ความน่าสนใจของรถยนต์ Rolls Royce มีให้สงสัยไม่หยุดหย่อน ด้วยเอกลักษณ์ที่ทรงคุณค่า รวมถึงประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยว่าทำไมยนตรกรรมสุดหรูคันนี้ถึงได้มีราคาแพงนัก
ความ Wow ของแบรนด์ Rolls Royce ที่รู้แล้วมีอึ้ง!!
ขึ้นชื่อว่าเป็นรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก มีลูกค้าเป็นเหล่าคนดังมากมายรวมถึง Queen Elizabeth วันนี้เราจะมาสืบค้นเรื่องราวของแบรนด์ Rolls Royce ว่ามันยังไงกันนะ ทำไมถึงมีราคาแพงจัง ซึ่งมีค่าเฉลี่ยประมาณ 30-50 ล้านบาท และสูงสุดถึง 400 กว่าล้าน ต้องรวยขนาดไหนถึงจะซื้อได้ มีเงิน 1000 ล้าน ก็ยังไม่กล้าซื้อเลย
ทำไมถึงขึ้นชื่อว่าเป็นรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก?
นัยยะสำคัญของแบรนด์ Rolls Royce คือเป็น Craftsmanship ศิลปะแขนงหนึ่ง เพราะเป็นรถยนต์ที่สั่งทำเพื่อความต้องการของลูกค้าเท่านั้น และใช้ช่างฝีมือประจำแบรนด์ตกแต่งด้วย “Handmade” แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็คือ สีของตัวถังถ้าเกิดลูกค้าได้มีการสั่งทำสีขึ้นมาใหม่ แต่หากมีผู้ที่ต้องการใช้สีเดียวกัน จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของสีซะก่อน นอกจากนี้การตกแต่งภายในยังใช้หนังวัวกระทิงในการทำเบาะ และประดับหลังคารถด้วย “Starlight” ดวงดาวระยิบระยับสวยงามตระการตา โดยที่การผลิตถยนต์ Rolls Royce จะเริ่มขึ้นก็ต่อเมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามาเท่านั้น ทำให้ทุกกระบวนการตั้งแต่ก่อน-หลังขายนั้นมีความ Special และ Premium ในทุกๆขั้นตอน
เจ้าพ่อแห่งการ Customize
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าแบรนด์ Rolls Royce นั้นเป็นรถยนต์ที่สั่งทำเพื่อความต้องการของลูกค้าโดยเฉพาะ ความหมายคือลูกค้าสามารถสั่งปรับแต่งได้ทุกอย่างตามต้องการ หรือที่คุ้นเคยกันก็คือ "Bespoke Collective" เป็นแผนกที่จะทำหน้าที่ปรับเปลี่ยนแล้วแต่ใจลูกค้า ตั้งแต่สี วัสดุ และเบาะหนังก็สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ หนังกระทิง หนังจระเข้ หนังนกกระจอกเทศ รวมถึงสั่งปักชื่อย่อหรือตราประจำตระกูลก็ได้เช่นกัน
มีสีให้เลือกกว่า 44,000 สี
หากคุณเป็นคนที่ชอบความแตกต่าง Rolls Royce คือทางออกของคุณ เพราะเค้ามีสีตัวถังให้เลือกมากถึง 44,000 สี เลือกจนตาลายกันไปข้าง แต่ถ้าหากว่าทั้งหมดนี้ยังไม่ถูกใจคุณ ก็สามารถออกแบบสีใหม่ขึ้นเองได้ตามแต่ใจคุณเลย ซึ่งอย่างที่กล่าวมาสีใหม่นี้จะตั้งชื่อตามคุณและเป็นลิขสิทธิ์เพียงของคุณคนเดียวเท่านั้น ซึ่งหากใครถูกใจอยากได้ไปใช้จะต้องขออนุญาตคุณก่อน เคยมีลูกค้ามหาเศรษฐีรายหนึ่งนำเพชรแท้กว่า 1000 เม็ดมาบดละเอียดและผสมไปกับสีของตัวถัง นอกจากจะเพิ่มความระยิบระยับให้กับตัวรถแล้ว ยังเพิ่มมูลค่าของรถยนต์เข้าไปอีก
Luxury Driving
ภายในห้องโดยสารใช้ฉนวนเก็บเสียงสามารถกันความร้อนได้หนักถึง 300 ปอนด์ เพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกเข้ามายังห้องโดยสาร เชื่อมั่นได้ว่าจะไม่ได้ยินเสียงจากภายนอกเข้ามารบกวนได้ ซึ่ง Rolls Royce จะใช้ยางพิเศษที่ผลิตโดย “Continental” ที่ช่วยลดเสียงรบกวนจากพื้นถนนเวลาขับขี่ โดยยางชนิดนี้จะใช้โฟมชนิดพิเศษเป็นส่วนประกอบ ซึ่งนอกจากเสียงรบกวนที่ลดลงแล้วยังทำให้การขับขี่นุ่มนวลมากขึ้น และที่สำคัญ Rolls Royce จะการปรับตั้งศูนย์ถ่วงล้อให้ตั้งตรงอยู่เสมอ โดยปกติโลโก้บริเวณล้อรถจะหมุนไปตามล้อแต่ของ Rolls Royce จะทำการปรับโลโก้ให้ตั้งตรงเสมอ แม้รถกำลังเคลื่อนตัวหรือล้อจะยังหมุนอยู่ก็ตาม ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้วคุณลักษณะเช่นนี้ยังทำให้การออกตัวสตาร์ทรถทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งของตกแต่งภายในเพิ่มเติม อาทิ ตะกร้าปิคนิค ตู้เก็บไวน์ ตู้แช่วิสกี้ ตู้เซฟเก็บเครื่องเพชร ฯลฯ ในส่วนของหลังคาภายในตัวรถเป็บแบบ “Starlight” ที่ทำจากไฟเบอร์ออปติกถักทอรวมกันหลายพันเส้นเพื่อสร้างกลุ่มดาวให้มีความเสมือนจริงมากที่สุด
Rolls Royce Umbrella
"ร่ม" จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องหน้าแปลกที่ในรถจะมีร่มติดไว้ แต่สำหรับ Rolls Royce มันไม่ใช่แค่มีไว้เท่านั้น เพราะมันมีช่องด้านข้างที่ไว้สำหรับเก็บร่มเท่านั้น และยังสามารถเลือกสีและวัสดุที่เข้ากันกับตัวรถของคุณได้เช่นเดียวกัน ซึ่ง Rolls Royce Umbrella มีราคาประมาณ 50,000 บาท มีขนาด Full Size ที่ทนทานสามารถใช้งานได้จริง
Craftsmanship ศิลปะแขนงหนึ่ง
เป็นที่ทราบกันว่า Rolls Royce จะใช้ช่างฝีมือประจำแบรนด์ตกแต่งด้วย “Handmade” แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีพนักงานคนเดียวในโลกที่สามารถวาดลายเส้นรอบรถยนต์หรือ Coachline เอกลักษณ์พิเศษที่ลูกค้าสามารถเลือกให้วาดลงบนรอบๆ ตัวถังได้ โดยพนักงานท่านนี้มีชื่อว่า Mark Court เขาวาดลายเส้นนี้ด้วยมือเพียงคนเดียว มามากกว่า 3000 คันแล้ว ซึ่งทาง Rolls Royce ได้มีการให้เค้าสานต่อฝีไม้ลายมือนี้ให้กับลูกชายแท้ๆ เพื่อสืบทอดไปยังรุ่นต่อไปอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมี “Spirit of Ecstasy” รูปปั้นสุดคลาสสิกอันเป็นเอกลักษณ์บนกระโปรงรถ Rolls-Royces ที่มีลักษณะเป็นสตรีสวมชุดคลุมพลิ้วไหว เอนตัวไปข้างหน้าราวกับเตรียมจะกระโจนไปตามสายลม ถูกเรียกขานว่า "สตรีผู้โบยบิน" ซึ่งจุดกำเนิดของสัญลักษณ์นี้เริ่มต้นขึ้นในปี 1909 เมื่อ Baron Montagu เศรษฐีผู้หลงใหลในรถยนต์ อยากได้เครื่องประดับหน้ารถจึงได้เชิญ Charles Sykes ประติมากรคนสนิทมาปั้นรูปปั้นให้ โดยที่ Sykes ได้นำเอา Eleanor Thornton หญิงคนรักลับๆ ของ Montagu มาเป็นโมเดลเเละได้ออกมาเป็นท่าหญิงสาวยืนปิดปากอยู่ ที่สื่อว่าความรักของทั้งสองเป็นความลับ ทำให้รูปปั้น Rolls-Royces ในรุ่นแรกจึงมีชื่อว่า “The Whisper” สัญลักษณ์แห่งรักต้องห้ามนั้นเอง เป็นที่มาให้ทาง Rolls-Royces ได้เชิญประติมากรคนนี้ไปสร้างรูปปั้นให้กับเเบรนด์โดยตรง จึงได้ออกมาเป็น “Spirit of Ecstasy” ที่สง่างามจนถึงปัจจุบัน
มีโรงเรียนสอนคนขับรถโดยเฉพาะ
แน่นอนว่าซื้อรถยนต์ราคาระดับ 30-50 ล้าน ไม่ค่อยมีคนขับเองซักเท่าไหร่ ซึ่งทาง Rolls-Royces เองก็ใส่ใจในทุกๆ รายละเอียดแม้กระทั่งเปิดโรงเรียนสอนคนขับรถ ให้รู้จักกับความเป็น Rolls-Royces โดยมีชื่อโปรแกรมว่า "White Glove Programme" ที่สอนตั้งแต่ประวัติความเป็นมา การควบคุมรถยนต์และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ของตัวรถ ไปจนถึงมารยาทและธรรมเนียมปฏิบัติเม่อขับรถให้เจ้านาย เป็นคอร์สอบรม 3 วัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเจ้าของจะส่งคนขับรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปนั่นเอง
นี่เป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งที่โดดเด่นของทางแบรนด์ Rolls-Royces เท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้วยังมีรายละเอียดยิบย่อยอีกมากมายที่ยังไม่ได้นำเสนอ ไว้มีโอกาสจะหาข้อมูลเพิ่มเติมมาให้อีก เพราะแน่นอนว่าผ่านไปหลายยุคสมัยก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากก็น้อย แต่บอกได้เลยว่าสำหรับแบรนด์นี้หาคำว่า "ธรรมดา" ไม่เจอจริงๆ
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น