รถยนต์ของคุณมีอายุการใช้งานครบ 7 ปี แล้วหรือยัง ? ซึ่งเหตุผลที่เรากล่าวขึ้นมาแบบนี้ก็เพราะว่า...อายุรถยนต์ที่ใช้งานครบ 7 ปี จำเป็นที่จะต้องนำรถยนต์ไปตรวจสภาพก่อนต่อภาษีประจำปี ทั้งนี้เพื่อเป็นการยืนยันว่ารถยนต์ของคุณพร้อมใช้งาน แต่จะไปตรวจสภาพรถยนต์ที่ไหน ? และต้องเตรียมข้อมูลหรือเอกสารอะไรบ้าง ? วันนี้เราก็ได้รวบรวมข้อมูลที่คุณต้องรู้ สำหรับการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนต่อภาษีที่ ตรอ. ใกล้บ้านมาฝาก ซึ่งรับรองเลยว่าบทความนี้จะช่วยทำให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับการตรวจสภาพรถยนต์และจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วนอย่างแน่นอน
ตรอ. คืออะไร ?
หลาย ๆ คน ยังคงสงสัยอยู่ว่า ตรอ. คืออะไร ? ทำไมต้องนำรถยนต์ไปตรวจสภาพที่ ตรอ. ด้วย ? โดยความหมายของ ตรอ. ก็คือ “สถานตรวจสภาพรถเอกชน” ซึ่งถือได้ว่าเป็นหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตจากกรมขนส่งทางบก ว่าให้เป็นสถานที่ตรวจสภาพรถยนต์เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์และความพร้อมของรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป เพื่อการทดสอบประสิทธิภาพของรถในด้านต่าง ๆ ว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานและปลอดภัยหรือไม่ ? หากรถผ่านการตรวจสภาพจะได้รับใบตรวจสภาพรถยนต์เพื่อนำไปต่อภาษีประจำปี แต่ถ้ารถไม่ผ่านการตรวจสภาพจะต้องทำการแก้ไขหรือซ่อมแซมส่วนที่บกพร่องก่อนนำรถมาตรวจสภาพใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้การตรวจสภาพรถที่ ตรอ.จะช่วยทำให้ผู้คนประหยัดเวลาและได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ในกรณีที่ไม่สะดวกเดินทางไปที่กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่ง
ตรอ. อยู่ที่ไหน ?
ตรอ. หรือ สถานตรวจสภาพรถเอกชน จะตั้งอยู่ทั่วประเทศไทย โดยคุณสามารถค้นหารายชื่อและที่อยู่ของ ตรอ. ได้ทางเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก นอกจากนี้คุณยังสามารถค้นหา ตรอ. ใกล้บ้านได้ผ่านแอปพลิเคชัน "DLT Smart Queue" ของกรมการขนส่งทางบกได้อีกด้วย ซึ่งภายในแอปพลิเคชันจะแสดงรายชื่อและที่อยู่ของ ตรอ. ใกล้บ้าน, เวลาเปิด-ปิดทำการ และข้อมูลการจองคิวเพื่อตรวจสภาพรถล่วงหน้า ทั้งนี้ควรนำรถเข้าตรวจสภาพก่อนวันหมดอายุภาษีประจำปีอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อเผื่อเวลาในการแก้ไขหรือซ่อมแซมในส่วนที่เกิดการชำรุด
เอกสารที่ต้องใช้ในการตรวจสภาพรถยนต์ที่ ตรอ.
- ตัวรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ที่จะนำไปตรวจสภาพกับ ตรอ.
- สมุดเล่มทะเบียนรถหรือใช้สำเนาทะเบียนรถก็ได้เช่นกัน
ตรอ. ตรวจเช็คอะไรบ้าง ?
สำหรับใครที่ยังไม่เคยนำรถเข้าไปตรวจสภาพกับ ตรอ. เพื่อต่อภาษีประจำปี คุณก็คงจะกำลังสงสัยอยู่ว่า เช็คลิสต์ที่ทาง ตรอ.จะทำการตรวจนั้นจะมีอะไรบ้าง ? โดยเราได้สรุปออกมาเป็นข้อ ๆ ดังนี้
- ตรวจสอบความถูกต้องข้อมูลของรถ : อาทิ แผ่นป้ายทะเบียนรถ ลักษณะรถ หมายเลขตัวรถ เลขเครื่องยนต์ ฯลฯ
- ตรวจสอบระบบภายในรถ : อาทิ ระบบบังคับเลี้ยว ระบบรองรับน้ำหนัก ระบบเบรกรถ ระบบเชื้อเพลิง ฯลฯ
- ตรวจสภาพตัวรถ : อาทิ ตัวถัง สี อุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัย อุปกรณ์ไฟฟ้า พวงมาลัย ที่ปัดน้ำฝน ฯลฯ
- ทดสอบประสิทธิภาพการเบรก : โดยจะตรวจสอบอุปกรณ์ทุกชิ้นว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ ?
- การตรวจวัดเสียงรถ : โดยความดังจะต้องไม่เกิน 100 เดซิเบล
- ตรวจสอบวัดโคมไฟหน้า : โดยดูจากทิศทางการเบี่ยงเบนของแสง และ วัดค่าความเข้มของแสง
- ตรวจสอบวัดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และก๊าซไฮโดรคาร์บอน (HC) (ของรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง)
- สำหรับรถยนต์เครื่องดีเซล : จำเป็นที่จะต้องตรวจควันดำ โดยระบบการกรองต้องไม่เกินร้อยละ 50 และระบบความทึบแสงต้องไม่เกินร้อยละ 45
อายุรถกี่ปีถึงต้องทำการตรวจสภาพรถก่อนต่อภาษี ?
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน ที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป
- รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป
- รถจักรยานยนต์ ที่มีอายุการใช้งานครบ 5 ปีขึ้นไป
(วิธีการนับอายุรถ โดยให้นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรกจนถึงวันที่สิ้นอายุภาษีประจำปี (วันครบกำหนดเสียภาษีประจำปี) ซึ่งในการนำรถไปตรวจสภาพที่ ตรอ. สามารถตรวจล่วงหน้าได้ ไม่เกิน 3 เดือนก่อนวันหมดอายุภาษีประจำปี)
ค่าใช้จ่ายสำหรับการตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ใกล้บ้าน
สำหรับค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพรถ จะถูกแบ่งออกตามประเภทรถดังนี้
- รถจักรยานยนต์ คันละ 60 บาท
- รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 160 บาท
- รถยนต์ที่มีน้ำหนักเปล่าเกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 250 บาท
หากการตรวจสภาพรถยนต์กับทาง ตรอ. ไม่ผ่าน จะต้องทำยังไง ?
ในกรณีที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสภาพรถกับทาง ตรอ. คุณก็ไม่ต้องเป็นกังวลใจไป เพราะทาง ตรอ. จะแจ้งจุดบกพร่องที่เป็นสาเหตุทำให้รถไม่ผ่านการตรวจสอบมาให้คุณทราบ เพื่อที่จะได้นำรถไปทำการซ่อมแซม ซึ่งเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คุณนำรถมาตรวจสภาพใหม่อีกครั้ง(ภายใน 15 วัน) โดยจะต้องเป็น ตรอ.ที่เดิม พร้อมกับทาง ตรอ.จะคิดค่าบริการเพียงแค่ครึ่งเดียวจากประเภทรถของคุณ
รู้หรือไม่ ? รถแบบไหนที่ไม่ผ่านการตรวจสภาพรถกับทาง ตรอ.
- รถที่มีการดัดแปลงสภาพ : คือรถที่ไม่เหมือนตอนที่จดทะเบียนเอาไว้
- รถที่มีการเปลี่ยนสีตัวถัง เปลี่ยนแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง จนไม่เหมือนรายละเอียดที่ระบุเอาไว้ในคู่มือทะเบียนรถ
- รถที่ไม่แสดงเลขตัวรถหรือเลขเครื่องยนต์ : โดยมีการขูด ขีดหรือแก้ไข จนไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้
- รถที่มีเลขทะเบียนรุ่นเก่า : อาทิ กท-00001, กทจ-0001 ซึ่งจะต้องทำการเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่
- รถที่เคยสูญหายหรือโดนโจรกรรมแล้วได้คืน
- รถที่ขาดต่อทะเบียนเกิน 1 ปี
- ภาษีรถขาด : เพราะตรวจสภาพรถยนต์ไม่ผ่าน
ทั้งนี้หากรถของคุณอยู่ในรูปแบบตามข้อมูลข้างต้น คุณสามารถนำรถไปตรวจสภาพกับทางกรมการขนส่งทางบกแทนได้
จากรายละเอียดทั้งหมดที่เราได้กล่าวไป คุณก็คงจะรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่าจะต้องจัดเตรียมเอกสารอะไรบ้าง สำหรับการนำรถยนต์ไปตรวจสภาพที่ ตรอ. ใกล้บ้าน ทั้งนี้การตรวจสภาพรถยนต์ไม่ได้มีผลต่อการต่อภาษีประจำปีเพียงอย่างเดียว แต่การตรวจสภาพรถยนต์ยังจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์ เพราะคุณอย่าลืมว่าการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไม่ได้เกิดขึ้นจากแค่การเฉี่ยวชน แต่ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากตัวรถยนต์ที่เกิดการขัดข้องแบบกะทันหัน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ดับกลางถนน ระบบเบรกมีปัญหา หม้อน้ำระเบิด เป็นต้น ดังนั้นเมื่อรถยนต์ของคุณมีอายุการใช้งานครบ 7 ปี ขึ้นไป คุณก็สามารถนำรถยนต์ไปตรวจสภาพได้ที่ ตรอ. ใกล้บ้านหรือใกล้คอนโดได้เลย
และสำหรับใครที่กำลังมองหาโครงการคอนโดเพื่อเช่า/ซื้อ คุณก็สามารถเข้าไปเลือกชมโครงการคอนโดทำเลสวยกว่า 4,000 โครงการ ทั่วประเทศได้ที่ Propertyhub เว็บไซต์ที่ผู้คนไว้ใจในการเลือกหาคอนโด
A Journey to Discover your Next Dream Condo. คอนโดทุกโครงการที่คุณตามหาอยู่ที่นี่ Propertyhub
ความคิดเห็น