ส.อ.ท.ปรับเป้าผลิตรถยนต์ปี 2566 จากเดิม 1,950,000 คันเป็น 1,900,000 คัน ล้าน โดยลดยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลง 50,000 คันจากเดิม 900,000 คันเหลือ 850,000 คัน เนื่องจากยอดขายในประเทศลดลงจากสถาบันการเงินคุมเข้มปล่อยสินเชื่อ อีกทั้งรถยนต์ไฟฟ้าบูม แย่งส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น
ส.อ.ท.ปรับเป้าการผลิตรถยนต์ในประเทศลดลง
สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์ของสมาชิกกลุ่มฯ ในปี พ.ศ.2566 (ใหม่) ปรับเป้าผลิตรถยนต์ปี 2566 จาก 1,950,000 คันเป็น 1,900,000 คัน ลดลง 50,000 คัน โดยปรับเป้าเฉพาะผลิตขายในประเทศจาก 900,000 คันเป็น 850,000 คัน
ปัจจัยของการปรับยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลง
- สถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์จากหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90.6% ของ GDP
- ส่งออกสินค้าอื่นๆของประเทศลดลงติดต่อกันหลายเดือน ทำให้หลายอุตสาหกรรมลดกะการทำงานและลดการทำงานล่วงเวลา คนทำงานขาดรายได้ อำนาจซื้อลดลง
- ดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นรวมทั้งค่าครองชีพสูงขึ้น ผู้มีหนี้และประชาชนต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น จึงระวังการใช้จ่าย ทำให้อำนาจซื้อลดลง ธุรกิจหลายสาขาชะลอตัวลง เช่น วัสดุก่อสร้าง ร้านสะดวกสบาย supermarket ฯลฯ
- รถยนต์ไฟฟ้ามีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ที่ใช้น้ำมันมากกว่า 5 % โดยรถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถยนต์นำเข้า ไม่ได้ผลิตในประเทศ จึงลดเป้าการผลิตเพื่อขายในประเทศลงประมาณ 5 % ของเป้าเดิม
“สาเหตุหลักที่ปรับเป้าเนื่องจากยอดจำหน่ายในประเทศลดลงจากการเข้ามาของยานยนต์ไฟฟ้าที่เริ่มเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันหรือสันดาปภายในมากกว่า 5% ซึ่งเป็นรถยนต์นำเข้าที่ยังไม่ได้ผลิตในประเทศและครึ่งปีหลังยังคงต้องติดตามใกล้ชิดหากมีการนำรถยนต์ไฟฟ้าราคาต่ำมาทำตลาดเพิ่มอีกก็จะกระทบมากขึ้นตามลำดับ"
ขณะเดียวกันสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์จากหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP) การส่งออกของไทยที่ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ทำให้มีการลดกะการผลิตและลดการทำงานทำให้อำนาจซื้อลดลง ท่วมกลางอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงเป็นขาขึ้นและค่าครองชีพที่สูงประชาชนจึงระมัดระวังการใช้จ่าย
ผลการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า
การจัดตั้งรัฐบาลของไทยในปัจจุบันที่ล่าช้าว่า ยังไม่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อย่างมีนัยสำคัญโดยยังเชื่อมั่นว่าการจัดตั้งรัฐบาลน่าจะแล้วเสร็จภายในสิงหาคมนี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามคือ มาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า “มาตรการ EV3.5” ตามมติคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี)ที่วางไว้ในการสนับสนุนโรงงานผลิตแบตเตอรี่ รวมถึงเงินสนับสนุน ฯลฯ ที่หากไม่ต่อเนื่องยอมรับว่าจะกระทบต่อการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ามาจำหน่ายในประเทศสะดุดรวมถึงความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุนผลิตในประเทศ
“เชื่อมั่นว่ารัฐบาลใหม่จะยังคงสนับสนุนตามแนวทางที่บอร์ดอีวีวางไว้ ซึ่งขณะนี้ต้องยอมรับว่าคนไทยนิยมใช้รถอีวี เพิ่มมากขึ้นโดยพบว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดเดือนมิ.ย.2566 มีทั้งสิ้น 8,260 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 54.74%”
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น