Mission X รถยนต์ต้นแบบที่เป็น Electric Hypercar จากค่าย Porsche ซึ่งออกมาเคลมว่าตั้งใจจะให้เป็นรถยนต์ ถูกกฏหมายที่เร็วที่สุดใน "Nürburgring Lap Time Record"
Mission X รถยนต์ Electric Hypercar แนวคิดใหม่ ที่นำเอานวัตกรรมการเปิดประตูรถแบบ Le Mans-Style หรือแบบปีกนกกลับเข้ามาใช้อีกครั้ง ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนี้ถือเป็นการร่วมเฉลิมฉลองงาน 75 ปี "Porsche Sports Cars" จัดขึ้นในวันที่ 8 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา ณ พิพิธภัณฑ์ของพอร์ชในสตุตการ์ต ประเทศเยอรมนี หากย้อนไปเมื่อ 75 ปี จุดเริ่มต้นของ 356 No.1 Roadster รถยนต์คันแรกภายใต้ชื่อ Porsche เป็นวันต้นกำเนินของแบรนด์นั้นเอง
การหยิบเอารุ่น 959, Carrera GT และ 918 Spyder มาเป็นแรงผลักดันที่สำคัญ สำหรับการพัฒนาวิวัฒนาการของแนวคิดยานยนต์แห่งโลกอนาคต มาสู่ Hypercar พลังงานไฟฟ้าล้วน เป็นอีกหนึ่งต้นแบบที่ทางแบรด์นำมาใช้เป็นเข็มทิศในการปรับปรุงเอกลักษณ์ DNA ของมอเตอร์สปอร์ตรุ่นต่อๆ ไป
ด้วยขนาดที่ค่อนข้างกะทัดรัด มีความยาวประมาณ 4.5 เมตร กว้าง 2 เมตร และมีฐานล้อ 2.73 เมตร ซึ่งมีขนาดเท่ากับ Carrera GT และ 918 Spyder ขนาดของล้อด้านหน้า 20 นิ้ว ด้านหลัง 21 นิ้ว ดีไซน์ภายนอกน่าทึ่งมาก หลังคาเป็นแบบกระจกแต่งคาร์บอน ดูกี่ทีก็เหมือนเครื่องบินขับไล่แบบ 2 ที่นั่งคู่ ซึ่งมันเท่มากจริงๆ แต่ก็มีความลักส์ชูหรูหราหมาเห่า ไม่ได้ดูดุดันจนเกินไป มองดีๆ ดีไซน์ของช่องใบพัดอากาศไปละม้ายคล้ายกับ Ferrari SP3 Daytona มั้ยนะ? ส่วนไฟท้ายเป็นแบบแนวยาว ตรงกลางแทนที่จะเป็น Logo แบบปกติ เพิ่มความล้ำไปอีกโดยการใช้อักษรคำว่า PORSCHE ติดตั้งตรงกลางแบบลอยโดดๆ ขึ้นมา ถือว่าไอเดียบรรเจิดมาก
Mission X ได้แสดงให้เห็นว่า Hypercar จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องดุดันไปซะทั้งหมด สีตัวถังที่ใช้ชื่อว่า Rocket Metallic ซึ่งออกแบบมาพิเศษเป็นสีบรอนด์ทองสวยสง่างาม เห็นรูปทรงแบบนี้แต่มีน้ำหนักตัวที่เบามาก ให้อัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักเท่ากับ 1:1 และเคลมว่าสามารถทำความเร็วจาก 0-100 Km. ได้ในเวลาเพียง 2.0 วินาทีเท่านั้น ซึ่งถ้าทำได้จริงก็จะสามารถทำลายสถิติใหม่ได้ตามที่คาดหวัง
ในส่วนของภายใน เข้ามาดูก็เจอเซอร์ไพร์ส เพราะเบาะผนักผิงของคนขับกับผู้โดยสารเป็นคนละสีกัน ถึงกับตั้งคำถามในใจว่าเพราะอะไร? แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ ซึ่งสีเบาะฝั่งผู้โดยสารใช้สี Andalusia Brown ส่วนฝั่งคนขับใช้สี Kalahari Grey จะเป็นสีเดียวกับคอนโซลกลางและแดชบอร์ด เข็มขัดนิรภัยเป็นแบบ CFRP 6 จุด เหมือนนั่งอยู่บนสนามแข่งยังไงยังงั้น รวมไปถึงพวงมาลัยแบบ Open-Top ซึ่งมีสวิตช์โหมดและแป้นเปลี่ยนเกียร์ มีกล้องให้หลายตัวและจะทำการบันทึก VDO ทันทีที่ผู้ขับกดปุ่มบันทึก (REC) บนตัวควบคุมอเนกประสงค์
จุดเด่นอีกอย่างอยู่ที่ฝั่งผู้โดยสารซึ่งมีระบบนาฬิกาจับเวลาซึ่งได้ดีไซน์ไว้เป็นพิเศษ พร้อมจอแสดงผลแบบอะนาล็อกและดิจิตอล ออกแบบมาสำหรับการใช้งานทั้งในสนามแข่งและการแข่งขันแรลลี่ และสามารถแสดงเวลารอบหรือข้อมูลสำคัญของผู้ขับขี่ รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ได้อีกด้วย
ต้องรอดูกันต่อไปว่า Porsche Mission X จะทุบสถิติได้ตามที่คาดหวังมั้ย แต่แค่มองจากรูปลักษณ์ภายนอก ก็น่าจะชนะใจใครได้หลายคนไม่มากก็น้อย
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ความคิดเห็น