สีรถยนต์มีกี่แบบ แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร? Share this
Lifestyle
โหมดการอ่าน

สีรถยนต์มีกี่แบบ แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร?

Sunuttinee Phumbanyen
โดย Sunuttinee Phumbanyen
โพสต์เมื่อ 06 September 2567

ประเภทของสีรถยนต์มีทั้งหมด 4 แบบ ซึ่งแต่ละแบบก็มีความแตกต่างกันด้วยลักษณะของ Textures และการตกกระทบของแสง ที่ให้มุมมองในการมองเห็นทั้งกลางวันและกลางคืนที่แตกต่างกัน จะมีแบบไหนบ้าง? และแบบไหนถึงจะเหมาะกับคุณบ้าง? ไปชมกันค่ะ   


สีรถยนต์มีกี่แบบ แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร?

ปัจจุบันสีรถยนต์นั้นมีให้เลือกมากมาย ยิ่งเป็นรถยนต์แบบ Special Vehicle หรือที่เราคุ้นหูกับคำว่า Bespoke คือรถยนต์ที่สั่งทำพิเศษ โดยใช้ Inspired มาจากความชอบส่วนบุคคลหรือเอกสิทธิ์เฉพาะ ซึ่งตัวอย่างแบรนด์รถยนต์ที่สามารถเลือกสีเฉพาะในแบบของคุณได้ อาทิ Mercedes-Benz Maybach, Range Rover SV และ Rolls Royce เป็นต้น นอกจากนี้คุณยังสามารถ Customize ได้ตามใจชอบอีกด้วย ซึ่งวันนี้เลดี้จะพาไปดูประเภทของสีรถยนต์ ว่าแต่ละประเภทมีเนื้อสีที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง

 

สีรถยนต์มีกี่แบบ แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร (1)

สีโซลิด (Solid)

ประเภทแรกเป็นสีโซลิด (Solid) จะเป็นกลุ่มสีพื้นฐานแบบธรรมดาที่นิยมใช้ทั่วไปแบบไม่มีอะไรผสมในเนื้อสี ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ซับซ้อน เช่น สีขาว สีแดง สีดำ สีเทา สีน้ำเงิน เป็นต้น โดยทั่วไปสีโซลิด มักจะผ่านการเคลือบสีเพื่อป้องกันรอยขีดข่วน ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์จะใช้สีประเภทนี้เป็น Base มาตรฐาน ข้อดีของสีประเภทนี้ก็คือ หากเกิดเฉี่ยวหรือชนมาสามารถซ่อมแซมได้ง่าย เพียงใช้สีเดียวกันแต้มบริเวณที่ต้องการได้เลย หรือถ้าจำเป็นที่จะต้องทำสีใหม่ จะมีราคาไม่แพงมากและใช้เวลาในการทำไม่นาน

 

สีรถยนต์มีกี่แบบ แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร (2)

สีเมทัลลิก (Metallic)

ต่อมาเป็นสีประเภทสีเมทัลลิก (Metallic) ซึ่งอาจจะคุ้นๆ สำหรับใครหลายๆ คน เพราะเป็นสีประเภทเดียวกับลูไซต์ (Lucite) ที่คิดค้นโดย Dupont เป็นสีที่อยู่ในกลุ่มธรรมดาเช่นเดียวกัน แต่เพิ่มผงโลหะขนาดเล็กเข้าไปในเนื้อสี ทำให้เกิดการสะท้อนแสงขึ้นมา ซึ่งถ้ามองเข้าไปใกล้ จะสังเกตุเห็นเป็นละอองโลหะในเนื้อสี มีความแวววาวมากกว่าสีโซลิด (Solid) ข้อดีของการเลือกใช้สีประเภทนี้ก็คือ ช่วยให้รถดูสะอาดมากกว่าปกติแม้กระทั่งไม่ได้ล้างก็ตาม แต่ข้อเสียก็มีเช่นกัน เพราะเมื่อต้องการซ่อมแซมเฉพาะจุดขึ้นมา อาจจะหาสีเดิมที่เข้ากันได้ยากมากขึ้น 

 

สีรถยนต์มีกี่แบบ แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร (3)

สีมุก (Pearlescent)

สีมุก (Pearlescent) หรือ สีไมก้า (Mica) แล้วแต่ผู้ผลิตว่าจะใช้ชื่อไหนในการสื่อสาร สีประเภทนี้เป็นกลุ่มที่มีส่วนผสมของผงเซรามิกคริสตัล ที่มีลักษณะเป็นผลึกที่สะท้อนแสง จะเห็นได้ชัดเจนเมื่อโดนแสงตกกระทบ โดยที่ความพิเศษก็คือเมื่อเกิดการหักเหของแสง ความแวววาวจะเปลี่ยนไปตามมุมในแต่ละด้านที่มอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นสีขาว อาจจะเป็นสีอื่นๆ ก็สามารถให้ผลลัพธ์แบบสีมุกได้เช่นเดียวกัน ข้อดีของสีตัวถังชนิดนี้ก็คือ สวยงาม โดดเด่น ข้อเสียก็คือมีราคาแพง และสามารถซ่อมแซมให้เหมือนเดิมได้ยากเมื่อต้องการทำสีเฉพาะบางส่วน

 

สีรถยนต์มีกี่แบบ แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร (4)

สีด้าน (Matte)

ประเภทสุดท้ายคือ สีด้าน (Matte) ซึ่งช่วงหลังๆ มานี้ สีด้านนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรถแต่งสายซิ่ง ลักษณะเด่นของสีด้านคือ ไม่เงา ดูดซับแสงได้ดี ทำให้ดูบุคลิกของคนขับเป็นคนดุดัน ลึกลับ แต่ถ้าหากใครที่อยากให้สีดูเปล่งประกายมากขึ้น สามารถผสมโลหะในเนื้อสีได้เพื่อเพิ่ม Textures แบบกำมะหยี่ได้เช่นกัน ข้อเสียของสีด้านก็คือ มีราคาแพงกว่าสีชนิดอื่น และการดูแลบำรุงรักษาค่อนข้างยุ่งยากกว่าปกติ เพราะถ้าหากมีรอยขีดข่วนจะเห็นได้อย่างชัดเจน

 

ชอบแบบไหนก็สามารถเลือกแต่งแต้มรถยนต์คันโปรดของคุณให้สวยไฉไลกว่าเดิมได้เลยค่ะ แต่ก็ต้องดูในเรื่องของการดูแลบำรุงรักษาด้วยเช่นกัน เพราะหากคุณไม่มีเวลาพาน้องไปบำรุงล้างสี ขัดเคลือบสี ก็ควรเลือกประเภทของสีให้ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันด้วยนะคะ 

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ