เมื่อเร็วๆนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดเวทีเสวนา "EV & Beyond by GWM" ครั้งที่ 2 ฉายภาพอนาคตยานยนต์ไฟฟ้าไทย เผยความสำเร็จในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่ไทยต้องศึกษา ผลักดันโครงสร้างพื้นฐานรองรับเพิ่ม สนองความต้องการใช้ในไทย
เสวนา EV & Beyond by GWM
เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้าจัดงานเสวนา “EV & Beyond by GWM” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ในหัวข้อ “Be Ready For The Future Of EV จับตาอนาคต EV ไทย…มีหวังแค่ไหน” ร่วมกับ THE STANDARD WEALTH ฉายภาพแนวโน้มการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ตอกย้ำความพร้อมเดินหน้าไปสู่เป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ
ภาพรวมการเติบโตยานยนต์ไฟฟ้าโลก-ไทย
จากข้อมูลการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลกเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์สันดาปภายในช่วงระหว่างปี 2560 และ 2565 ในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคล จะเห็นได้ว่า ในปี 2560 มีรถยนต์ไฟฟ้า 1.2 ล้านคัน และ รถยนต์สันดาปภายใน 85.09 ล้านคัน หรือคิดเป็นสัดส่วนในจำนวนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 70 คันจะมีรถยนต์ไฟฟ้า 1 คัน แต่ในปี 2565 พบว่า มีการขายรถยนต์สันดาปภายในลดลงเหลือเพียง 63.2 ล้านคัน ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้ามียอดขายสูงถึง 10.6 ล้านคัน
ซึ่งถือเป็นปีแรกที่มียอดขายเกินกว่า 10 ล้านคัน คิดเป็นสัดส่วน 1:7 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่ก้าวกระโดดในระยะเวลาเพียง 5 ปี โดยประเทศที่น่าจับตามองมากที่สุดคือ ประเทศจีนที่มีสัดส่วนการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าที่ค่อนข้างหนาแน่น คือ 1:4 หรือทุก ๆ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล 4 คันจะมีรถยนต์ไฟฟ้า 1 คัน นอกจากนี้ปัจจุบันยังมีสัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งโลกประมาณ 18 % ซึ่งคาดว่าในปี 2573 จะมีสัดส่วนมากถึง 60 – 85%
การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ตั้งแต่เดือนมกราคม - กันยายนของปีนี้ ประเทศไทยได้มีการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ทุกประเภทไปแล้วมากถึง 67,933 คัน เป็นรถยนต์ไฟฟ้านั่งส่วนบุคคลสูงถึง 50,344 คัน รวมถึงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 พบว่าในไทยมีการยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 400%
ถอดบทเรียนความสำเร็จจากจีน
จากภาพรวมการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก ประเทศจีนถือเป็นประเทศหลักของการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในโลก โดยสามารถถอดบทเรียนความสำเร็จของประเทศจีน ผ่านกลยุทธ์ Push และ Pull พบว่ามี 3 ปัจจัยด้วยกันที่ผลักดันให้อัตราการใช้รถยนต์ไฟฟ้าขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย
- การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการใช้งาน รวมถึงการวางแผนเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าที่ครอบคลุม
- การออกนโยบายส่งเสริมที่แข็งแกร่งของภาครัฐจากระดับท้องถิ่นสู่ระดับประเทศและความพร้อมในการสนับสนุนจากภาคเอกชน และการวาง Roadmap ที่ชัดเจนเพื่อสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
- การสนับสนุนการยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่
สำหรับนโยบายของภาครัฐ จีนมีแผนการพัฒนาชาติอย่างชัดเจน โดยกำหนดให้ภายในปี 2030 รถยนต์ที่ขายจะต้องมีสัดส่วนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 40% และมีการออกนโยบายทั้งแบบ tax และ non-tax ไม่ว่าจะเป็น การลดค่าจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ การให้เงินสนับสนุนในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า การให้สิทธิพิเศษแก่รถยนต์ไฟฟ้าด้านการกำหนดวันและเวลาของการวิ่ง เรื่องที่จอดพิเศษ ฯลฯ
นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังเปิดให้ผู้เล่นต่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญและความสามารถอย่าง Tesla เข้ามาลงทุนในประเทศ ซึ่งสร้างความตื่นตัวให้กับผู้เล่นในตลาด เกิดเป็นการแข่งขันอย่างสร้างสรรค์นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมยานยนต์
สัดส่วนสถานีชาร์จจีน รถ 7 คัน 1 หัวจ่าย
ปัจจุบันประเทศไทยมีหัวจ่ายสาธารณะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารวมการชาร์จทั้งแบบ DC และ AC มากกว่า 4,000 หัวจ่าย จากทั้งหมดกว่า 1,400 สถานีทั่วประเทศ โดยเมื่อเทียบเป็นสัดส่วนกับของโลกจะเห็นได้ว่า ปริมาณหัวจ่าย DC สาธารณะตามค่าเฉลี่ยทั่วโลกนั้นอยู่ที่ 15-16 คัน ต่อ 1 หัวจ่ายสาธารณะ ในขณะที่ประเทศไทยอยู่ที่ 20 คัน ต่อ 1 หัวจ่ายสาธารณะ แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเติบโตรวดเร็วกว่าสถานีชาร์จ โดยเมื่อเทียบกับตลาดสำคัญอย่างประเทศจีนพบว่า อยู่ที่ 7 คัน ต่อ 1 หัวจ่าย ดังนั้น การสนับสนุนการขยายโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟฟ้าจากภาครัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพื่อให้มีการขยายสถานีเครือข่ายที่ครอบคลุมการใช้งานจึงมีความสำคัญ
ขณะที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เดินหน้าตามแผนการขยายสถานีชาร์จให้เพียงพอต่อความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในไทย โดยมีสถานีอัดประจุไฟฟ้า G-Charge Supercharging Station ใจกลางเมืองย่านสยามสแควร์ที่ชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุดถึง 160 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่ง G-Charge Supercharging Station แห่งนี้ ถือเป็นสถานีอัดประจุไฟฟ้าขนาดใหญ่แห่งแรกในประเทศไทยของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ GWM Partner Store ไปแล้ว 22 แห่ง ซึ่งเป็นสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบเร็ว (DC Fast Charge) และในปีนี้ GWM วางแผนขยายสถานี DC Fast Charge เป็นทั้งสิ้น 55 แห่งครอบคลุมในทุกภูมิภาคของไทย พร้อมให้บริการผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกแบรนด์ เพื่อยกระดับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในไทยให้มีความพร้อมและตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภคในอนาคต
ความท้าทายของไทย
การที่นโยบายและโครงสร้างพื้นฐานจะต้องเติบโตตามทันความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อปรับใช้และรองรับให้เหมาะสมกับการใช้งานที่ครอบคลุม ทั้งมาตรการส่งเสริมการใช้ มาตราการส่งเสริมการผลิต และมาตรการการขยายสถานีชาร์จ เพื่อให้พัฒนาไปพร้อม ๆ กัน
จากมุมมองผู้ผลิต เกรท วอลล์ มอเตอร์ เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้า แต่ยังคงมีความท้าทายอยู่ โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลัก ๆ ดังนี้
- ด้าน Localization การผลิตภายใต้นโยบายการส่งเสริมการลงทุนนั้น ต้องใช้วัตถุดิบภายในประเทศ (Local Content) อย่างต่ำ 40% ซึ่งปัจจุบันซัพพลายเชนในประเทศยังเป็นการผลิตรถยนต์สันดาปภายในอยู่ ซึ่งทำให้การหาซัพพลายเออร์และชิ้นส่วนให้ได้ 40% นั้นถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะแบตเตอรี่ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของรถไฟฟ้า เกรท วอลล์ มอเตอร์ จึงได้นำ SVOLT เข้ามาเปิดโรงงานผลิตในประเทศไทยเพื่อเพิ่มสายพานการผลิตแบตเตอรี่ให้กับการผลิตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ ORA รองรับความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด
- ความท้าทายของจำนวนการผลิตและการขาย โดย OEM ที่เข้านโยบายการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐจะต้องผลิตรถยนต์ให้ได้ 1.5, 2, และ 3 เท่าของจำนวน CBU ที่ได้ขายไป ซึ่งในปัจจุบันได้เริ่มเห็นการทำสงครามราคาแล้ว รวมถึงยังมีค่ายใหม่ ๆ ที่จะมีเข้ามาอีกในปีหน้า ซึ่งถือเป็นความท้าทายในการบริหารเรื่องการขายและสต็อกในการผลิต ยิ่งไปกว่านั้น จะสามารถทำให้ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยและในภูมิภาคเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สัมพันธ์กับอุปทานในการผลิตได้อย่างไร
- ด้านนโยบายของภาครัฐในการสนับสนุนการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งต้องมีความต่อเนื่อง ชัดเจน และเป็นรูปธรรมเพื่อกระตุ้นให้เกิดอุปสงค์การใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงมาตรการการส่งเสริมการลงทุนที่ต้องดึงดูดใจและช่วยเหลือในระยะยาว
ด้านณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ได้เผยมุมมองของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ต่ออนาคตยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ เล็งเห็นถึงศักยภาพของตลาดยานยนต์ในประเทศไทยนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เราเข้ามาสู่ตลาดแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2564 โดยเรามุ่งหน้าดำเนินงานด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ Mission 9 in 3 การเปิดตัวยานยนต์คุณภาพภายใน 3 ปี การรับฟังเสียงของผู้บริโภค รวมถึงการมุ่งหน้าส่งมอบสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า เรามั่นใจว่าประเทศไทยจะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียนและระดับโลกได้อย่างแน่นอน”
บทความที่น่าสนใจ
- ภาษีรถยนต์ไฟฟ้า 2566 ต้องจ่ายปีละเท่าไร
- อบรมต่อใบขับขี่ ออนไลน์ ทำยังไงบ้าง (อัปเดตล่าสุด)
- ต่อใบขับขี่ ไม่ต้องจองได้ไหม ใช้เวลาเท่าไร
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น