เปิดตัวในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ Aston Martin DB12 ครั้งนี้ DB12 มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และนิยามที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน มาดูกันว่า Aston Martin DB12 จะเหนือกว่า Aston Martin DB11 ขนาดไหน
นิยามใหม่ของ Aston Martin DB12
ค่ายรถยนต์ระดับท็อปคลาสแบรนด์สายลับจากเกาะอังกฤษอย่าง Aston Martin ได้เปิดตัว Aston Martin DB12 รถสปอร์ตคันใหม่ที่มีการปรับลุคทั้งคัน ด้วยราคาเริ่มต้น 21,900,000 บาท ในประเทศไทย พร้อมกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี ของยนตรกรรมสายพันธุ์ DB กับนิยามใหม่ "The World's First Super Tourer" เพื่อยกระดับให้กับรถประเภท GT (Grand Tourer)
การยกระดับให้กับรถ GT ที่ทาง Aston Martin กล่าว คือ การปรับลุคและเพอฟอร์แมนซ์ของ Aston Martin DB12 ให้มีความหรูหรา ทันสมัย ดูวัยรุ่นมากขึ้น และทำให้ DB12 นั้นอยู่ในระดับซุปเปอร์คาร์แต่ยังคงคอนเซปต์ในความเป็น GT ของสายพันธุ์ DB เอาไว้
Aston Martin DB12 จึงกลายเป็นรถยนต์ที่ถูกเรียกว่า "Super Tourer" หรือก็คือ เป็นรถสปอร์ตที่สามารถขับติดต่อกันได้อย่างยาวนาน สร้างประสบการณ์ร่วมกับผู้ขับขี่ได้มากที่สุด และ แรงที่สุดในคลาส จนเกิดเป็นคำเปรียบเปรยว่าเป็นรถยนต์ที่สามารถขับข้ามทวีปได้เลยทีเดียว
วิวัฒนาการจากรุ่นเก่าสู่ Aston Martin DB12
ถ้าหากเทียบกับรุ่นเก่าอย่าง Aston Martin DB11 แล้ว Aston Martin DB12 จะเหนือกว่าแทบจะทุกมิติ มีการปรับลุคด้วยกระจังหน้าที่ใหญ่ขึ้น 56% พร้อมโลโก้แบบใหม่ที่สวยงามและใหญ่ขึ้น รอบคันถูกออกแบบให้เปลี่ยนจากลุคที่ดูแล้วเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ก็กลายเป็นรถสปอร์ตวัยรุ่นเทสดีชาวอังกษไปเลย
ด้านโครงสร้างตัวถังมีการเสริมแกร่งให้ทนต่อแรงบิดได้มากขึ้น 7% รวมถึงฐานล้อก็กว้างขึ้นด้วย นั่นก็เป็นเพราะเครื่องยนต์ของเขาแรงที่สุดในคลาส แม้จะเป็นเครื่องเดิมแต่เพิ่มเติมคือแรงม้าเพิ่มขึ้น 33% และเเรงบิดเพิ่มขึ้น 18% อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ภายใน 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 325 กม./ชม.
มีระบบอินโฟเทนเม้นท์ใหม่ที่พัฒนาโดย Aston Martin ห้องโดยสารออกแบบโดยเน้นไปที่ผู้ขับขี่มากขึ้น ออกแบบในสไตล์ Dual Cockpit ทำให้ผู้โดยสารและผู้ขับขี่รู้สึกปลอดภัยและมีส่วนร่วมกับรถมากขึ้น ผสานเทคโนโลยีล่าสุดเข้ากับงานฝีมือและวัสดุเกรดสูง และไม่มีวัสดุสังเคราะห์ใดๆ หนังคือหนังแท้และเพียวคาร์บอนแท้ๆ ทำให้ภายในมีความดุดันสไตล์สปอร์ตและหรูหรามากขึ้นหลายเท่าตัว
โช้กอัพสามารถปรับความหนืดได้แบบอัตโนมัติโดยจะยืดหยุ่นได้มากกว่าเดิมถึง 500% มีเฟืองท้ายอิเล็กทรอนิกส์ (e-diff) ใส่ยาง Michelin Pilot Sport 5S ใหม่ล่าสุดสำหรับ Aston Martin DB12 โดยเฉพาะมาจากโรงงาน
รูปลักษณ์ที่ดุดันยิ่งขึ้นของ Aston Martin DB12
ตัวถังของ Aston Matin DB12 ถูกดีไซน์ใหม่ให้มีความกว้างและดุดันยิ่งขึ้น โดยยังคงคอนเซปต์เป็นรถ Coupe แบบ 2+2 ที่นั่งอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าจะนั่งสบายมากยิ่งขึ้นในทุกตำแหน่ง
กระจังหน้าแบบใหม่ Single Vane (แบบซี่เดียว) ชุบโครเมียม มีขนาดใหญ่ขึ้น 56% ทำให้ลุคดูดุดันและสอร์ตขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมกับโลโก้ Aston Martin ทั้งหน้าและหลังแบบใหม่ที่ใหญ่และสวยงามมากขึ้นประเดิมติดลงในรุ่นนี้เป็นรุ่นแรก โดยโลโก้นี้จะเป็นงานแฮด์เมดซึ่งมีความพิถีพิถันมาก 1 ชิ้นจะใช้เวลาถึง 4 วัน และแค่เพียงโลโก้ 1 ชิ้น ก็มีมูลค่าหลักแสนเลยทีเดียว
กันชนหน้าแบบใหม่พร้อมแผ่นรีดอากาศด้านหน้าที่เชื่อมต่อเป็นชุดเดียวกัน มีช่องระบายอากาศบนฝากระโปรงและันเหลี่ยมที่มากขึ้นเพื่อความดุดันและประสิทธิภาพการระบายอากาศที่ดีขึ้น ไฟหน้า LED แบบใหม่พร้อมไฟ DRL ใหม่แบบ 6 Block Pattern
มีการออกแบบลวดลายภายในโคมให้เหมือนกับรายละเอียดของเบาะที่มีความหรูหรา นอกจากนี้ยังมีการออกแบบเส้นสายลายพีรมิดหัวกลับภายในโคมด้วย ซึ่งเมื่อเปิดไฟแล้วจะทำให้แสงที่ส่องกระทบพื้นนั้นจะมีการไล่เฉดแสงได้อย่างสวยงาม
กระจกข้างแบบไร้กรอบพร้อมมือจับประตูแบบใหม่ (presenting door handles) ที่เมื่อปลดล็อคตัวรถแล้วลักษณะการกางออกของกระจกมงข้างจะเหมือนกับหงษ์กระพือปีกพร้อมกับมือจับประตูจะกางออกมาให้แบบอัตโนมัติ ประตูเองก็มีลักษณะการเปิดแบบ Swan Door ด้วย นอกจากนี้ด้านหลังก็ยังมี Aeroblade พร้อมสปอยเลอร์หลังที่ทำงานแบบอัตโนมัติด้วย
ขุมพลังของ Aston Martin DB12
ขุมพลังของ Aston Martin DB12 เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร จับคู่กับเกียรอัตโนมัติ 8 จังหวะ (ZF 8HP7S) ให้แรงม้าสูงสุดที่ 680 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ที่ 2,750-6,000 รอบต่อนาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 325 กม./ชม.
โหมดการขับขี่ใหม่ของ Aston Martin DB12
Aston Martin DB12 มีการเพิ่ม Drive Modes แบบใหม่เพื่อความเร้าใจของผู้ขับขี่ โดยมีมากถึง 5 โหมด
- GT (พื้นฐาน)
- Sport (แรงและเร้าใจขึ้นแต่ยังใช้ในชีวิตประจำวันได้)
- Sport+ (แรงเร้าใจแบบสปอร์ตขั้นสุด)
- Wet (การขับขี่บนผิวถนนที่มีความลื่น)
- Individual (ตั้งค่าด้วยตัวเองทุกอย่าง)
นอกจากนี้แล้วยังมีการติดตั้งระบบออกตัว (Launch Control) พร้อมกับระบบควบคุมการทรงตัว (ESP-Electronic Stability Programme) ที่สามารถปรับได้ 3 แบบ คือ ON, TRACK และ OFF มาด้วยใน Aston Martin DB12
ออปชันใหม่ของ Aston Martin DB12
สำหรับล้อของ Aston Martin DB12 เดิมๆ จะได้ล้อฟอร์จ ขนาด 21 นิ้ว แบบ 5 ก้านมาจากโรงงาน แต่สำหรับใครที่อยากได้ล้อฟอร์จลายพิเศษ Y-Spoke ขนาด 21 นิ้ว ก็สามารถเลือกเป็นออปชั่นเพิ่มเติมได้ ส่วนยางจะได้เป็น Michelin Pilot Sport 5 S หน้า-หลัง 275/35/2R21 และ 325/30/ZR21 ตามลำดับ
ยางที่ได้มาเป็นยางใหม่ที่พัฒนาร่วมกันกับ Michelin มีโครงสร้างโฟมด้านในซึ่งช่วยลดเสียงรบกวนและช่วยให้ขับขี่นุ่มนวลยิ่งขึ้น มีตัวอักษรระบุว่า ''AML" ซึ่งหมายความว่าผลิตสำหรับ Aston Martin DB12 โดยเฉพาะ จานเบรกเดิมๆ จะได้เป็นจานเหล็ก แต่ก็สามารถกดออปชั่นเพิ่มเป็นจานคาร์บอนเซรามิกได้ ซึ่งจานหน้า-หลังจะมีขนาด 410 และ 360 มิลลิเมตร ตามลำดับ เบาลงถึง 27 กก. คาลิเปอร์เบรกหน้า 6 พ็อต หลัง 4 พ็อต
โช้กอัพใช้เป็น Bilstein DTX เพิ่มความนุ่มหนึบและความละเอียดในการขับมากขึ้นถึง 500% เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและใช้งานได้หลายรูปแบบ ทาง Aston Martin บอกว่าใช้เดินทางกับครอบครัวยังได้เลย และสำหรับเฟืองท้ายจะเป็นแบบลิมิเต็ดสลิปที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-diff) เพื่อประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม
ดีไซน์ภายในแบบใหม่ของ Aston Martin DB12 ปราณีต หรูหราแบบ Ultra Luxury
ระบบอินโฟเทนเม้นท์แบบใหม่ พัฒนาโดย Aston Martin มาพร้อมกับจอดิจิทัลหน้าผู้ขับแบบ TFT 10.25 นิ้ว ความคมชัดสูงที่สามารถปรับแต่งการแสดงผลได้หลายรูปแบบ พวงมาลัยดีไชน์ใหม่ผสมผสานความหรูหราปราณีตและตัดเย็บด้วยมือเข้ารูปกับปุ่มควบคุมระบบต่างๆ บนพวงมาลัย
จอกลางเองก็มาพร้อมอินโฟเทนเมนท์ล้าสมัยมีจอแสดงผลอเนกประสงค์ 10.25 นิ้ว ติดตั้งกลางแดชบอร์ด เน้นความสะดวกของผู้ขับขี่และรองรับ Apple Car Play ด้วยเช่นกัน ใด้ด้านปุ่มฟังก์ชันต่างๆ ก็ถูกดีไซน์อยู่ตรงคอนโซลกลางด้านล่างจออเนกประสงค์รวมถึงปุ่มสตาร์ทแบบใหม่และปุ่มตัวปรับเลือกโหมดการขับแบบแป้นหมุน พร้อมสวิตต่างๆ ก็ติดตั้งบริเวณคอนโซลกลางเช่นกัน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทำให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายและสร้างประสบการณ์ร่วมในการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น
ราคาของ Aston Martin DB12
ราคาเปิดตัวของ Aston Martin DB12 จะเริ่มต้นที่ 21.9 ล้าน บาท ซึ่งราคานี้จะรวมการรับประกันจากโรงงานผู้ผลิตและบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม. นาน 5 ปี เรียบร้อยแล้ว
สัมผัส Aston Martin DB12 กับนิยามใหม่ The World's First Super Tourer ที่มาพร้อมความหรูหราและสมรรถนะเต็มพิกัดแบบฉบับยนตรกรรมอังกฤษ ได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมพร้อมศูนย์บริการมาตรฐานครบวงจร แอสตันมาติน แบงคอก ถนนพระราม 3 รวมถึงโชว์รูมแสดงรถยนต์ แอสติน มาร์ติน รุ่นอื่นๆ ที่สยามพารากอน
ชมรีวิว Aston Martin DB12 เต็มๆ ได้ที่นี่
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ความคิดเห็น