ส.อ.ท. รายงานตัวเลขเดือนพฤษภาคม 2567 ผลิตรถยนต์ 126,161 คัน ลดลงร้อยละ 16.19 ขาย 49,871 คัน ลดลงร้อยละ 23.38 ส่งออก 89,284 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.39 สำหรับตัวเลขยอดขายกระบะยังลดลงต่อเนื่อง ตัวเลขขายกระบะติดลบ 19.05% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ชี้หากแยกเฉพาะเซกเมนต์รถไฮบริด พบตัวเลขพุ่งสูงขึ้นทั้งหมด
ตัวเลขขายกระบะดิ่ง ไฮบริดพุ่ง เดือนพฤษภาคม 2567
สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มรถกระบะ ที่มียอดขายลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับที่สูงกว่า 90% และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวไม่ฟื้นตัวตามที่มีการคาดการณ์ ทำให้ยอดขายรถกะบะล่าสุดอยู่ที่ 78,319 คัน เดือนพฤษภาคม 2567 ติดลบ 19.05% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน
"ต้มยำกุ้งปี 2539 ยอดขายรวม 589,126 คัน ปิกอัพช่วง 5 เดือนปี 2566 อยู่ที่ 127,456 คัน ขณะที่ปีนี้ ขายได้ 75,000 คัน ลดลงเยอะขนาดนี้เพราะเศรษฐกิจซึมยาว คาดครึ่งปียังไม่ฟื้นตัว เทียบกับต้มยำกุ้งหรือโควิดที่ยังกระทบระยะสั้น ดังนั้นช่วงนี้ ถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่แย่ยิ่งกว่าต้มยำกุ้ง ส่วนปีนี้คาดว่ายอดขายกระบะน่าจะไม่ถึง 200,000 คัน โดยอาจจะอยู่ที่ประมาณ 150,000 คัน หากมีมาตรการรัฐออกมากระตุ้นเศรษฐกิจก็อาจจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย และอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบ ที่รวมถึงทั้ง supply chains ซึ่งต้องรอลุ้นว่า งบประมาณรัฐที่อนุมัติออกมาแล้วจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน”
ส่วนกรณีที่บริษัทรถยนต์บางแห่งมีการยกเลิกการผลิตรถยนต์ในบางรุ่นก็เป็นผลมาจากการปรับแผนการทำธุรกิจ หากฐานการผลิตประเทศไหนยอดขายไม่ดี ผลิตภัณฑ์ไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดก็ต้องหยุดการผลิตลง และใช้วิธีนำเข้าแทน ซึ่งก็จะกระทบกลุ่มบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนบางส่วนที่ผลิตให้กับรถยนต์บริษัทนั้นๆ อีกทั้งการเข้ามาของ EV ก็มีส่วนทำให้หลายบริษัทต้องปรับแผนและหยุดการผลิตรถยนต์สันดาปบางรุ่น
“เดือนหน้าจะมีการปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ของไทยอีกครั้ง อาจจะต้องปรับเป้าลดลงทั้งหมด เพราะยอดขายปรับลดลงต่อเนื่อง”
ตัวเลขการผลิตรถยนต์นั่งไฮบริดเพิ่มขึ้น 50.71%
จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนพฤษภาคม 2567 มีทั้งสิ้น 126,161 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2566 ร้อยละ 16.19 ลดลงจากการผลิตรถกระบะขายในประเทศลดลงร้อยละ 54.66 และผลิตรถยนต์นั่งขายในประเทศลดลงร้อยละ 14.35 ตามยอดขายในประเทศที่ลดลงจากเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตในอัตราต่ำและการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่พร้อมเต็มที่ แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 20.54
จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 644,951 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2566 ร้อยละ 16.88
รถยนต์นั่ง เดือนพฤษภาคม 2567 ผลิตได้ 46,951 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2566 ร้อยละ 7.74 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 29,935 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2566 ร้อยละ 24.70
- รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 865 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2566 ร้อยละ 7,763.64
- รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 797 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2566 ร้อยละ 15.12
- รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 15,354 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2566 ร้อยละ 50.71
ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 มีจำนวน 240,190 คัน เท่ากับร้อยละ 37.24 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2566 ร้อยละ 11.29 ซึ่งในส่วนนี้ รถยนต์ไฮบริดมีจำนวน 86,017 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2566 ร้อยละ 66.17
ตัวเลขยอดขายรถกระบะเดือนห้าลดลง 33.87%
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนพฤษภาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 49,871 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 6.70 แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 23.38 เพราะสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้งเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวในอัตราต่ำจากการล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ทำให้การลงทุนของภาครัฐลดลง ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงติดต่อกันมากกว่าสิบเดือน โรงงานหลายแห่งลดเวลาทำงานลงและมีการเลิกจ้างพนักงานหลายหมื่นคน ทำให้ขาดรายได้ ประชาชนจึงระมัดระวังการใช้จ่ายเพราะความไม่แน่นอนในเรื่องรายได้รวมทั้งค่าอาหาร ค่าเดินทางและพลังงานมีราคาสูงขึ้น
คาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 และปี 2568 ที่่กำลังพิจารณาในสภาฯ แต่เศรษฐกิจจะขยายตัวถึงร้อยละ 3 หรือไม่ ยังน่ากังวลถ้ายอดผลิตรถยนต์และขายรถยนต์ และขายอสังหาริมทรัพย์ยังติดลบ เพราะทั้งสองอุตสาหกรรมมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องและแรงงานมากซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศมาก
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) จำนวน 10,997 คัน เท่ากับร้อยละ 22.05 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 96.34
- ส่วนรถกระบะมีจำนวน 14,832 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 33.87
- รถ PPV มีจำนวน 2,819 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 42.42
- รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 1,280 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 35.90
- รถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 1,261 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 8.09
ส่งออกสวนทาง สัดส่วนเพิ่มขึ้น 3.39%
รถยนต์สำเร็จรูป เดือนพฤษภาคม 2567 ส่งออกได้ 89,284 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 27.26 และเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2566 ร้อยละ 3.39 เพิ่มขึ้นทั้งที่ผลิตเพื่อส่งออกลดลง เพราะมีรถยนต์ที่ยังไม่ได้ส่งออกเดือนที่แล้วมาส่งออกเดือนนี้ จึงส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดเอเชีย ตลาดออสเตรเลีย ตลาดตะวันออกกลาง ตลาดอเมริกาเหนือ ตลาดอเมริกากลางและอเมริกาใต้ แบ่งเป็น
- รถกระบะ 50,159 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 56.18 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 6.13
- รถยนต์นั่ง ICE 22,400 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 25.09 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 0.89
- รถยนต์นั่ง HEV 4,404 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 4.93 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 373.04
- รถ PPV 12,321 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 13.80 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 31.24
บทความที่น่าสนใจ
- วางแผนอย่างไร ก่อนถอยรถป้ายแดง
- ซื้อรถป้ายแดง ดาวน์เท่าไหร่ดี?
- 2 วิธีตรวจสอบคะแนนใบขับขี่ด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์
- ฤกษ์ออกรถ 2567 ทุกเดือน จากซินแสโหราศาสตร์จีนชื่อดัง!
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น