มิลเลนเนียม กรุ๊ป ประกาศแผนยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนการเติบโตปี 2567 โชว์ศักยภาพ 4 กลุ่มธุรกิจ พร้อมขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ ร่วมลงทุนกับ “อรุณ พลัส” ตั้งบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย ก้าวสู่ผู้นำธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พร้อมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Zeekr-Xpeng ในงานมอเตอร์โชว์ 2024 ตั้งเป้าเติบโตปีนี้ 30,110 ล้านบาท
MGC-ASIA เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Zeekr-Xpeng ในงานมอเตอร์โชว์ 2024
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย)ฯ เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ ‘MGC-ASIA Ecosystem’ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้แก่ทุกกลุ่มธุรกิจ ผ่านการขยายฐานสินค้าและสร้างบริการใหม่ พร้อมแสวงหาโอกาสในการสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ได้ลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับกลุ่มอรุณ พลัส ซึ่งเป็นบริษัท EV Flagship ดำเนินธุรกิจ EV Value Chain แบบครบวงจร ที่กลุ่ม ปตท. ถือหุ้น 100% ตั้งบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจด้านยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร
ธุรกิจด้านยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ประกอบด้วย
- ธุรกิจจัดจำหน่าย การตลาด ตัวแทนจำหน่าย และบริการหลังการขายแบบครบวงจร
- ธุรกิจผลิตยานยนต์ รวมทั้งโอกาสการลงทุนในโรงงานผลิตรถยนต์
- ธุรกิจจัดการขยะแบตเตอรี (Battery waste management) และโอกาสการลงทุนในโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี (Battery recycling factory)
- ธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ EVme เพื่อเป็นช่องทางการทำการตลาด และการให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างครอบคลุมทุกมิติ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
“ความร่วมมือระหว่างกลุ่ม MGC-ASIA กับอรุณ พลัส ช่วยรองรับการเปลี่ยนผ่านจากยุคของยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง ไปสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้า มุ่งสู่การเป็นกลุ่มผู้นำในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังเติบโตทั่วโลก โดยจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Zeekr-Xpeng ในงานมอเตอร์โชว์ 2024 ในส่วน Xpeng จะเป็นผู้นำเข้าและจำหน่าย ขณะที่ Zeekr เป็นดีลเลอร์ชิป และตั้งเป้าเติบโตปีนี้ 30,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยในปีนี้คาดการณ์ว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโต่อย่างต่อเนื่องและน่าจะมีตัวเลขยอดขายสูงถึงต้องมีประมาณ 1.2 แสนคัน”
สำหรับปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ วางเป้าหมายสร้างการเติบโตโดดเด่นทุกกลุ่มธุรกิจ ผ่านกลยุทธ์ขับเคลื่อนแต่ละกลุ่มธุรกิจ
เป้าหมายปี 2567
- กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail) กลุ่มบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตให้กลุ่มธุกิจ นอกจากนี้กลุ่ม Marine Business ซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูง โดยมีรายได้ในปี 2566 เพิ่มขึ้น 168% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า กลุ่มบริษัทฯ วางเป้าหมายสร้าง Marine Business Ecosystem ที่แข็งแกร่ง ผ่านการรักษาฐานลูกค้าเก่า ขยายฐานลูกค้าใหม่ นำเสนอบริการที่ครอบคลุม รวมทั้งขยายฐานบริการอย่างเต็มรูปแบบ โดยกลุ่มบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ Azimut Yachts S7 ที่ Ocean Marina Pattaya และ Chris-Craft รุ่นใหม่ ที่โครงการ Riverdale Marina ปทุมธานี
- ธุรกิจให้บริการหลังการขาย (Aftersales Service) สัดส่วนรายได้จากบริการหลังการขายมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง จากความไว้วางใจของลูกค้า โดยในปี 2566 มีจำนวนการเข้าใช้บริการ 201,051 ครั้ง เพิ่มขึ้น 11.55% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และรายได้ต่อการบริการต่อครั้งเพิ่มขึ้นจาก 17,926 บาท เป็น 18,195 บาท นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลกอย่าง Tesla ให้ดำเนินธุรกิจศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังยานยนต์ไฟฟ้า Tesla Approved Body Shop (TAB) พร้อมมีแผนขยายสาขาเพื่อรองรับการเติบโตยานยนต์ไฟฟ้า
- ธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว และพนักงานขับรถ (Car Rental and Driver Services) ปี 2566 จำนวนรถให้เช่าระยะสั้น ภายใต้แบรนด์ ‘SIXT’ ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 40% โดยเฉพาะการเพิ่มรถยนต์ในกลุ่มพรีเมียม รองรับปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการท่องเที่ยวในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2566 รายได้รถเช่า SIXT เติบโตกว่า 40% เมื่อเทียบกับปี 2565 ด้านรถเช่าระยะยาวในปี 2566 จำนวนรถให้เช่าเติบโต 20% ทำให้ภาพรวม บจก. มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล มีรายได้รวมประมาณ 1,400 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี 2565 นอกจากนี้ภายในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจไปยังกลุ่มรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ให้เช่า (Commercial Vehicle Rental) เพื่อให้บริการครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น
- กลุ่มธุรกิจอื่นๆ (Other Services) สำหรับธุรกิจบริการทางการเงินอย่างครบวงจร บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ซึ่ง MGC-ASIA ร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อรวมประมาณ 7,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 84% โดยฐานลูกค้ากลุ่ม High net worth มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อรวมตามเป้าหมายที่กำหนด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเสนอผลิตภัณฑ์ Yacht Financing และ Wealth Lending เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร โดยในปี 2567 บริษัทฯ วางเป้าหมายรับรู้ผลกำไรสุทธิเป็นปีแรก จากการขยายพอร์ตสินเชื่อ Wealth Lending อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมจากการให้บริการในลูกค้ากลุ่มมั่งคั่ง ขณะที่ บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ผู้ให้บริการธุรกิจบริการประกันภัยชั้นแนวหน้า ปีงบประมาณช่วงเดือนตุลาคม 2565 ถึงกันยายน 2566 มีรายได้ 331 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 8% และเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 289 ล้านบาท
โดยเติบโตจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่แก่กลุ่มลูกค้าเดิม รักษาอัตราการต่ออายุกรมธรรม์ที่เพิ่มมากขึ้น และขยายไปสู่ตลาดใหม่ เช่น พลังงานหมุนเวียน และโครงการโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า พร้อมกำหนดวางกลยุธท์การเติบโต ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ความเสี่ยงทางไซเบอร์, เครดิตการค้า, บริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคล รวมทั้งการรองรับแนวโน้ม
ด้าน ESG ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ได้ตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญในการให้ความรู้ และให้คำปรึกษาความเสี่ยงด้านสภาพอากาศ การเปลี่ยนผ่านพลังงาน และประกันภัยคาร์บอนเครดิต เพื่อรองรับเมกะเทรนด์ในอนาคต
บทความที่น่าสนใจ
- วางแผนอย่างไร ก่อนถอยรถป้ายแดง
- ซื้อรถป้ายแดง ดาวน์เท่าไหร่ดี?
- 2 วิธีตรวจสอบคะแนนใบขับขี่ด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์
- ต่อใบขับขี่ ไม่ต้องจองได้ไหม ใช้เวลาเท่าไร
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น