ทำความรู้จักรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร มีความน่าใช้งานมากน้อยแค่ไหนเมื่อเปรียบเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาป
ปัจจุบันนี้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าหรือรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เรียกได้ว่าเป็นยานพาหนะที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจะเห็นได้ว่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าบนท้องถนนโดยเฉพาะในเขตเมืองอย่างกรุงเทพฯ มีปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้คนเริ่มหันมาสนใจตัวเลือกที่ประหยัดกว่า ซึ่งรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ประหยัดค่าพลังงานมากกว่าอย่างมหาศาลเลยครับในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกันว่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าหรือรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามีลักษณะอย่างไรมีความแตกต่างจากรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาปมากน้อยแค่ไหนและมันน่าใช้งานอย่างไรในวันนี้เรามาทำความรู้จักกันครับ
ความแตกต่างของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเมื่อเปรียบเทียบกับรถจักรยานยนต์สันดาปที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนที่สุดในเรื่องของระบบขับเคลื่อน รูปแบบตัวรถเหมือนกัน ก็เป็นลักษณะรถสองล้อแล้วก็นั่งขี่เวลาจะเดินหน้าก็บิดคันเร่งเวลาจะเบรกก็กดเลยเหมือนกันทุกประการแต่จะแตกต่างกันตรง
1.ระบบขับเคลื่อน
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเป็นหลักแตกต่างจากรถมอเตอร์ไซค์สันดาปที่จะใช้เครื่องยนต์ในการเป็นต้นกำลังและขับเคลื่อนด้วยสายพานหรือด้วยโซ่อันนี้ก็แล้วแต่ดีไซน์การออกแบบ
2. แหล่งพลังงาน
มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนเลยนะครับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะใช้เป็นไฟฟ้าโดยไฟฟ้าจะถูกเก็บอยู่ในแบตเตอรี่ครับส่วนรถมอเตอร์ไซค์เป็นน้ำมันเบนซินที่เก็บในถังน้ำมันเชื้อเพลิงนั่นเองอันนี้ก็คือข้อแตกต่างหลักๆระหว่างรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ากับรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาป
3. การเติมพลังงาน
รถมอเตอร์ไซค์สันดาปที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเวลาเติมน้ำมันก็ง่ายๆนะครับขับไปที่ปั๊มน้ำมันเปิดฝาถังแล้วก็เติมน้ำมันเข้าไปตามปริมาณที่เราต้องการใช้เวลาเติมเต็มที่รวมจ่ายเงินเรียบร้อยเต็มที่ก็ไม่เกิน 3 นาที
ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารูปแบบการเติมพลังงานในปัจจุบันมีทั้งหมด 2 วิธีด้วยกันนะครับ
วิธีที่ 1 นั่นคือวิธีการชาร์จนั่นเองเป็นการนำรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไปชาร์จที่สถานีชาร์จหรือจะเป็นการชาร์จที่บ้านโดยลักษณะการชาร์จก็เหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้าเลยนั่นคือเอาสายชาร์จมาเสียบเข้ากับที่ตัวรถนั่นเองโดยระยะเวลาการชาร์จก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการออกแบบรวมถึงปริมาณแบตเตอรี่ของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันนั้นโดยส่วนใหญ่จะรองรับการชาร์จอยู่ที่ประมาณ 1 ชั่วโมง จะสามารถขับขี่ต่อได้ประมาณ 50 กิโลเมตรอันนี้คือค่ามาตรฐานทั่วไปของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าซึ่งระยะเวลาการชาร์จ 1 ชั่วโมงมักจะได้ปริมาณแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็นประมาณจากศูนย์ ก็ขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 40-50% แล้วแต่ความจุของรถคันนั้นๆนะครับโดยรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในท้องตลาดส่วนใหญ่จะให้ขนาดแบตเตอรี่ความจุอยู่ที่ประมาณ 2-4 กิโลวัตต์ครับ
ส่วนวิธีที่ 2 นั่นคือวิธีการสลับแบตเตอรี่นั่นเองโดยวิธีการสลับแบตเตอรี่จะใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้นเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับการเติมน้ำมันเลย วิธีการสลับแบตเตอรี่ก็ง่ายนิดเดียวครับเพียงนำรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันนั้นๆ ที่รองรับการสลับแบตเตอรี่ขับไปที่สถานีสลับแบตเตอรี่ของรถรุ่นที่เราใช้งานและก็ทำการสลับแบตเตอรี่ได้เลยซึ่งการสลับแบตเตอรี่จะทำให้คุณได้ปริมาณไฟฟ้ากลับมาแบบเต็ม 100% ซึ่งใช้เวลาเติมพลังงานสั้นกว่าการชาร์จแบตเตอรี่มหาศาลเลยแต่ที่สำคัญเขาใช้เวลาในการเติมพลังงานเทียบเท่ากับการใช้งานรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป ซึ่งระยะทางที่สามารถขับขี่ต่อได้ของรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ระบบสลับแบตเตอรี่ก็มีหลากหลายเลยนะครับโดยหลายๆรุ่นจะรองรับระยะทางขับขี่ต่อ 1 ครั้งอยู่ที่ราวๆ 70-100 กมเลยทีเดียวครับหรือบางรุ่นสามารถใส่แบตเตอรี่ได้มากกว่า 2 ลูกก็จะขับได้ไกลมากกว่านี้อีก
4. ค่าใช้จ่ายในการใช้งานระหว่างรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ากับรถมอเตอร์ไซค์สันดาป
รถมอเตอร์ไซค์สันดาป ค่าใช้จ่ายหลักๆของตัวรถนั่นคือเรื่องของค่าน้ำมันนั่นเองโดยเราเอาเกณฑ์ว่ารถมอเตอร์ไซค์คันนี้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 50 กิโลเมตรต่อลิตรกับราคาน้ำมันปัจจุบันอยู่ที่เฉลี่ยลิตรละ 40 บาทกับน้ำมันเป็นแก๊สโซฮอล์ 95 นั่นเองราคาอยู่ประมาณ 40 บาทบวกลบประมาณนี้ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับราคาน้ำมันประมาณนี้ไงอย่างยาวนานแล้วทำให้พอจะอนุมานได้ว่าน้ำมัน 1 ลิตรประมาณ 40 บาทนั่นเองกับอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 50 กม./ลิตรนั่นหมายความว่าระยะทางต่อ 1 กมที่เราขับ เราจะต้องจ่ายค่าน้ำมันจะอยู่ที่กิโลเมตรละ 80 สตางค์นั่นเองครับและนอกจากนี้รถมอเตอร์ไซค์สันดาปยังมีเรื่องของการบำรุงรักษาตัวของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังด้วยได้แก่ตัวของน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์นั่นเองซึ่ง 2 สิ่งนี้เราต้องคอยเปลี่ยนตามระยะ ส่วนค่าใช้จ่ายก็อยู่ประมาณ 300 บาทต่อการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆประมาณ 4,000 กิโลเมตรนั่นเองครับ เมื่อเราลองตัดใช้จ่ายต่างๆ ออก เอาคุยกันแค่เรื่องของค่าน้ำมันละกันนะครับหาก 1 ปี คุณขับรถมอเตอร์ไซค์ ตกเดือนละ 1,000 กม. นั่นหมายความว่า 1 ปีคุณขับรถอยู่ประมาณ 12,000 กมเมื่อเอา 12,000 บาทมาคูณกับค่าน้ำมันกม. ละ 80 สตางค์ = คุณจะต้องจ่ายค่าน้ำมันตกเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 9,600 บาทเลยทีเดียว ในส่วนของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ส่วนใหญ่จะมีอัตราสิ้นเปลืองที่ใกล้เคียงกันนะครับส่วนอัตราสิ้นเปลืองของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าก็มักจะอยู่ที่ราวๆกิโลเมตรละ 10 บาทเท่านั้นเองกับการชาร์จไฟ 1 ครั้งซึ่งค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าก็มักจะอยู่ที่ราวๆกิโลเมตรละ 10 บาทเท่านั้นเองก็ต้องบอกว่าเนื่องด้วยราคาค่าไฟฟ้าถูกมากๆครับ ปัจจุบันนี้ค่าไฟกับการชาร์จไฟที่บ้านจะตกอยู่ที่หน่วยละประมาณ 4-5 บาทแล้วแต่รูปแบบของมิเตอร์ที่คุณใช้นั่นหมายความว่าระยะทาง 1 กม.จะมีค่าไฟเพียงแค่ 10 บาทเท่านั้นเอง
อีกประการรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเพราะว่าเขาไม่มีชิ้นส่วนที่เป็น Moving part ที่ต้องการการหล่อลื่นเหมือนกับตัวของรถมอเตอร์ไซค์สันดาป
ซึ่งรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในเมืองไทยถือว่าได้รับการยอมรับในระดับหนึ่งแล้วต้องบอกว่าตัวเลือกที่มีอยู่ในบ้านเรา ก็มีหลากหลายรูปแบบเลยและมีหลากหลายราคาด้วยตั้งแต่ราคาหลักหมื่นจนถึงหลักแสนจนถึงหลายแสนบาทเลยทีเดียว
แบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่เป็นแบรนด์ใหญ่ๆเมื่อเราเอ่ยชื่อขึ้นมาแบบเอาคุ้นหูเลยก็มีไม่ได้เยอะมากนักและล่าสุดกำลังจะมีอีก 1 แบรนด์ที่กำลังจะเข้ามาทำตลาดในบ้านเราครับ
นั่นคือแบรนด์ iONEX แบรนด์รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของทาง KYMCO ที่ได้วิจัยและพัฒนาเป็นของตนเองเนื่องด้วยทิศทางของโลกเราที่หันไปหายานยนต์พลังงานสะอาด ทาง KYMCO เองก็เป็นบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำของโลกอยู่แล้วก็ได้เข้าร่วมผลักดันความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ด้วยแบรนด์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า iONEX

KYMCO ยานยนต์ระดับโลกจากไต้หวัน
KYMCO เป็นบริษัทผู้ผลิตยานพาหนะระดับโลกจากไต้หวัน มีชื่อเต็มว่า Kwang Yang Motor Co, Ltd ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2506 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเกาสง และมีสำนักงานกระจายอยู่ทั่วโลกอีกมากกว่า 100 ประเทศ โดยมีผลิตภัณฑ์ทั้งรถสกู๊ตเตอร์, รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า, มอเตอร์ไซค์, ATV และรถอเนกประสงค์ โดยส่วนใหญ่จะเป็นที่รู้จักกันในฝั่งของรถสกู๊ตเตอร์มากกว่า ซึ่ง KYMCO มีกำลังการผลิตต่อปีมากถึง 570,000 คัน
กว่า 60 ปีของ KYMCO ที่สามารถบุกตลาดยานยนต์ไปแล้วมากกว่า 100 ประเทศ ทำยอดขายรวมแล้วมากกว่า 10 ล้านคัน โดยแต่ละปี สามารถทำยอดขายเป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลล่าสหรัฐ
มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า IONEX คือแบรนด์รจากทาง KYMCO ที่ได้วิจัย และพัฒนาเป็นของตนเอง เนื่องด้วยทิศทางของโลกเราที่หันไปหายานยนต์พลังงานสะอาด ทาง KYMCO เองที่เป็นบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำระดับโลกอยู่แล้วก็ได้เข้าร่วมผลักดันความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ด้วยแบรนด์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า IONEX
ซึ่ง KYMCO เป็นบริษัทผู้ผลิตยานพาหนะระดับโลกจากไต้หวัน มีชื่อเต็มว่า Kwang Yang Motor Co, Ltd ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2506 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเกาสง และมีสำนักงานกระจายอยู่ทั่วโลกอีกมากกว่า 100 ประเทศ โดยมีผลิตภัณฑ์ทั้งรถสกู๊ตเตอร์, รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า, มอเตอร์ไซค์, ATV และรถอเนกประสงค์ โดยส่วนใหญ่จะเป็นที่รู้จักกันในฝั่งของรถสกู๊ตเตอร์มากกว่า ซึ่ง KYMCO มีกำลังการผลิตต่อปีมากถึง 570,000 คัน
กว่า 60 ปีของ KYMCO ที่สามารถบุกตลาดยานยนต์ไปแล้วมากกว่า 100 ประเทศ ทำยอดขายรวมแล้วมากกว่า 10 ล้านคัน โดยแต่ละปี สามารถทำยอดขายเป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลล่าสหรัฐ
สำหรับแบรนด์ IONEX ถือเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในระดับโลก โดดเด่นด้วยรถสกู๊ตเตอร์แบบพรีเมี่ยมที่เน้นหนักเรื่องของวัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์หลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการใช้งานในเขตเมือง ด้วยขนาดตัวรถที่กระทัดรัดที่สอดคล้องกับดีไซน์อันพรีเมี่ยม
IONEX โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ด้านการใช้งานที่จัดเต็ม โดยเฉพาะการเติมพลังไฟฟ้าให้กับรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า อันเป็นหัวใจสำคัญของการใช้งาน โดยตัวรถรองรับทั้งการชาร์จโดยตรง และการสลับแบตเตอรี่ ทำให้ IONEX รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการใช้งานส่วนบุคคล และเชิงพาณิชย์
IONEX โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ด้านการใช้งานที่จัดเต็ม โดยเฉพาะการเติมพลังไฟฟ้าให้กับรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า อันเป็นหัวใจสำคัญของการใช้งาน โดยตัวรถรองรับทั้งการชาร์จโดยตรง และการสลับแบตเตอรี่ ทำให้ IONEX รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการใช้งานส่วนบุคคล และเชิงพาณิชย์
รุ่นรถ IONEX ที่น่าสนใจ
i-One AIR, i-One FLY, S6, S7 และ S7R เป็นต้น
มาในรูปแบบของรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า หรือที่สายซิ่งจัดอยู่ในระดับรถสกู๊ตเตอร์พิกัด 125 ซีซี

สเปกของตัวรถ i-One FLY
มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 4.2 กิโลวัตต์ถ้าตีเป็นแรงม้าเนี่ยก็น่าจะอยู่ประมาณสักประมาณนะครับก็ใกล้เคียงกับรถเครื่อง 125 นะครับต้องอย่าลืมว่ารถไฟฟ้าอัตราเร่งเขาตึงมือกว่านะ เวลาบิดมันมาเลยนะครับอันนี้คือลักษณะของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า ลักษณะการทำงานของเขาจะเป็นประมาณนี้ ใต้เบาะนั่งใส่แบตเตอรี่ได้ 2 ก้อนและยังมีพื้นที่ให้เราสามารถใส่หมวกกันน็อคได้อีกรวมถึงใส่สัมภาระจำนวน 1 ลงไปได้ อันนี้ผมว่าน่าสนใจนะเพราะว่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในบ้านเรา ถ้าเป็นรุ่นที่ใส่แบตเตอรี่ใต้เบาะได้ 2 ก้อนส่วนใหญ่จะแทบไม่มีพื้นที่เอาไว้ใส่ของเลยแต่ i-One FLY ยังมีพื้นที่เอาไว้ใส่สัมภาระเพิ่มเติมได้
ที่พักเท้าพื้นถือว่าค่อนข้างกว้างและก็มีช่องเสียบ USB มาให้ด้วยเอาไว้ชาร์จโทรศัพท์มือถือแล้วก็มีที่แขวนของมาให้เออผมว่าอันนี้ดีนะมันมีที่ใส่ของใส่ของระบบขับเคลื่อนจะเป็นมอเตอร์ระหว่างกลางนะครับอันนี้ผมว่าดีนะแต่ถ้าเกิดว่าเป็นมอเตอร์แบบทำมอเตอร์เนี่ยเวลาล้อหลังยางรั่วเนี่ยมันจะหาร้านที่จะซ่อมยากมากนะครับเพราะว่าวิธีการถอดล้อที่เป็นทางมอเตอร์เนี่ย

สเปกของตัวรถรุ่น S6
ตัวรถใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจนเลยนะครับแล้วเริ่มชูเรื่องของ Performance มากยิ่งขึ้นนะครับ
แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังอยู่ที่ 7,000 วัตต์หรือ 7 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 25.2 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 92 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วในการเร่งจาก 0 ถึง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 3.9 วินาที ระยะทางที่สามารถรถเร็วคงที่ที่ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ประมาณ 155 กิโลเมตร
ฟังก์ชันของตัวรถ
- ไฟหน้าแบบ LED เต็มระบบ
- ไฟ Running Daylight แบบ LED
- ไฟเตือนการเบรกฉุกเฉิน (EBS)
- การปรับความแรงของระบบชาร์จไฟ
- การชาร์จ USB 5 โวลต์/2 แอมป์
- พื้นที่เก็บของขนาด 24 ลิตร เหมาะสำหรับหมวกปิดหน้า
- ตัวยึด

สเปกของตัวรถรุ่น S7
S7 สเปกจะค่อนข้างมีความเทคนิคมากยิ่งขึ้นเนื่องด้วยตัวรถก็จะเน้นความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น
โดยมีแยกย่อยทั้งหมด 2 รุ่น เป็นรุ่น 4 เลยกับรุ่น ABS
น้ำหนักอยู่ที่ 97 กิโลกรัม
สำหรับรุ่น ABS แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังอยู่ที่ 7,600 วัตต์หรือ 7.6 กิโลวัตต์ ความเร็วสูงสุดที่ทำได้อยู่ที่ 95 กม./ ชมใ อัตราเร่ง 0-50 3.5 วินาที แบตเตอรี่ใช้เป็นขนาดความจุอยู่ที่ 3.4 กิโลวัตต์อาว์
ขับได้ 150 กิโลเมตรแล้วก็ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 95 กม. โดยใช้อัตราทดอบที่ความเร็ว 30 กม./ ชม.
ส่วนระบบขับเคลื่อนเป็นมอเตอร์วางกลาง ระบบเบรคเป็นดิสเบรคทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ถือว่าสเปกค่อนข้างโอเคและมีระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ อาทิ ไฟหน้าแบบ LED เต็มระบบเลยทั้งไฟหน้าและไฟท้ายมีระบบเบรกฉุกเฉินมาให้ด้วย ช่องชาร์จ USB เป็นแบบ Quick Charge 3.0 ด้วยส่วนพื้นที่เก็บของใต้เบาะนั่งขนาด 24 ลิตร เหมาะสำหรับหมวกปิดหน้า

พิเศษไปกว่านั้นตัว รุ่น S7R คือ High performance ยิ่งกว่า
สเปกของตัวรถรุ่น S7R
น้ำหนักรถอยู่ที่ขนาด 101 กิโลกรัม
ตัวถังรถยาว 1.8 เมตรกว้างประมาณ 69 ซม. ความสูงอยู่ที่ 1.1 เมตรระยะฐานล้อ1,280 มิลลิเมตร ความสูงเบาะนั่ง 770 มม.โดยจากสเปก ถือเป็นสเปคเดียวกับรถสกู๊ตเตอร์พิกัด 125 cc ทุกประการเลย
อัตราเร่ง 0-50 กม./ ชม. ใช้เวลา 3.3 วินาที ค่อนข้างแรงมากมื่อเปรียบเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาปที่มีขนาดตัวรถใกล้เคียงกันโดยสรุปแล้วนะครับสำหรับเจ้า IONEX ถือว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอีกแบรนด์ที่น่าสนใจมากๆเลยนะครับอย่าง 4 รุ่นที่ผมได้หยิบยกมาให้ท่านผู้ชมได้ดูกันจะเห็นได้ว่ามันมีทั้งความพรีเมี่ยมมีทั้งความอเนกประสงค์และมีทั้งความสปอร์ตให้คุณได้เลือกอย่างมากมายเลยนะครับโดยเฉพาะสิ่งที่ผมสัมผัสได้จากแบรนด์นี้นั่นคือเรื่องของความพรีเมี่ยมที่เขาใส่มาให้แบบจัดเต็มจริงๆก็ต้องมาดูกันว่าทาง IONEX จะเอารุ่นไหนมาจัดจำหน่ายในเมืองไทยและที่สำคัญเลยนั่นคือมาเมื่อไหร่ขายราคาเท่าไหร่รวมถึงรูปแบบการจัดจำหน่ายแบบใด เราก็ต้องมารอดูกัน
ความคิดเห็น