ตัวแรงล่าสุด ซีดานไฟฟ้า BMW i5 เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมราคา กับสมรรถนะที่เหนือกว่า พร้อมกัน 2 รุ่น eDrive40 M Sport /M60 xDrive
BMW i5
หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ไม่นาน บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ก็ได้จัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะรถไฟฟ้า 100% ในงาน BMW Beyond Electric ครั้งที่สอง นำโดยซีดานหรูรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ และสุดยอดยนตรกรรมไฟฟ้าอีกหลายรุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู i4 eDrive35 M Sport, บีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive40 Sport, บีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport และบีเอ็มดับเบิลยู i7 xDrive60 M Sport โดยการทดสอบสมรรถนะรถยนต์ครั้งนี้จัดขึ้นที่สนามแข่งรถปทุมธานี สปีดเวย์ จังหวัดปทุมธานี เพื่อให้สื่อมวลชนได้เรียนรู้เทคโนโลยีการขับขี่ เทคนิคการขับขี่และการชาร์จไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมได้ทดลองระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ล้ำสมัยในสถานีกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย การทดสอบสมรรถนะรถยนต์ด้วยเทคนิคการขับแบบสลาลม (Slalom) การควบคุมรถขณะเข้าโค้ง (Oversteer) และฝึกการใช้งานระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) และทดสอบประสิทธิภาพระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive และระบบปรับองศาล้อหลังขณะเข้าโค้ง (Integral Active Steering) เพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดสอบประสิทธิภาพของเทคโนโลยีและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มที่
สำหรับงาน BMW Beyond Electric Chapter II จะเปิดให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไปได้ทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยู ‘i’ หลากหลายรุ่น ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ ระหว่างวันที่ 3 ถึง 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 พร้อมเรียนรู้เทคโนโลยีการขับขี่ เทคนิคการขับขี่และการชาร์จไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ การทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าและทดลองระบบช่วยเหลือ แต่ไฮไลท์ในการทดสอบคือ
บีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport
ราคาจำหน่าย: 4,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard
นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)
บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive
ราคาจำหน่าย: 5,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard
นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)
BMW i5 รถซีดานหรูระดับตำนานจากตระกูลซีรีส์ 5 เดินหน้าสู่ยุคแห่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยที่ยังรักษาความลงตัวจากการผสมผสานสมรรถนะสุดสปอร์ตเข้ากับความหรูหราระดับผู้บริหาร
การออกแบบส่วนหน้ารถที่ ยังคงเป็นกระจังหน้าทรงไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยรูปทรงที่ยื่นออกมาเด่นชัดมากขึ้นจากด้านหน้า ล้อมด้วยกรอบที่กว้างกว่าในรุ่นก่อน และตกแต่งด้วยระบบไฟ BMW Iconic Glow บริเวณกรอบ ส่วนไฟหน้าทั้งสองดวง มีหลอด LED จัดเรียงเป็นแถบในแนวตั้งเพื่อทำหน้าที่เป็นทั้งไฟเลี้ยวและไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่ในเวลากลางวัน ส่วนด้านข้างของตัวรถ ดูโฉบเฉี่ยวและทรงพลังด้วยแนวเส้นสายที่สูงเด่น เสริมรายละเอียดด้วยลูกเล่นอย่างสเกิร์ตข้างสีดำ มือจับประตูที่เรียบสนิทไปกับพื้นผิวของประตูรถ และเลข 5 ที่ประดับอยู่บนเสา C พร้อมด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามา ขณะที่ส่วนท้ายรถก็เตะตาไม่แพ้กันด้วยไฟท้ายดีไซน์เรียบหรู
บีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ ทั้งสองรุ่น มาพร้อมกับชุดแต่งสไตล์สปอร์ตที่เติมความเข้มในสไตล์ M แบบรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นสปอยเลอร์หลังดีไซน์ M สีเดียวกับบอดี้ สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport และสปอยเลอร์สีดำเงาแบบ high-gloss สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive เบรกคาลิเปอร์ (สีน้ำเงินเข้ม dark blue metallic สำหรับรุ่น i5 eDrive40 M Sport และสีแดง red high-gloss สำหรับรุ่น i5 M60 xDrive) และพิเศษสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive กับชุดแต่งไฟหน้าสีดำ M Lights Shadow Line ส่วนล้อแม็กมาในสองขนาดและสองสไตล์ ได้แก่ล้ออัลลอย BMW Individual aerodynamic ขนาด 21 นิ้ว สีดำ Jet Black แบบสลับสี สำหรับรุ่น i5 M60 xDrive และล้ออัลลอย M aerodynamic ขนาด 20 นิ้ว สีเทาเข้ม Black Grey แบบสลับสี
ในด้านสมรรถนะ ตัวท็อปอย่างบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive พร้อมมอบความแรงถึงขีดสุดด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพลังงานไฟฟ้า BMW xDrive Electric กับชุดมอเตอร์ที่ให้กำลังขับถึง 442 กิโลวัตต์ / 601 แรงม้า และแรงบิด 795 นิวตันเมตร หรือสูงสุดกว่า 820 นิวตันเมตร เมื่อเปิดใช้งานระบบ M Sport Boost หรือ M Launch Control ทั้งหมดนี้ ทำให้
บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive ทั้งเร็วและแรงเต็มพิกัดในสไตล์ M ด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพียง 3.8 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยพลังจากชุดแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงที่ติดตั้งอยู่ใต้ตัวถังรถ ความจุพลังงานสุทธิ 81.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งทำให้บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive มีระยะการขับขี่ถึง 455-516 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 466 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC
ส่วนในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport ก็แรงไม่น้อยด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ให้พละกำลัง 250 กิโลวัตต์ / 340 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร และสามารถส่งแรงบิดได้สูงสุดถึง 430 นิวตันเมตรเมื่อเปิดใช้งานระบบ Sport Boost หรือ Launch Control และแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงชุดเดียวกับรุ่น i5 M60 xDrive จึงมอบอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 6 วินาที และมีระยะการขับขี่อยู่ที่ 497-582 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 501 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC
บีเอ็มดับเบิลยู i5 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จไฟฟ้าที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพสูงสุด ด้วยหัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC กำลังไฟ 22 กิโลวัตต์ และการชาร์จแบบไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุดที่ 205 กิโลวัตต์ จะช่วยให้เจ้าของสามารถชาร์จไฟให้แก่แบตเตอรี่บีเอ็มดับเบิลยู i5 จาก 10% ถึง 80% ภายในเวลาเพียง 30 นาที
ยานยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i5 พลังงานไฟฟ้ายังคงรักษาสมดุลระหว่างความสปอร์ตสุดเร้าใจและความสะดวกสบายสำหรับทุกการเดินทางไว้ เช่นเดียวกับซีรีส์ 5 รุ่นก่อน ๆ ด้วยความกว้างของตัวรถที่มากขึ้น การกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่แทบจะสมบูรณ์แบบที่อัตราส่วน 50:50 และโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งในทุกส่วน ส่วนช่วงล่างของบีเอ็มดับเบิลยู i5 ทั้งสองรุ่น มาพร้อมกับระบบ Adaptive Suspension Professional ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมด้วยระบบปรับองศาล้อหลังขณะเข้าโค้ง (Integral Active Steering)
ความสปอร์ตในสไตล์ M ยังเห็นได้เด่นชัดในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ ด้วยพวงมาลัยหนังสไตล์ M ตกแต่งด้วย CraftedClarity ที่ทำจากแก้วคริสตัล และเบาะนั่งด้านหน้าแบบ Comfort พร้อมระบบปรับด้วยไฟฟ้า ขณะที่ระบบไฟส่องสว่างทั้งภายในและภายนอกห้องโดยสาร ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารที่เบาะหลัง และชุดอุปกรณ์ Travel & Comfort ก็เสริมความหรูหราและสะดวกสบายให้ทุกการเดินทาง โดยห้องโดยสารด้านในของบีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport จะมาพร้อมกับสี Dark Silver M ประดับด้วยขอบ Aluminium Rhombicle ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive จะมาพร้อมสี Dark Silver M accent ที่ผสมผสานเข้ากับวัสดุ Carbon Fibre และขอบสีเงิน high-gloss silver นอกจากนี้ ทั้งคนขับ ผู้โดยสารด้านหน้า และผู้โดยสารที่เบาะหลังทั้ง 2 ด้าน ยังจะได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยระบบการปรับอุณหภูมิ ความแรงลม และการระบายอากาศแบบแยกโซน รวมไปถึงระบบการตั้งโปรแกรมเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 5 ระดับ เซ็นเซอร์แสงอาทิตย์ที่ด้านหลัง และระบบกรองฝุ่นละอองระดับนาโนพาร์ทิเคิล (nano particulate filters) พร้อมจะส่งมอบทั้งประสบการณ์การใช้งานอันแสนจะง่ายไปพร้อมกับสภาพอากาศที่บริสุทธิ์ตลอดระยะเวลาการเดินทาง
สำหรับที่นั่งคนขับด้านหน้า ยังคงมุ่งเน้นไปที่ความสบายและมั่นใจของผู้ขับขี่ ด้วยระบบหน้าจอโค้ง BMW Curved Display ที่แบ่งออกเป็นจอ Information Display ขนาด 12.3 นิ้ว และจอแสดงระบบควบคุม Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว บนระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ QuickSelect ทำให้ผู้ขับขี่บีเอ็มดับเบิลยู i5 สามารถใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ผ่านไอคอนที่จัดเรียงมาในรูปแบบแถวแนวตั้งด้านข้างคนขับ ช่วยลดระยะเวลาในการใช้งานเมนูย่อยก่อนการเปิดใช้ฟีเจอร์นั้น ๆ นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลแบบโค้ง BMW Curved Display ยังทำงานควบคู่ไปกับระบบ BMW iDrive เพื่อส่งมอบการควบคุมที่ง่ายดายผ่านระบบหน้าจอสัมผัส ปุ่มคำสั่งบนพวงมาลัย และอุปกรณ์ควบคุม BMW iDrive Controller ที่บริเวณกลางคอนโซล นอกจากนี้ แพ็คเกจ BMW Live Cockpit Professional ยังมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล BMW Head-Up Display และมุมมองแบบ Augmented View ซึ่งผู้ขับขี่สามารถใช้งานเป็นหน้าจอสำหรับควบคุมการใช้งานด้านต่าง ๆ หรือจะใช้เป็นเป็นหน้าจอเสริมแบบ instrument cluster ก็ได้
อีกหนึ่งฟีเจอร์ไฮไลท์ภายในห้องโดยสารก็คือแถบ BMW Interaction Bar ที่ประดับด้วยขอบคริสตัลที่ครอบคลุมทั้งแถบไปจนถึงบานประตู ให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้งานได้ผ่านหน้าจอสัมผัส ทั้งยังส่งมอบบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่สามารถปรับแต่งได้ถึง 6 แบบตามรสนิยมเจ้าของ ได้แก่ Personal, Efficient, Sport และ Sport+, Expressive และ Relax
นอกเหนือไปจากระบบการควบคุมที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นอย่างดีและที่สุดของความสะดวกสบายด้านการใช้งาน บีเอ็มดับเบิลยู i5 ยังมุ่งส่งมอบประสบการณ์ด้านความบันเทิงที่เหนือชั้นให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive ใช้ระบบเสียงรอบทิศทางจากแบรนด์ระดับโลก Bowers & Wilkins ซึ่งถือเป็นการปราฏตัวครั้งแรกบนบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 เพื่อมอบสุนทรียะทางเสียงให้แก่ผู้ใช้จากลำโพงทั้งหมด 17 ตัว มีกำลังขับรวมถึง 655 วัตต์ ตัวปรับรูปแบบเสียง 7 แบนด์ และลำโพงสำหรับมอบเสียงเบสโดยเฉพาะที่ติดตั้งไว้ภายใต้ขอบโลหะบริเวณประตูรถ ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive สามารถมอบขุมพลังและความยืดหยุ่นทางเสียงให้คุณได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport พร้อมส่งมอบความบันเทิงอย่างเต็มที่ ด้วยระบบเสียง hi-fi จากแบรนด์ Harman Kardon ที่ใช้ลำโพงถึง 12 ตัวและแอมป์ดิจิตอล มีกำลังขับรวม 205 วัตต์ รวมทั้งยังสามารถปรับแต่งรูปแบบเสียงได้ตามต้องการ
นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 ของบีเอ็มดับเบิลยู i5 ยังร่วมส่งมอบความสนุกไปอีกขั้นด้วยการให้ผู้ใช้เข้าถึงคอนเทนท์ดิจิทัลได้หลากหลายรูปแบบยิ่งกว่าทุกครั้ง ครอบคลุมทั้งข้อมูลสำคัญและเนื้อหาด้านความบันเทิง รวมทั้งยังมีการอัพเดทที่รวดเร็วฉับไวยิ่งกว่าเดิม โดยหนึ่งในไฮไลท์สำคัญก็คือแพลตฟอร์ม AirConsole ที่ให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถเล่นเกมได้อย่างสนุกสนาน ในขณะที่ยานพาหนะจอดอยู่กับที่เพื่อให้ทุกคนยังสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ด้านความบันเทิงแม้ในขณะที่กำลังจอดชาร์จรถก็ตาม
ในขณะขับขี่บนท้องถนน บีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ มาพร้อมกับระบบ Driving Assistant Professional ที่รวมทั้งระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยและการเปลี่ยนเลน (Steering and Lane Change Assist) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (Active Cruise Control with Stop & Go function) ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กิโลเมตร/
การทดสอบ
ได้ทดสอบ ณ สนามสทุปสปีดเวย์ เป็นสนามเล็กๆเพื่อให้เห็นประสิทธิภาพของตัวรถได้เล็กน้อย สำหรับการทดสอบเน้นกับ i5 ใหม่ซึ่งความแตกต่างของทั้งสองรุ่นชัดเจนแน่นอน เปิดหัวด้วยรุ่นเล็กกับ i5 eDrive40 M Sport ซึ่งเป็นมอเตอร์เดียวแรงม้ามีพอประมาณ ภายนอกที่หลายคนอาจจะชอบบางคนก็รู้สึกว่าไม่สวย นานาจิตตังความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆสำหรับทีมงานคือสวยในแบบรถไฟฟ้าที่ดูมีความล้ำสมัยแบบรถอนาคต ซึ่งแตกต่างจาก ซีรีย์5 เดิมอย่างชัดเจน
ภายในห้องโดยสารก็เป็นแบบรถไฟฟ้ายุคใหม่เช่นเดียวกัน มีความล้ำสมัยประกอบกับระบบปฎิบัติการใหม่ os 8.5 ที่ใช้งานได้ง่ายขึ้นทำให้การใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น สำหรับการขับขี่เริ่มต้นกับ eDrive40 M Sport กดคันเร่งออกตัวเข้าโค้งต่างๆทุกอย่างตอบสนองดีแบบรถไฟฟ้าทั่งไปแต่จุดที่โดดเด่นคือ การเข้าโค้งทรงตัวดีด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำทำให้การขับขี่ในแต่ละโค้งง่าย
ครบหนึ่งรอบเปลี่ยนรถเป็นรุ่น M60 xDrive การตกแต่งต่างกันเล็กน้อยกดคันเร่งอืมมมมม นี้คือรถที่สาย M ต้องการออกตัวเหมือนโดนถีบออกทุกครั้ง ทดสอบเปลี่ยนโหมดเป็น sport ช่วงล่างแข็งขึ้นทำให้การเข้าโค้งดีขึ้นแต่ด้วยน้ำหนักตัวที่เยอะก็จะมีอาการเหวี่ยงอยู่บ้างแต่เมื่อกดคันเร่งออกจากโค้งทุกอย่างตอนสนองอย่างรวดเร็วจนทำให้ต้องคอยระวังในการขับขี่ วนมาทดสอบ 0-100 ในโหมดsport เหยียบเบรคสุดกดคันเร่งสุด และเมื่อปล่อยเบรครถออกตัวอย่างรวดเร็วภายใน 3.8 วินาที อย่างง่ายดายจะทำกี่ครั้งก็เท่าเดิม
สรุป
เรียกว่าสมรรถนะกับความเร่งนั้นไม่ต้องสงสัย ถ้าเทียบกับ M แท้ๆเครื่องยนต์สันดาปก็ต้องบอกว่า M60 xDrive แรงกว่าในช่วงออกตัวแต่สิ่งที่ขาดหายไปเพียงอย่างเดียวคือ เสียงที่ดังโวยวายเพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่านี้คือ M หายไป
ถ้ามองในเรื่องราคาก็ต้องบอกว่าราคาดีสำหรับผู้ที่ต้องการรถแรงแบบ M ในราคาที่ไม่แพงมากเพราะโดยปกติรถตระกูล M นั้นต้องมีค่าตัวเริ่มต้นก็เกือบจะ10ล้านกันแล้วแต่คันนี้ยังไม่ถึง 6 ล้านแต่ความแรงนั้นเพียงพอแล้วก็ถือว่าทำราคาออกมาได้ดี
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ความคิดเห็น