เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เผยโฉม The new A-Class โมเดลปี 2023 เจเนเรชั่นที่ 4 ของ A-Class
ในรุ่น A 200 AMG Dynamic ออฟชั่นเพิ่ม พร้อมเปิดจำหน่ายด้วยราคาเริ่มต้นที่ 2,320,000 ล้านบาท
Mercedes-Benz A 200 AMG 2023
A 200 AMG Dynamic หรือ Baby CLS คำนิยามที่ A200 ได้ฉายามา เนื่องจากหน้าตาที่คล้ายกันมากแต่มีขนาดที่เล็กกว่า และเป็นรุ่นเริ่มต้นจากค่ายตาดาว ในราคาค่าตัวเพียง 2,320,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นตัวเริ่มต้นที่ดี
ในการปรับโฉม Facelift 2023 นี้มีการปรับเปลี่ยนอะไรไปบ้าง
- ตกแต่งใหม่ในสไตล์สปอร์ตด้วยชุดแต่ง AMG bodystyling
- กระจังหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Star pattern radiator grille
- กระโปรงหน้าแบบ Power dome ออกแบบให้มีมิติมากยิ่งขึ้น
- ระบบไฟหน้าใหม่แบบ LED High-Performance ดีไซน์รูปแบบการแสดงแสงไฟหน้าใหม่แบบ reflection technology พร้อมระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist รุ่นล่าสุด
- ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถสตาร์ทและปิดล็อกรถยนต์ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่พกกุญแจไว้กับตัว
- ระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงหลังด้วยแบบ HANDS-FREE ACCESS
- พร้อมติดตั้งล้ออัลลอยด์ใหม่ดีไซน์สปอร์ต AMG 5-twin-spoke สีดำ ขนาด 18 นิ้ว (225/45 R18)
- ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แยกปรับอุณหภูมิ 2 โซน พร้อมช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง
- ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย พร้อมช่อง USB Type-C 4 ช่อง
- ไฟ Ambient Light รอบห้องโดยสารแบบปรับได้ 64 เฉดสี
- ครั้งแรกของ The new A-Class กับหลังคาพาโนรามิคซันรูฟแบบไฟฟ้าที่ช่วยเพิ่มความโปร่งสบายของห้องโดยสาร
-Touchpad ถอดออก
The new A-Class มิติตัวถัง กว้าง x ยาว x สูง อยู่ที่ 1,796 x 4,558 x 1,429 มิลลิเมตร
ภายนอก A200 AMG Dynamic
ตกแต่งในสไตล์สปอร์ตด้วยชุดแต่ง AMG bodystyling มาพร้อมกระจังหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Star pattern radiator grille กระโปรงหน้าแบบ Power dome ออกแบบให้มีมิติมากยิ่งขึ้น ระบบไฟหน้าใหม่แบบ LED High-Performance ดีไซน์รูปแบบการแสดงแสงไฟหน้าใหม่แบบ reflection technology พร้อมระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist รุ่นล่าสุดเสริมระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถสตาร์ทและปิดล็อกรถยนต์ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่พกกุญแจไว้กับตัว และระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงหลังด้วยแบบ HANDS-FREE ACCESS พร้อมติดตั้งล้ออัลลอยด์ใหม่ดีไซน์สปอร์ต AMG 5-twin-spoke สีดำ ขนาด 18 นิ้ว (225/45 R18)
ภายใน A200 AMG Dynamic
ภายในห้องโดยสารของ The new A-Class ติดตั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต ตกแต่งด้วยหนัง Nappa เสริมความดุดันด้วยเบาะหุ้มหนัง ARTICO สไตล์สปอร์ต ตัดสลับ MICROCUT microfibre
สีดำ ตกแต่งเดินด้ายสีแดง สำหรับเบาะนั่งคู่หน้าติดตั้งระบบปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยบันทึกความจำแบบ memory seat และระบบดันหลัง 4 ทิศทาง บริเวณฝั่งคนขับให้ข้อมูลการขับขี่และแสดงผลผ่านจอมาตรวัดแบบ All-digital instrument display ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมควบคุมการสั่งการภายในรถ ผ่านหน้าจอกลางระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟนทั้ง Apple CarPlay™ และ Android Auto™ รวมถึงฟังก์ชันและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก อาทิ ระบบปรับโหมดการขับขี่แบบ DYNAMIC SELECT ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แยกปรับอุณหภูมิ 2 โซน พร้อมช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย พร้อมช่อง USB Type-C 4 ช่อง สร้างบรรยากาศที่เหนือชั้นด้วยไฟ Ambient Light รอบห้องโดยสารแบบปรับได้ 64 เฉดสี และครั้งแรกของ The new A-Class กับหลังคาพาโนรามิคซันรูฟแบบไฟฟ้าที่ช่วยเพิ่มความโปร่งสบายของห้องโดยสาร
การเชื่อมต่อที่เหนือชั้น ด้วยระบบปฏิบัติการมัลติมีเดียเจเนเรชั่นใหม่ล่าสุด “MBUX7” ที่เพิ่มระบบ AI (Artificial intelligence) ซึ่งสามารถเรียนรู้และประเมินพฤติกรรมและการใช้งานของแต่ละผู้ใช้งานได้อย่างอัจฉริยะ พร้อมรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง 27 ภาษา นอกจากนี้ระบบ MBUX ยังสามารถอัปเดตและปรับปรุงระบบได้ด้วยตัวเองผ่านสัญญาณไร้สาย LTE อัตโนมัติแบบ over the air พร้อมผสานการทำงานอย่างลงตัวกับบริการ Mercedes me connect ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อโลกดิจิทัลและเข้าถึงฟังก์ชันชั้นนำของเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้แบบไร้ขีดจำกัด
เครื่องยนต์ A200 AMG Dynamic
ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร เทอร์โบ แบบ 4 สูบแถวเรียง พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ในด้านของระบบเครื่องยนต์ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมติดตั้งระบบ Cylinder shut-off ที่ทำให้เครื่องยนต์สามารถขับเคลื่อนด้วยลูกสูบเพียง 2 ลูกสูบ เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ โดยทำงานร่วมกับระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ (7G-DCT) แบบคลัตช์คู่ จับคู่กับระบบอัดอากาศ Turbocharger ที่ทำให้มีกำลังแรงม้าสูงสุดถึง 163 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,620 - 4,000 รอบต่อนาที
สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 8.3 วินาที มีการติดตั้งระบบเปลี่ยนเกียร์ด้วย Paddle shift ที่พวงมาลัย พร้อมปรับเลือกโหมดการขับขี่ได้ 4 แบบ คือ Eco, Comfort, Sport และ Individual ซึ่งสามารถปรับใช้ตามความเหมาะสมในแต่ละรูปแบบการใช้งาน รองรับการใช้น้ำมันได้ถึง E85 ตามมาตรฐาน EURO6 ซึ่งสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยสูงสุด
16.7 กิโลเมตรต่อลิตร
ระบบช่วงล่างแบบ Lowered comport suspension
การทดสอบ A200 AMG Dynamic
สำหรับ A200 AMG Dynamic ใหม่ 2023 ได้รับการปรับใหม่ให้มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นในหลายมิติ ถ้ามองภาพจากภายนอกอาจจะรู้สึกว่าเปลี่ยนไปน้อย จุดหลักที่เปลี่ยนคือความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก หน้าตาภายนอกปรับนิดแต่งหน่อยด้วยกระจังหน้าใหม่ ฝากระโปรงใหม่ กันชน AMG ใหม่ ไฟหน้าใหม่ ล้อสีใหม่ ฝาท้ายแบบKick Sensor ภายนอกถูกปรับให้มีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น
ภายในปรับใหม่จุดเด่นกับ หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ที่ทำให้ภายในรถดูมีความหรูและโปร่งสบายมากยิ่งขึ้น สิ่งที่หายไปกับ Touchpad เปลี่ยนเป็นช่องวางของด้วยเหตุผลหลักในการนำออกคือระบบ “MBUX7” ใหม่ที่ทำงานได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นพร้อมรองรับคำสั่งเสียงได้ ทำให้ Touchpad อาจจะมีความจำเป็นน้อยลง ในส่วนการตกแต่งอื่นๆนั้นไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนไปมาก
การขับขี่กับเครื่อง 1.3 ลิตรเทอร์โบ Direct Injection 163 แรงม้า/250นิวตันเมตร ปรับเครื่องยนต์ให้สามารถรองรับ E85 หลายคนมองว่าเครื่องเล็กเหมือนอีโคคาร์ แต่ในความเป็นจริงต้องบอกว่าถ้าได้ทดสอบขับขี่แล้วรถให้อารมณ์เหมือนเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แต่ให้การประหยัดเหมือนอีโคคาร์
ในการทดสอบวิ่งในเมืองเป็นรถที่มีความคล่องตัวมากด้วยขนาดที่พอดีกับการใช้งานเครื่องยนต์ให้การตอบสนองดีการออกตัวไม่มีรอรอบกดเป็นมาทันใจเวลาเปลี่ยนเลน ระบบช่วยเหลือการขับขี่มีให้พร้อมเตือนการชนด้านข้างหรือเวลาจอดเซนเซอร์รอบคันทำงานได้รวดเร็วแม้ว่าจะมีเพียงแค่กล้องหลังเท่านั้น ก็เพียงพอแล้ว
ออกนอกเมืองวิ่งทางไกลการตอบสนองของเครื่องยนต์นั้น ทันใจกดคันเร่งเบาๆความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่องแป๊ปเดียวความเร็วขึ้นไปถึง 120km เวลาจังหวะเร่งแซงกดคันเร่งไม่ต้องเต็ม100รถก็ให้ตอบสนองเร่งแซงได้อย่างรวดเร็วสบายๆแม้ว่าจะไม่ได้แรงแบบหลังติดเบาะแต่ก็เพียงพอแล้ว ส่วนอัตราการประหยัดก็ดีด้วยเช่นกัน ตัวเลขในการทดสอบ ในเมืองนอกเมืองวิ่งแบบใช้งานอยู่ที่ 13-14km/L วิ่งกลับจากหัวหินในโหมด eco ให้ระบบ Cylinder shut-off ให้เครื่องยนต์สามารถขับเคลื่อนด้วยลูกสูบเพียง 2 ลูกสูบ เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ หรือยกคันเร่ง ในความเร็วเฉลี่ย 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวเลขประหยัดถึง 19km/L ประหยัดมากซึ่งแสดงให้เห็นว่าการออกแบบเครื่องยนต์ที่เหมาะกับรถนั้น จะให้ทั้งประหยัดและแรงในเวลาเดียวกัน
ช่วงล่างของ A200 นั้นออกแนวแข็งมากกว่านุ่มอันนี้เป็นความตั้งใจสำหรับรถที่เน้นการขับขี่ที่สนุกสนาน เพราะถ้าเทียบกับคู่แข่งตรงอย่าง BMW220i จะเเข็งกว่า แต่เมื่อเราออกเดินทางไกลช่วงล่างที่รู้สึกแข็งนั้นจะรู้สึกนุ่มนั่งสบายเวลาเดินทางไกลด้วยความเร็วสูงรถควบคุมง่ายให้การเกาะถนน ซึ่งจะมีความพอดีมากๆสำการใช้งานเวลาวิ่งทางไกล การที่ช่วงล่างที่ดีส่งผลทำให้ควบคุมรถนั้นง่ายยิ่งขึ้น ทั้งพวงมาลัยน้ำหนักพอดี การเปลี่ยนเลนต่างๆทำได้อย่างมั่นใจ
The new A-Class มาพร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐาน และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรก ADAPTIVE Brake ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินแบบแอคทีฟ (Active Break Assist system)
ไฟกระพริบเบรกฉุกเฉิน (Adaptive brake light) ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC) ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist) ระบบแจ้งเตือนยานพาหนะขณะเปิดประตู (Exit Warning Function) ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) ระบบแจ้งเตือนระดับแรงดันลมยาง (Tyre pressure loss warning system) และระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
สรุป Mercedes-Benz A 200 AMG 2023
สำหรับ A200 ต้องใช้คำว่าพอดี เพราะทุกอย่างที่ถูกปรับใหม่นั้นมีความพอดีต่อการใช้งาน Touchpad ถูกถอดออกแต่ทดแทนด้วยระบบ“MBUX7”ใหม่ ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วเชื่อมต่อมือถือเจ้าของรถตลอดเวลา พร้อมการประมวลผลบนหน้าจอที่รวดเร็วยิ่งขึ้น หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ช่วยให้ห้องโดยสารดูดีขึ้น เครื่องยนต์เหมาะสมกับตัวรถให้ทั้งความแรงและประหยัด
A200 เหมาะกับใคร จริงแล้วเหมาะกับผู้หญิงที่ต้องการหารถเล็กคล่องตัวใช้งานในเมืองออฟชั่นเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ขับขี่ได้ทั้งทางใกล้ไกลหรือ ใครที่มองหารถยุโรปเริ่มต้นราคาไม่ได้สูงมากได้ภาพรถยุโรปตัวเลือก อย่าง A 200 AMG Dynamic เป็นรุ่นเริม่ต้นที่น่าสนใจมากๆ
The new A-Class รุ่น A 200 AMG Dynamic วางจำหน่ายในราคา 2,320,000 บาท
มาพร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Polar white) สีดำ (Cosmos black) สีเงิน (Iridium silver) และสีเทา (Mountain grey)
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ความคิดเห็น