All-New Lexus TX ใหม่ เครื่องยนต์ PHEV เปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ SUV ขนาดใหญ่ มาพร้อมเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง ขุมพลังเครื่องยนต์+มอเตอร์ไฟฟ้า ให้พลัง 406 แรงม้า
Lexus TX
Lexus ห่างหายไปจากวงการรถยนต์ในกลุ่ม SUV นานมาก ย้อนไปเมื่อปี 2017 Lexus ได้เปิดตัว RX L และการกลับมาในครั้งนี้ ต้องมีความพิเศษ ด้วยการนำเสนอสิ่งที่เหนือกว่าอย่าง GX และ LX
มิติตัวถัง TX มีขนาดความยาว 5,159 มม. ความกว้าง 1,989 มม. และความสูง 1,781 มม. พร้อมระยะฐานล้อที่ยาว 2,949 มม. และพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายขนาด 569 ลิตร ซึ่งเพิ่มเป็น 1,625 ลิตร เมื่อพับเบาะนั่งแถวที่ 3 ลง และเพิ่มได้ถึง 2,747 ลิตร เมื่อพับเบาะนั่งแถวที่ 2 และ 3
การออกแบบสำหรับ TX กระจังหน้าแบบ Spindle grille ของ TX ได้รับการออกแบบโดยใช้นิยามว่า "Unified Spindle" ที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพด้านแอโรไดนามิกส์ ทำให้กระจังหน้าแบบดั้งเดิมถูกแทนรูปทรงใหม่ที่ทันสมัยพร้อมโลโก้ "L" ที่อยู่เหนือกระจังหน้าบริเวณฝากระโปรงหน้า กระจังหน้าจะดูดุดัน แต่ก็ขนาบข้างด้วยไฟหน้าทรงเรียวพร้อมไฟ DRL แบบ LED ที่ไหลเข้าสู่ช่องว่างระหว่างกระจังหน้าที่มีชุดเซ็นเซอร์ติดตั้งอยู่
การออกแบบที่ดูโฉบเฉี่ยว ซึ่งนักออกแบบของ Lexus ยังออกแบบให้ TX มีกระจกหน้าที่กว้างขวาง เสาด้านหลังสีดำและแถบไฟท้ายที่เพรียวบาง ปิดท้ายด้วยหลังคาที่ลาดเอียงเล็กน้อยและล้อขนาด 20 หรือ 22 นิ้ว
ภายในของ TX ได้รับการออกแบบให้มีห้องโดยสารที่หรูหรา แต่ยังคงไว้ซึ่งการออกแบบตามสไตล์ Toyota ด้วยแผงมาตรวัดดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้วและหน้าจอระบบสาระบันเทิงมาตรฐานขนาด 14 นิ้ว สิ่งอำนวยความสะด้วยครบครัน
Lexus TX ใช้แพลตฟอร์มร่วมกับ Toyota Grand Highlander แต่ Lexus TX จะมีระบบส่งกำลังที่แตกต่างกัน 3 แบบ ซึ่งในรุ่นที่เปิดตัวคือรุ่นย่อย TX 350 เป็นรุ่นเริ่มต้น ซึ่งมีเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 4 สูบ ขนาด 2.4 ลิตร ที่ให้กำลัง 279 แรงม้าและแรงบิด 429 นิวตันเมตร นั่นคือกำลังที่เพิ่มขึ้น 10 แรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้น 9 นิวตันเมตร เมื่อเทียบกับ Toyota Grand Highlande เชื่อมต่อกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ จับคู่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
แต่สำหรับผู้ซื้อ สามารถอัพเกรดเป็น TX 500h F Sport Performance ซึ่งมีระบบส่งกำลังแบบไฮบริดพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 4 สูบ ขนาด 2.4 ลิตร ที่ให้กำลังรวม 371 แรงม้าและแรงบิด 554 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Direct4 Lexus ซึ่งขุมพลังนี้ก็แรงกว่าทางฝั่ง Grand Highlander ถึง 4 แรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้น 12 นิวตันเมตร
นอกจากนี้ในรุ่น TX 500h จะมีระบบ Dynamic Rear Steering ที่สามารถหมุนล้อหลังไปในทิศทางเดียวกันหรือตรงกันข้ามกับล้อหน้า ซึ่งช่วยปรับปรุงเสถียรภาพในความเร็วสูง รวมถึงความคล่องตัวในความเร็วต่ำ เช่น เมื่อจอดรถ
ปิดท้ายด้วยขุมพลังที่ 3 เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในรุ่น TX 550h+ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.5 ลิตร ที่ให้กำลังรวม 412 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Direct4 พร้อมความสามารถในการขับขี่ด้วยไฟฟ้าสูงสุด 53 กม.
นอกเหนือจากระบบส่งกำลังแล้ว TX ยังอยู่บนแพลตฟอร์ม GA-K ร่วมกับ NX และ RX ซึ่ง Lexus ได้ทำการ “ปรับปรุง” เพื่อมอบความแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็ลดเสียงรบกวน แรงสั่นสะเทือนและความกระด้างให้เหลือน้อยที่สุด และส่วนหนึ่งของความพยายามนี้ วิศวกรได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างและปรับปรุงระบบบังคับเลี้ยว
ชุดระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Lexus Safety System+ 3.0 ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งประกอบด้วย All-Speed Dynamic Radar Cruise Control, Lane Tracing Assist (Lane Centering) และ Pre-Collision System with Pedestrian Detection ระบบแจ้งเตือนการออกนอกเลนพร้อมระบบช่วยบังคับเลี้ยวและระบบช่วยอ่านป้ายจราจร
นอกจากระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มาตรฐานแล้ว Lexus ยังนำเสนอระบบ Advanced Park ที่ทำให้การจอดรถแบบขนานและเข้าซองเป็นเรื่องง่าย และยังมีระบบ Traffic Jam Assist ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานแบบปล่อยมือที่ความเร็วต่ำได้
TX 350 และ TX 500h มีกำหนดวางจำหน่ายในปลายปีนี้ ขณะที่รุ่นปลั๊กอินไฮบริด TX 550h+ จะตามมาในภายหลัง ส่วนประเทศไทยคงต้องรอกันหน่อย
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น