ขึ้นชื่อว่าฟอร์ด ขับสนุก สมรรถนะดี แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนกังวลคืออัตราการกินน้ำมันที่มากกว่า วันนี้เราจะมาลองขับทางไกลกันครับ เพื่อดูว่าอัตราการกินน้ำมันจะเท่าไร
วันนี้ผมได้เอา Ford Ranger รุ่น Sport มารีวิว โดยครั้งนี้จะเป็นการทำชาเลนจ์เดินทางไกล เพื่อทดสอบอัตราการประหยัดน้ำมัน ว่าจะได้เท่าไหร่ ประหยัดแค่ไหน โดยระยะทางที่ จะใช้ทดสอบในครั้งนี้ จาก กทม-หาดใหญ่ ระยะทางโดยรวมประมาณ 1000 กม.
สำหรับการเดินทางของผม จะใช้ช่วงเวลากลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงรถติด ระยะเวลาในการเดินทางโดยประมาณ 14 ชม. เริ่มออกเดินจาก กรุงเทพ ราวๆ 3 ทุ่ม ในการขับขี่ครั้งนี้ ผมใช้ความเร็วปกติ ไม่เกิน 120 กม/ชม.
อย่างแรกที่ผมชอบมากคือตัวรถที่ยกสูงพร้อมลุย อีกทั้งยังทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นกว้างมากขึ้น ในส่วนของ Ford Ranger Sport ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี. เทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 170 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 405 นิวตัน-เมตร / 1,750-2,500 รอบต่อนาที
ส่วนตัวผมอัตราเร่งของเครื่องยนต์ตัวนี้ ผมมีความรู้สึกว่ามีความหน่วงอยู่นิดหน่อยเหมือนกับว่าต้องรอรอบเครื่อง ทำให้เวลาเร่งแซงหรือเวลาจะทำความเร็วอาจจะมีความหน่วงเล็กน้อย แต่โดยรวมของเครื่องยนต์ตัวนี้ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว
ในส่วนของช่วงล่าง เป็น โช็คอัพแบบโมโนทูป ส่วนตัวผมมองว่าดีมากสามารถลุยได้ทุกพื้นผิวถนน ขับกลางคืนตกหลุมก็แทบจะไม่รู้สึก การเปลี่ยนเลนถนน ถือว่าทำได้ดี ไม่มีการโยนของตัวรถ ถือว่าช่วงล่างที่ปรับมาใหม่ดีมากๆ
ในส่วนของไฟหน้า เป็นแบบ LED ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED รูป C-Clamp ซึ่งต้องบอกเลยว่าสว่างมาก ขับรถกลางคืนปลอดภัยหายห่วง มีเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ ยกไฟสูงต่ำ อัตโนมัติ ไฟท้ายก็เป็น LED ทำให้คันหลังสามารถมองเห็นรถของเราชัดมากขึ้น เรื่องการเก็บเสียงหากวิ่งไม่เกิน 120 กม/ชม. ถือว่าการเก็บเสียงทำได้ดี
และ หัวใจสำคัญเลยในการทำชาเลนจ์ในครั้งนี้ ก็คือการลองใช้ระบบต่างๆของตัวรถ ที่ผมได้ใช้ในการขับขี่ คือ ระบบ Cruise Control หรือที่เรียกว่าระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในการควบคุมความเร็ว เพื่อลดความเมื่อยล้า โดย ความเร็วที่ผมตั้งไว้คือ 120 กม/ชม ต้องบอกว่าการทำงานของเจ้าระบบ Cruise Control นี้จะล็อกความเร็วของรถไว้ให้คงที่ ความเร็วเท่าเดิมตามที่เราตั้งไว้ เพื่อให้คนขับไม่ต้องเหยียบคันเร่งค้างไว้ ทำให้ลดความเมื่อยล้าได้อีกด้วย ระบบ Cruise Control ยังมีข้อดีอีกหนึ่งข้อคือสามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้ด้วยเช่นกัน เพราะเครื่องยนต์จะสั่งจ่ายน้ำมันได้แบบคงที่ตลอดนั่นเอง
อีกทั้งยังมี Lane Keeping Assist (ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน) หากเปลี่ยนเลนโดยไม่ตั้งใจระบบจะทำการดึงพวงมาลัยกลับมาให้อยู่ในเลนทำให้เพิ่มความมั่นใจในการขับรถได้ดี และ ด้วยความที่รถมีขนาดใหญ่ เขาก็ยังมี Blind Spot มาให้เพื่อช่วยเหลือเราขณะขับรถ หลักๆระบบที่ผมใช้ในการขับรถก็จะมีประมาณนี้
สำหรับการใช้งานอื่นๆที่ตัวผมรู้สึกว่าชอบแล้วก็ดี เช่น หน้าจอกลางขนาด 10.1 นิ้ว ที่สามารถต่อ AppleCarplay Android Auto แบบไร้สาย ทำให้เปิดดูแผนที่ชัดเจน
กล้องมองหลังที่มีความชัดโชว์บนจอกลางถอยหลังเข้าซองแคบ ๆหายห่วง
บันไดข้างที่สามารถใช้ได้จริง,ฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift ช่วยให้การเปิด-ปิดฝาท้ายกระบะ เบาและง่ายมากขึ้น
โดยสรุปแล้ว Ford Ranger Sport ผมถือว่าเป็นรถกระบะ ที่ตอบโจทย์ของคนที่ชอบความเท่ ดุดัน ลุยก็ได้ หรือ จะขับทางไกลก็ดี จากการที่ผมได้ขับมาระยะทางเกือบ 1000 กม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ที่ผมได้ก็คือ 13.9 กม/ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีกับรถกระบะเครื่องยนต์ดีเซล
ความคิดเห็น