เอ็มจีเตือน!! ผู้บริโภคพิจารณาเลือกซื้อรถอีวีจากผู้จำหน่ายที่น่าเชือถือ

เอ็มจี ชี้รัฐเลิกอุดหนุนรถอีวี ราคาขายในประเทศอาจปรับเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องบริหารต้นทุนลดผลกระทบ ออกโรงเตือนผู้บริโภคพิจารณาเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากผู้จำหน่ายที่น่าเชือถือ 

เอ็มจีเตือนผู้บริโภคพิจารณาเลือกซื้อรถอีวีจากผู้จำหน่ายที่น่าเชือถือ

พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ขณะนี้เอ็มจีจำเป็นต้องบริหารสัดส่วนการขายรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้มาตรการสนับสนุนของภาครัฐฯ เพราะเห็นว่า เงื่อนไขที่จะต้องผลิตหรือประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในไทยในอนาคต อาจมีต้นทุนสูงกว่าการนำเข้าในปัจจุบัน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องบริหารราคาให้ใกล้เคียงกับการนำเข้ามาขาย โดยเฉพาะค่าโลจิสติกส์ ซึ่งหากบริหารต้นทุนนำเข้า กับต้นทุนผลิตให้สอดคล้องกัน ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาจำหน่ายหรืออาจเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่มาก 

"ปีหน้าราคารถยนต์ไฟฟ้าจะกลับสู่ราคาที่แท้จริง หรือเพิ่มขึ้นในแต่ละส่วนไม่เท่ากัน ในส่วนของเราประมาณกว่า 2 แสนบาทต่อคัน การนับจำนวนที่จะต้องผลิตคืนตามเงื่อนไขภาครัฐ นับจากตัวเลขจดทะเบียนภายในสิ้นปีนี้ ดังนั้นเราจะต้องขายรถอีวีให้จบภายในเดือนต.ค.2566 เพราะหากลูกค้าจดทะเบียนไม่ทัน เราจะมีความเสี่ยงในการเบิกรายการสนับสนุนตามมาตรการของรัฐ ซึ่งเอ็มจีไม่ขอเสี่ยง จึงวางแผนนำเข้าให้เพียงพอต่อการขาย"

ในส่วนรัฐบาลใหม่ หากเดินหน้าดำเนินการให้โครงการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าต่อเนื่องตามมาตรการอีวี 3.5 หรืออุดหนุนลดจะส่งผลให้ภาพรวมตลาดรถอีวีมีความแตกต่างด้านราคาขาย 1.5-2 แสนบาท เพื่อให้แข่งขันกับการนำเข้าได้ แต่ข้อจำกัดการผลิตคืนภายในไทยนั้น จะมีข้อจำกัดเรื่องความหลากหลายต้องผลิตเฉพาะรุ่นที่ได้จำหน่ายไป ขณะที่การนำเข้าจะมีความหลากหลายรุ่นมากกว่า 

เตือนผู้บริโภคซื้อรถอีวีจากผู้จำหน่ายที่น่าเชื่อถือ

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กนั้น ถือเป็นนิวเซกเมนต์ และก่อให้เกิดปัญหากับลูกค้าบางส่วนอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่ดี เช่น จดทะเบียนไม่ได้ ไม่มีบริการหลังการขาย ดังนั้น การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ผู้บริโภคจะต้องเลือกจากค่ายรถยนต์ที่มีความน่าเชื่อถือ ตั้งใจมาผลิตเพื่อขาย ไม่ใช่นำเข้ามาขายเพียงอย่างเดียว เนื่องจากผู้นำเข้ารถอิสระ ที่นำเข้ามาขายมักมีราคาถูก เพราะผู้นำเข้าอิสระไม่มีมีต้นทุนเรื่องบริการหลังการขาย ขณะที่ค่ายรถยนต์จะต้องวางแผนเรื่องการบริการหลังการขาย การจัดการอะไหล่ จัดตั้งดีลเลอร์ฯลฯ ซึ่งต้องทำให้แน่ใจว่า จดทะเบียนได้ ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม แล้วจึงจะนำเข้า 

“ผู้นำเข้าอิสระ ไม่ได้สนใจบริการหลังการขาย หลักคิดคนละแบบกับค่ายรถยนต์ ฉะนั้น ผู้บริโภคหรือลูกค้าต้องใช้วิจารณญาณในการเลือกซื้อ ว่าน่าเชื่อถือไหม จดทะเบียนได้จริงหรือไม่”  

ตลาดรวมรถครึ่งปีหลัง แนวโน้มดีกว่าครึ่งปีแรก

ภาพรวมตลาดรถยนต์ปีนี้ น่าจะโตกว่าปีก่อนขึ้นมาเล็กน้อย น่าจะอยู่ที่ 8.5-9 แสนคัน โดยพิจารณาจากครึ่งปีแรกตัวเลขตลาดรวมรถยนต์ต่ำกว่าปีก่อนอยู่ประมาณ 6% แต่ตลาดที่โตคือ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เติบโตมากกว่า 10 เท่าจากหลักพันขึ้นเป็นหลักหมื่น ขณะที่ปิกอัพตกลง แต่รถเก๋งเติบโตขึ้น 

“ช่วงท้ายปีรถปิกอัพน่าจะดีขึ้น พิจารณาจากเรื่องเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การลงทุน Automotive และอิเล็กทรอนิกส์ มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง น่าจะส่งผลดีในช่วงครึ่งปีหลัง ที่น่าสังเกตช่วงปลายปี 2565 ยอดขายรถปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าปกติ จึงส่งผลต่อตัวเลขยอดขายต้นปี 2566 สาเหตุที่ตลาดบวมมากกว่าปกติ เพราะมีการใช้กลยุทธ์เรื่องการปล่อยสินเชื่อ ทำให้เกิด NPL ในปีนี้ทำให้สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อยากขึ้น โดยเฉพาะปิกอัพ แต่คาดว่าปิกอัพจะดีขึ้นช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 เนื่องจากสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น” 

สำหรับ MG Maxus9 ส่งมอบไปจำนวน 550 คัน และมียอดจองคงค้างมากกว่า 500 คัน โดยต่อจากนี้ ได้วางแผนส่งมอบรถให้ได้เดือนละ 300 คัน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ ตรวจสอบราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn 

ค้นหารถมือสองทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car