติ แยกบริเวณด้านหน้าและหลังอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5
- ระบบกุญแจนิรภัยแบบอัจฉริยะ พร้อมระบบ Push Start
SAFETY
NEW MG MAXUS 9 มาพร้อมระบบโครงสร้างนิรภัยปรับแต่งระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION และมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) รวม 25 ระบบ ได้แก่
- ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame)
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) และ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA/ BSD/ RCTA/ DOW)
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
- กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
- สัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง
สรุป NEW MG MAXUS 9
ต้องบอกว่าเป็นรถที่น่าสนใจอีกหนึ่งรุ่นสำหรับกลุ่ม MPV ไฟฟ้า การแข่งขันมีเพียงแค่สองเจ้าในตลาดซึ่งเป็นรถจีนกับ BYD Denza D9 ซึ่งยังไม่ได้ทดสอบและยังไม่มีการส่งมอบจึงทำให้ความได้เปรียบตกอยู่ที่ MAXUS 9 มาก่อนขายก่อน
หลังจากการทดสอบก็ต้องบอกว่าเป็นรถที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้งาน ความสะดวกสบาย ขับขี่ง่ายออฟชั่นพร้อม คุณแม่หารถที่ต้องไปจอดรอลูกเปิดแอร์นอนได้อย่างสบายไม่ต้องกังวลเรื่องมลพิษ สามารถเดินทางไกลได้แต่ต้องวางแผนให้ดีในการชาร์จไฟ ไปกับเขาใหญ่เลยไม่ได้ต้อง ชาร์จไฟหนึ่งครั้งเพื่อความสบายใจ เรียกว่าเป็นรถที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างแท้จริง
NEW MG MAXUS 9 ประกอบด้วย 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น X - LUXURY และรุ่น V - SUPER LUXURY โดยรุ่น X มีสีตัวถังให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว (Pearl White) สีดำ (Black Knight) และในรุ่น V มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว (Pearl White) สีดำ (Black Knight) สีเทาหลังคาดำ Granite Grey / Black Top
อัปเดตข่าวรถยนต์ ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสอง ทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car
ความคิดเห็น