Honda City HATCHBACK Minorchange ออฟชั่นจัดเต็ม เด่นประหยัด Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

Honda City HATCHBACK Minorchange ออฟชั่นจัดเต็ม เด่นประหยัด

วรัญญู ยอดพรหม
โพสต์เมื่อ 15 February 2567

Honda City HATCHBACK Minorchange ถือเป็นรถยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่นในตลาด อีโคคาร์ แม้ว่าจะมีรถไฟฟ้าเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งก็ตาม และในรุ่นใหม่ที่เพิ่ม Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย และรุ่น e:HEV SV ที่มีราคาที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น


Honda City HATCHBACK Minorchange

ต้องยอมรับว่าการมาของรถไฟฟ้าเป็นจุดเปลี่ยนบางอย่างสำหรับรถสันดาป ตั้งแต่ในเรื่องราคา ออฟชั่นต่าง และการเปิดตัวรุ่นใหม่ที่เร็วมากยิ่งขึ้นเพื่อดึงความสนใจของตัวรถให้มากที่สุด 

สำหรับ Honda City HATCHBACK Minorchange ที่ได้รับการปรับแต่งที่มีมากยิ่งขึ้นจะดีในด้านไหนบ้างวันนี้เราได้มีโอกาศมาทดสอบรถทั้งสองเครื่องยนต์ VTEC TURBO และ e:HEV ในรุ่น รองท๊อป SV ซึ่งถือเป็นรุ่นใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมากับเครื่องยนต์ ไฮบริด e:HEV ที่มีราคาที่น่าสนใจมากๆ

Honda City Hatchback มีให้เลือก 2 ขุมพลังขับเคลื่อน รวม 5 รุ่นย่อย แบ่งเป็น


รุ่นขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย 

รุ่น e:HEV RS ราคา 799,000 บาท
รุ่น e:HEV SV ราคา 729,000 บาท

  • รับประกันคุณภาพตัวรถ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
  • รับประกันแบตเตอรี่ Hybrid 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
  • รับประกันระบบ Hybrid ทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

รุ่นขุมพลัง VTEC TURBO มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย 

รุ่น RS ราคา 749,000 บาท     
รุ่น SV ราคา 679,000 บาท
รุ่น S+ ราคา 599,000 บาท

  • มาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ นาน 3 ปี หรือ 100,000 บาท

เครื่องยนต์

1.0 Turbo

เครื่องยนต์รหัส P10A6 เบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 1.0 ลิตร 988 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 73.0 x 78.7 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.0 : 1 จ่ายน้ำมันแบบ Direct-injection พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VTEC พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged กำลังสูง 122 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT  ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด Gasohol E20 ความจุถังน้ำมัน 40 ลิตร

e:HEV

เครื่องยนต์รหัส LEB8 เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.5 ลิตร 1,498 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 73.0 x 89.5 มิลลิเมตร กำลังอัด 13.5 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดมัลติพอยท์ PGM-FI กำลังสูงสุด 98 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 – 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด  127 นิวตันเมตร ที่ 4,500 – 5,000รอบ/นาที รองรับนำ้มันเชื้อเพลิงสูงสุด Gasohol E20 ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 109 แรงม้า (PS) ที่ 3,500 – 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ที่ 0 – 3,000 รอบ/นาที พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 1.0 kWh แบบ 4 โมดูล 48 เซลล์ ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยระบบส่งกำลังแบบ E-CVT

 

การทดสอบ

ในการวิ่งทดสอบครั้งอาจจะไม่ได้วิ่งทดสอบไกลมาก เพราะต้องมีการสลับรถเพื่อให้ได้ทดสอบทั้งสองรุ่นใน 1 วัน ทำให้มีเวลาจำกัด

เริ่มต้นกับ VTEC TURBO รุ่น SV เป็นรุ่นรองท๊อป เริ่มต้นจากเรื่องหน้าตาก็ต้องบอกว่าเปลี่ยนไม่มากแต่ก็ดีขึ้น ถ้าเทียบกับ Honda City ซีดาน ที่มีการปรับแล้วแตกต่างน้อยกว่า จุดเด่นคือกระจังหน้าที่มีความโดดเด่นมากกว่าชัดเจน ในรุ่น RS ก็จะโดดเด่นกว่ารุ่นธรรมดา แต่สำหรับในรุ่น SV ที่เราทำการทดสอบก็ต้องบอกว่าหน้าตาดูเรียบๆ เน้นใช้งานไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก 

แต่ไฮไลท์ ต้องต้องบอกว่าอยู่ที่การเพิ่มออฟชั่นต่างๆและการทำราคาที่ดีขึ้น แต่ออฟชั่นที่ดีที่สุดคือ 

ระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่
Safety Features & Driving Assistance 

  • ระบบความปลอดภัย Honda SENSING
    • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก Collision Mitigation Braking System
    • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System
    • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW
    • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High-Beam
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control 
    • ระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ Low-Speed Follow (เฉพาะรุ่น e:HEV)
    • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ Lead Car Departure Notification System

สำหรับรุ่นที่ทำการทดสอบเป็นคันแรกกับ VTEC TURBO รุ่น SV เครื่องยนต์เดิมแน่นอนว่าจุดเด่นสำหรับ VTEC TURBO อัตราเร่งซึ่งถ้าเทียบกันในตลาดกลุ่มเดียวกันก็ต้องยกให้ Honda City HATCHBACK เป็นรถที่แรงที่สุดพร้อมความนิยมในเรื่่องการนำไปตกแต่งให้สวยงามเพิ่มขึ้นชุดแต่งมากมายในตลาดพร้อมทั้งสามารถปรับแต่งเครื่องยนต์ให้มีพละกำลังเพิ่มขึ้นมาก จึงถูกใจหลายๆคน 

ในการวิ่งทดสอบก็ต้องบอกว่ามีพละกำลังเหมือนเดิม อัตราเร่งต่างๆดีเยี่ยมทันใจ แต่จุดที่รู้สึกว่าดีขึ้นแต่ทางฮอนด้าก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรคือ อัตราการประหยัดน้ำมันซึ่งก่อนหน้านี้ในรุ่นเดิมวิ่งในเมืองจะทำตัวเลขได้ประมาณ 14-15 km/L แต่สำหรับรุ่นใหม่ ตัวเลขที่ทำได้ในเมืองประมาณ 17-18 km/L ซึ่งเป็นตัวเลขที่ประหยัดมาก 

แต่ไฮไลท์ก็คงต้องยกให้กับระบบ Honda SENSING ที่มีมาให้ในทุกรุ่น บอกท่านอาจจะมองว่าไม่ได้สำคัญอะไรแต่จริงๆแล้วก็ต้องบอกว่าทางทีมงานก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากก็เหมือนๆกัน แต่ในการทดสอบก็ต้องบอกว่าประทับใจมาก กับระบบ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control ซึ่งต้องบอกทำได้ดีเทียบเท่านรุ่นพี่อย่าง Civic หรือ ACCORD เลย ให้ความรู้สึกเหมือนมีคนขับให้เรานั่งเบรกไม่แรงการดึงของพวงมาลัยก็ไม่แรงจนเกินไปเมื่อเราออกนอกเส้นกับระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System ซึ่งทำให้การขับขี่นอกเมืองหรือในเมืองสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ถ้าเทียบกับรถฝั่นจีนต้องบอกว่าดีกว่าเยอะ 

แต่สำหรับในรุ่น VTEC TURBO ระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ Low-Speed Follow จะทำงานในความเร็วต่ำสุดที่ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น เพราะไม่ใช้เบรกมือไฟฟ้า 

ปรับเปลี่ยนมาขับขี่ e:HEV รุ่น SV หน้าตาภายนอกเหมือนกัน แตกต่างหลักแค่โลโก้สีฟ้า ล้อขนาด 16" พร้อมดิสเบรกสี่ล้อ เท่านั้น ภายใน หน้าจอผู้ขับขี่ขนาด 7" เบรกมือไฟฟ้า แอร์หลัง กับค่าตัวเพิ่มขึ้น  50,000 บาท เรียกว่าต่างกันไม่มากแต่ของเพิ่มขึ้นเยอะมากอย่างเห็นได้ชัด

ในการทดสอบแน่นอนว่าเครื่องยนต์คือจุดหลักที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ไฮบริดเต็มระบบของทางฮอนด้าโดดเด่นในเรื่องการประหยัดมากเพราะใช้มอเตอร์ในการขับเคลื่อนเป็นหลัก ทำให้ตัวเลขที่ออกมาในการทดสอบขับขี่แบบปกติใช้งานจริงอยู่ที่ 21 km/L หูยยยย อันนี้คือจุดแข็งเลยก็ว่าได้ เพราะตัวเลขจากโรงงานเคลมเอาไว้ที่ 27.8 km/L เรียกว่าใกล้เคียงมาก พร้อมทั้งให้อัตราเร่งที่ดีเยียมด้วยเช่นกัน 

ถ้าเทียบกับเครื่องยนต์ เทอร์โบ ก็ต้องบอกว่าในช่วงต้นอัตราเร่งในรุ่นไฮบริดดีกว่า แต่ในช่วงปลาย เทอร์โบ ทำได้ดีกว่า นั้นคือสิ่งที่แตกต่างกันในการขับขี่เพราะในเรื่องช่วงล่างหรือการเก็บเสียงต่างๆเหมือนกัน แต่ไฮบริดอาจจะดีกว่าในเรื่องเสียงเครื่องยนต์จะน้อยกว่ามากเพราะดับบ่อยทำให้รถเงียบกว่าชัดเจน

สิ่งที่แตกต่างกันอีกหนึ่งเรื่องกับ ระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ Low-Speed Follow ในรุ่น e:HEV จะทำงานจนถึงจุดหยุดนิ่งเพราะเป็นเบรกมือไฟฟ้า

แต่จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างสำหรับ Honda City HATCHBACK ที่หลายคนชอบมากกว่าในเรื่องหน้าตาการตกแต่งก็คือการใช้งานสำหรับเบาะหลังที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างหลากหลายมากๆ 

 โดยปรับเปลี่ยนได้ถึง 4 โหมด ได้แก่ 

  • Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง
  • Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
  • Tall Mode: เบาะด้านหลังพับขึ้น เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง
  • Refresh Mode: เบาะด้านหน้าพับเชื่อมต่อกับเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด

 ระบบความปลอดภัย Honda City HATCHBACK

  • ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
  • ระบบกระจายแรงเบรก EBD
  • ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
  • สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS
  • ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ Auto Door Lock by Speed
  • ระบบล็อครถอัตโนมัติ Walk Away Auto Lock
  • ระบบ Honda SENSING
    • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High-Beam
    • ระบบเตือน และ ช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ RDM with LDM
    • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ LKAS
    • ระบบเตือนการชนรถ และ คนเดินถนน พร้อมระบบช่วยเบรก CMBS
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้า Adaptive Cruise Control ACC พร้อมฟังก์ชั่นตามรถคันหน้าที่ความเร็วต่ำ Low-Speed Follow (LSF)
    • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ Lead Car Departure (LCDN)
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
  • ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า
  • ระบบสัญญาณกันขโมย
  • ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
  • กล้องมองภาพขณะถอยจอด ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ
  • จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
  • อุปกรณ์อุดการรั่วซึมของยางชั่วคราว TPRK

สรุป Honda City HATCHBACK 2024

หลายคนอาจจะมองว่ามีการปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยแต่ก็ต้องยอมรับว่า หน้าตาอาจจะปรับน้อยไปหน่อยแต่โดยรวมก็ถือว่าดูลงตัวมากยิ่งขึ้น แต่ไฮไลท์จริงๆสำหรับอุปกรณ์ที่ขึ้นและเป็นการปรับเปลี่ยนที่ดียิ่งขึ้นคือ Honda SENSING ที่มีมาให้ทุกรุ่นย่อยเรียกว่า ไม่ได้ใส่มาให้แบบที่เรียกว่ามีมาให้แต่เวลาใช้งานแล้วไม่โอเค แต่สำหรับฮอนด้านใส่มาให้แล้วต้องบอกว่าใช้งานได้ดีด้วย เรียกว่าช่วยเหลือในการขับในชีวิตประจำวันได้ดีจริงๆ สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อันนี้คือสิ่งที่คุ้มค่ามากที่สุด

ในเรื่องการขับขี่ทำได้ดีตั้งแต่รุ่นเดิมอยู่แล้ว ทั้ง เทอร์โบและไฮบริด แต่สำหรับไฮบริดในรุ่นเดิมราคาอาจจะแรงไปหน่อยแต่สำหรับรุ่นใหม่ราคาดีงามพร้อมกับรุ่น SV ที่เรียกว่าออฟชั่นไม่ได้แพ้ในรุ่น RS เลยทำให้ได้ของแบบคุ้มค่าคุ้มราคามากกว่า พร้อมอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีมาก ทำให้ไฮบริดในรุ่น SV ถือเป็นรุ่นที่คุ้มค่ามากที่สุดก็ว่าได้

 

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

 

 

 

 

 

 


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ