เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยกับ Civic ใหม่ เป็นการปรับโฉมเล็กน้อย ซึ่งดูลงตัวมากยิ่งขึ้น ถึงจะไม่มากแต่ก็เต็มไปด้วยความสดใหม่
Civic e:HEV EL+
หลังจากการเปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยก็มีกระแสตอบรับเป็นอย่างดีกับ Civic ใหม่ ทาง บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ก็เลยไม่รอช้าได้ทำการจัดทดสอบ Civic ใหม่ เพื่อให้ได้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ดีของรถว่าดีแค่ไหน สำหรับ ไฮบริดจากฮอนด้า ในช่วงหลังถือว่ามีประสิทธิภาพค่อนข้างดี เด่นด้วยอัตราประหยัดที่ยอดเยี่ยม ทำให้หลายคนสนใจเป็นอย่างมาก ครั้งนี้ ฮอนด้า ก็ได้จัดทดสอบ “ฮอนด้า ซีวิค ใหม่” ยนตรกรรมไอคอนสปอร์ตพรีเมียมซีดานของฮอนด้า บนเส้นทาง กรุงเทพฯ สู่เขาใหญ่ รวมระยะทางไป-กลับ กว่า 342 กิโลเมตร
สำหรับ Civic ใหม่ มาพร้อม 2 ทางเลือกของขุมพลังการขับเคลื่อน ได้แก่ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV และขุมพลังเทอร์โบเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร พร้อมสร้างความมั่นใจตลอดเส้นทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ในทุกรุ่นย่อย
ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย
รุ่น e:HEV RS ราคา 1,239,000 บาท
รุ่น e:HEV EL+ ราคา 1,099,000 บาท
รุ่น EL+ ราคา 1,039,000 บาท
ดีไซน์ภายนอกที่อัปลุคความสปอร์ตพรีเมียมไปอีกขั้น ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมยกระดับสุนทรียภาพในทุกการเดินทาง ด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย อาทิ ใหม่! ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ช่อง โดยแบ่งเป็น 2 ช่องด้านหน้า และ 2 ช่องด้านหลัง ในทุกรุ่นย่อย อีกทั้งฟังก์ชันเพื่อความสะดวกสบาย อาทิ ใหม่! ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง และ เบาะที่นั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 ในทุกรุ่นย่อย
ตลอดเส้นทางการทดสอบสมรรถนะ
ในการทดสอบมีรถทุกรุ่นของ Civic ใหม่ ที่จัดจำหน่ายในประเทศไทย ทีมงานได้ทดสอบในรุ่น Civic e:HEV EL+ ซึ่งเป็นตัวเริ่มต้นของระบบไฮบริดจากฮอนด้า โดยการทดสอบนี้นั่งไปด้วยกันทั้งหมด 4 คน แบบเต็มๆ มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการขับเคลื่อนหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว กับเครื่องยนต์ ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึงถึง 25 กิโลเมตร/ลิตร
เป็นพละกำลังที่เหลือๆไม่ได้ปรับปรุ่งเพิ่มแต่อย่างไรแม้ว่านั่งเต็มคันกำลังในการใช้งานถือว่าเพียงพอเป็นอย่างมากกดเร่งแซงแบบไม่ต้องลุ้น เมื่อถึงเส้นทางขึ้นเขาก็ยังให้พละกำลังที่ดีไม่มีตกแต่อย่างไร
ซึ่งต้องบอกว่าพระเอกคือเครื่องยนต์ เพราะให้ทั้งอัตราเร่งและการตอบสนองที่ดีในทุกความเร็ว ซึ่งทำให้เห็นว่า 2.0 ไฮบริดเหมาะกับ ซีวิค เป็นอย่างมาก ในเรื่องการเก็บเสียงก็คงดังเหมือนเดิมกับเสียงที่มาจากพื้นถนน ในความเร็วประมาณ 100km เสียงจะค่อนข้างดัง แต่เสียงจากด้านบนหรือเสียงลมนั้นทำได้ดีกว่า
ส่วนของช่วงล่างพวงมาลัยถือว่าเป็นรถที่ให้ความนุ่มนวลในการใช้งานรวมไปถึง ให้การเกาะถนนที่ดีในความเร็วด้วยเช่นกัน ต้องบอกว่า เพียงพอสำหรับการใช้งานแล้ว พวงมาลัยปรับมาค้านข้างดีในความเร็วสูงนั้นมีความมีน้ำหนักกำลังดีควบคุมได้ง่าย
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆก็ถือว่าให้มาครบในระบบ (Honda SENSING) ซึ่งให้มาแบบเต็มระบบใช้งานง่ายช่วยในการวิ่งทางไกลได้ดีมาก
สรุปสำหรับ Civic ใหม่ ต้องบอกว่า เป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจมากๆน้ำมันหนึ่งถัง 800 กิโลเมตร ทำได้แน่นอน ตัวเลขอัตราการประหยัดสำหรับการทดสอบ ขาไป ได้ 20 km/L ขากลับได้ 25 km/L เฉลี่ยก็ประมาณ 23 km/L บอกได้เลยว่ารประหยัดจริงเพราะในการทดสอบวิ่งแบบจริงๆไม่ได้เน้นทำการประหยัดแต่อย่างไร
เทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING ที่ครั้งนี้มีการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานใหม่ให้สามารถตรวจจับ รถยนต์ จักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนน ผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำยิ่งขึ้น บนเส้นทางจริง โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้า
ที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยอื่นๆ อาทิ ใหม่! เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และหลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)
ดีไซน์ภายนอก ได้มีการอัปลุคให้สปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น มาพร้อม ใหม่! กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ใหม่! ไฟท้าย LED รมดำ ใหม่! ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว Matte Black ดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ต และในรุ่น EL+ เพิ่มขนาดล้ออัลลอยเป็น 17 นิ้ว ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มาพร้อมฟังก์ชันเพื่อความสะดวกสบายที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เบาะที่นั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 และช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง ในทุกรุ่นย่อย อีกทั้งเทคโนโลยีเพื่อการเชื่อมต่ออันล้ำสมัยที่ครบครัน* อาทิ ใหม่! ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) ใหม่! Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ใหม่! ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ช่อง โดยแบ่งเป็น 2 ช่องด้านหน้า และ 2 ช่องด้านหลัง ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto(TM) แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto และ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) ในทุกรุ่นย่อย เป็นต้น
สีภายนอกที่มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ ใหม่! สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) (Canyon River Blue Metallic) (เฉพาะรุ่น EL+ และ e:HEV EL+) สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (Ignite Red Metallic) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) สีขาวแพลทินัม (มุก) (Platinum White Pearl) สีดำคริสตัล (มุก) (Crystal Black Pearl) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) (Meteoroid Gray Metallic) และสีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) (Lunar Silver Metallic)
ความคิดเห็น