รีวิว Honda WR-V ขับดี ประหยัดน้ำมัน แต่ราคาแพงไปนิด Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

รีวิว Honda WR-V ขับดี ประหยัดน้ำมัน แต่ราคาแพงไปนิด

Champ Autospinn
โพสต์เมื่อ 10 July 2566

Honda WR-V รถเอสยูวีน้องใหม่ไซส์เล็กจากฮอนด้า ที่มาพร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยว กะทัดรัดคล่องตัว และประหยัดน้ำมัน ในราคาเริ่มต้น 799,000-869,000 บาท


Honda WR-V เปิดตัวครั้งแรกในโลกช่วงปลายปี 2022 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ก่อนที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการช่วงเดือนมีนาคม 2023 ที่ผ่านมา ถือเป็นรถเอสยูวี ที่มีขนาดเล็กที่สุดของฮอนด้าที่มีจำหน่ายอยู่ในประเทศไทย ณ ตอนนี้ ด้วยตัวถังที่มีขนาดเล็กกระทัดรัด จึงมีความคล่องตัวทั้งการขับขี่ในเมือง และนอกเมือง

รับชมรีวิวรูปแบบวีดีโอได้ที่นี่

Honda WR-V มาพร้อมกับสองรุ่นย่อย ได้แก่

  • รุ่น SV ราคา 799,000 บาท
  • รุ่น RS ราคา 869,000 บาท

สำหรับคันที่ออโต้สปินน์นำมารีวิวในครั้งนี้คือรุ่นท็อปสุด RS ราคา 869,000 บาท และเป็นสีแดงหลังคาดำซึ่งมีเฉพาะในรุ่น RS เท่านั้น ซึ่งสีนี้จะต้องจ่ายเพิ่มอีก 10,000 บาท รวมเป็น 879,000 บาท

มิติตัวถัง Honda WR-V

  • ความยาว 4,060 มม.
  • ความกว้าง 1,780 มม.
  • ความสูง 1,608 มม.
  • ระยะฐานล้อ 2,481 มม.
  • ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 220 มม.

รีวิว Honda WR-V RS ดีไซน์ภายนอก

ดีไซน์ภายนอกของรุ่น RS โดดเด่นด้วยกระจังหน้าที่เป็นสีเงินโครเมียมพร้อมโลโก้ RS ที่มุมขวาล่างของกระจัง ในส่วนของไฟหน้าเป็นแบบแอลอีดี มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบเปิดไฟสูงอัตโนมัติ มีไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบวิ่งออกข้าง ถัดลงมาด้านล่างคือไฟตัดหมอกพร้อมกรอบสีดำด้าน

ที่ด้านบนของกระจกหน้ารถจะมีกล้อง ซึ่งกล้องตัวนี้ทำหน้าที่ในการตรวจจับ ทำงานให้กับระบบความปลอดภัยหลายระบบของรถคันนี้ รวมไปถึงระบบ Honda SENSING ด้วย

กระจกมองข้างสีดำเงา พับและปรับได้ด้วยไฟฟ้า มีไฟเลี้ยวให้ในตัว ฝั่งซ้ายจะมีกล้องมาให้ 1 ตัว ซึ่งกล้องตัวนี้จะทำงานในระบบความปลอดภัย Honda LaneWatch เมื่อเราเปิดไฟเลี้ยวซ้าย จะขึ้นเป็นภาพแสดงที่หน้าจอตรงกลาง ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยที่ช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากมุมอับสายตา

มือเปิดประตู จะมีปุ่มสีดำเล็กๆ สำหรับล็อคและปลดล็อครถ และยังมีระบบ Walk Away Auto Lock ซึ่งระบบนี้จะล็อครถให้เองเมื่อผู้ถือกุญแจยืนอยู่นอกรถ และยังสามารถสั่งสตาร์ทรถผ่านกุญแจรีโมทได้อีกด้วยครับ

รุ่น RS จะได้เป็นล้อสีทูโทนขนาด 17 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 215/55R17 ระบบเบรกด้านหน้าดิสก์ ด้านหลังดรัมเบรก

ไฟท้าย LED รูปตัวแอลคว่ำหัว พร้อมกล้องมองหลังที่สามารถปรับมุมมองได้ 3 ระดับ ฝากระโปรงท้ายเปิดแบบแมนนวลมือยังไม่ใช่ไฟฟ้า

รีวิว Honda WR-V RS ดีไซน์ภายใน

ในรุ่น RS ภายในจะเป็นเบาะหนังสีดำสลับผ้าสีแดง พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุสีแดงที่สื่อถึงความสปอร์ต ต่างจากในรุ่น SV ที่เป็นภายในสีดำธรรมดา

พวงมาลัยแบบ 3 ก้านหุ้มหนัง พร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชันสำหรับควบคุมเครื่องเสียง มีปุ่มรับสาย-วางสาย และปุ่มตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control

จอเครื่องเล่นแบบทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto มีระบบสั่งการด้วยเสียงผ่าน SIRI และระบบเชื่อมต่อ Honda Connect เมื่ออยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอยกล้องจะตัดเป็นภาพด้านหลัง มองเห็นรู้เรื่องทั้งกลางวันและกลางคืน นอกจากนี้ยังสามารถปรับมุมกล้องได้ 3 ระดับ

และถ้าหากเปิดไฟเลี้ยวซ้าย หรือกดปุ่มที่อยู่ปลายก้านทางฝั่งขวา กล้องที่อยู่ใต้กระจกมองข้างฝั่งซ้ายจะทำงาน หน้าจอกลางในรถจะขึ้นเป็นภาพด้านซ้ายของตัวรถ ซึ่งระบบนี้เรียกว่า Honda LaneWatch เป็นระบบความปลอดภัยเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุจากมุมอับสายตา ซึ่งภาพตอนกลางคืนก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนไม่แพ้ตอนกลางวันเลยล่ะครับ

เบาะหลังปรับแยกได้ 2 ส่วน 60:40 เมื่อพับเบาะจะไม่ได้เรียบเหมือน Honda Jazz แต่จะเป็นขั้นบันไดอยู่เล็กน้อย และฐานเบาะนั่งไม่สามารถยกขึ้นมาได้ มีที่วางแขนตรงกลางแบบพับเก็บได้ แต่แอบเสียดายที่ยังไม่มีแอร์ด้านหลังมาให้ สำหรับการนั่งโดยสารเบาะหลัง ถือว่านั่งได้สบาย เบาะนุ่มกำลังดี ประกอบกับด้านข้างเป็นกระจกบานใหญ่ จึงทำให้ไม่รู้สึกเวียนหัว

เครื่องยนต์ Honda WR-V

เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 1,498 ซีซี ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด (7-Speed Paddle Shift) อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงใน Eco Sticker 16.7 กิโลเมตร/ลิตร

ทดสอบการขับขี่ Honda WR-V

ในเรื่องของอัตราเร่ง แม้เครื่องยนต์จะมีขนาดเพียงแค่ 1.5 ลิตร และไม่มีเทอร์โบพ่วงมาให้ แต่อัตราเร่งในช่วงออกตัวไม่ได้อืดอย่างที่คิด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขนาดตัวรถที่ไม่ใหญ่มาก และมีน้ำหนักเพียง 1,143 กิโลกรัม ซึ่งสมส่วนกับแรงม้าและแรงบิดที่มีให้ จึงทำให้เจ้าคันนี้มีกำลังมากพอที่จะแบกตัวรถและผู้โดยสารให้เคลื่อนที่ไปได้แบบสบาย พอเติมคันเร่งเข้าไปอีกนิด สัมผัสได้ถึงความลื่นไหลของเครื่องยนต์ การตอบสนองของคันเร่ง ติดเท้าดีมากครับ ทุกการเร่งแซงทำได้แบบไร้กังวล และด้วยความที่ตัวรถมีขนาดไม่ใหญ่เทอะทะ จึงทำให้การขับขี่ในเมืองคล่องตัว จอดรถง่าย ขับซอกแซกเข้าออกซอกซอยได้ง่าย มุดซ้ายมุดขวาในสภาพการจราจรหนาแน่นได้ดี และการขับขี่จะสนุกยิ่งขึ้นถ้าใช้ Paddle Shift ที่อยู่หลังพวงมาลัย

สำหรับการใช้งานในเมือง สภาพการจราจรในกรุงเทพ คงทราบกันดีว่ารถติดมาก โดยเฉพาะในย่านธุรกิจอย่างสุขุมวิท สาธร สีลม จึงมีโอกาสได้ทดสอบระบบความปลอดภัย Honda SENSING 6 ระบบ ได้แก่

  • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก : หากเราขับรถมาแบบเพลิน ๆ แล้วรถคันหน้าเบรกแบบกะทันหัน หรือขับจี้ท้ายรถคันหน้ามากเกินไป ที่หน้าจอเรือนไมล์จะมีสัญลักษณ์และเสียงเตือน และระบบจะช่วยเบรกให้แบบอัตโนมัติหากอยู่ในระยะที่เริ่มไม่ปลอดภัย
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน : เมื่อเราล็อกความเร็วเอาไว้ เราสามารถยกเท้าออกจากคันเร่งได้เลย หากคันหน้าเบรก รถเราก็จะเบรกตาม หากคันหน้าเพิ่มความเร็ว รถเราก็จะเพิ่มความเร็วตามจนถึงความเร็วที่เราล็อกเอาไว้ ซึ่งระบบนี้จะเริ่มทำงานที่ความเร็ว 30 กม./ชม. และจะตัดการทำงานที่ความเร็ว 25 กม./ชม. นอกจากนี้ เรายังสามารถตั้งระดับความห่างระหว่างรถเรากับคันหน้าได้อีกด้วย
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ : หากเราเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบจะขึ้นสัญญาณเตือนที่หน้าจอ พร้อมกับหน่วงพวงมาลัยดึงให้ตัวรถกลับเข้ามาในเลน หากใครยังไม่ชินกับระบบนี้อาจรู้สึกหงุดหงิด เพราะพวงมาลัยจะขืนเมื่อเราขับทับเส้นเลนถนน แต่สำหรับผม ผมว่าเป็นระบบที่ดีเพราะช่วยสร้างวินัยในการขับรถ ทำให้การเปลี่ยนเลนจะต้องเปิดไฟเลี้ยวทุกครั้งจนติดเป็นนิสัย
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ : กล้องที่อยู่ด้านบนของกระจกหน้า จะตรวจจับเส้นเลนถนน และจะบังคับควบคุมตัวรถให้อยู่กึ่งกลางของเลน และในทางโค้งพวงมาลัยก็จะหมุนเลี้ยวให้เอง แต่ถ้าเราปล่อยมือออกจากพวงมาลัยนานเกินไป ระบบจะเตือนเพื่อให้เราเอามือจับพวงมาลัยครับ
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ : เมื่อขับผ่านเส้นทางที่มืด ไม่มีรถอยู่ด้านหน้า ระบบจะเปิดไฟสูงให้แบบอัตโนมัติ แต่ถ้ากล้องที่อยู่ด้านบนของกระจกตรวจจับได้ว่ามีรถวิ่งสวนทางมา ก็จะปรับเป็นไฟต่ำ การขับในเมืองอาจไม่ได้ใช้ระบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะในเมืองมีแสงไฟถนนเยอะอยู่แล้ว แต่มีประโยชน์มากเวลาเดินทางข้ามจังหวัดตอนกลางคืน
  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ : ระบบนี้เราจะได้ใช้บ่อยสำหรับการขับขี่ในเมืองที่การจราจรหนาแน่น ช่วงที่รถหยุดกล้องจะตรวจจับการเคลื่อนไหวของรถคันหน้า พอรถคันหน้าเคลื่อนที่ หากเรายังไม่เคลื่อนที่ตาม ระบบก็จะแจ้งเตือน

การขับเข้าโค้งที่ความเร็ว 100-110 กม./ชม. ก็ทำได้มั่นใจครับ ตัวรถไม่ร่อน เข้าโค้งแรง ๆ ท้ายไม่ออกอาการ แต่จะเริ่มออกอาการนิด ๆ ถ้าคุณขับเปลี่ยนเลนเร็ว ๆ ที่ความเร็วประมาณ 110 กม./ชม. ส่วนในเรื่องของการเก็บเสียงนั้นยังไม่ดีเท่าที่ควร เสียงที่ได้ยินจะเริ่มดังมาจากพื้นตัวรถ แต่ก็ไม่ถึงกับดังจนน่ารำคาญอะไร ถ้าเอาไปแดมป์เก็บเสียงที่พื้นรถอีกนิดผมว่าลงตัวเลย ส่วนเสียงของลมภายนอกจะเริ่มได้ยินที่ความเร็ว 120 กม./ชม.

การขับขี่ทางไกล ทดสอบด้วยการใช้ความเร็วยืน 100-120 กม./ชม. รอบเครื่องจะอยู่ที่ประมาณ 2,100-2,600 รอบต่อนาที ซึ่งเป็นความเร็วที่เหมาะสมและเครื่องยนต์ไม่เค้นกำลังมากเกินไป อีกทั้งการใช้รอบเครื่องยนต์ประมาณนี้ยังช่วยให้รถประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย

สรุปอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง Honda WR-V

  • ขับในเมืองแบบรถติดจัด ๆ เส้นทางที่ทดสอบ ถนนสาธร,สีลม,สุขุมวิท,บางนา ได้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 11-12 กม./ล.
  • ขับในเมืองที่รถติด สลับถนนโล่ง ได้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 15.7 กม./ล.
  • ขับทางไกลข้ามจังหวัด ถนนโล่ง ใช้ความเร็ว 100-120 กม./ชม. ได้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ประมาณ 18.4 กม./ล.

สรุปโดยรวม Honda WR-V เป็นรถที่คุ้มค่าในแง่การใช้งาน ตัวรถขนาดไม่ใหญ่มากแต่มีพื้นที่ใช้สอยภายในที่กว้าง ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองและนอกเมืองได้ดี ขับในเมืองสนุก คล่องตัว ควบคุมง่าย วิ่งทางไกลได้ ขับขึ้นเขา-ลงเขาได้สบาย มี Paddle Shift หลังพวงมาลัยเป็นตัวช่วยในการขับลงเขา อัตราเร่งดี มีระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ครอบคลุมการใช้งาน แต่จุดที่ยังต้องปรับปรุงก็มีเช่น ยังเก็บเสียงไม่ดีเท่าที่ควร แต่แก้ได้ด้วยการเอาไปแดมป์เก็บเสียงเพิ่ม ถือเป็นอีกรุ่นที่ตอบโจทย์การขับขี่ได้ดีเลยทีเดียวครับ แต่ราคาแอบแพงไปนิดนึงเมื่อเทียบกับออพชั่นที่ได้

ราคา Honda WR-V

  • รุ่น SV ราคา 799,000 บาท
  • รุ่น RS ราคา 869,000 บาท

Honda WR-V มีให้เลือก 5 สี

  • สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) / หลังคาดำ
  • สีเงินสเตลลาร์ ไดมอนด์ (มุก)
  • สีดำคริสตัล (มุก)
  • ขาวทาฟเฟต้า
  • สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)

หมายเหตุ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) / หลังคาดำ มีเฉพาะในรุ่น RS เพิ่มเงิน 10,000 บาท ,สีเงินสเตลลาร์ ไดมอนด์ (มุก) เพิ่มเงิน 6,000 บาท ,สีดำคริสตัล (มุก) เพิ่มเงิน 6,000 บาท

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ