ไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ใช่เรื่องยาก ถ้ามิชลินจะไปได้ไกลถึงอวกาศ เพราะมิชลินได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่จากล้อไร้ลมยางเพื่อไปใช้สำหรับยานพาหนะบนดวงจันทร์มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
จากความสำเร็จที่ไม่เคยหยุดพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดการเดินทาง 135 ปี ของมิชลิน ผ่านจุดเริ่มต้นของการค้นพบการแปรรูปน้ำยาง ไปสู่ล้อไร้ลมและล้อยางรถยนต์ที่ใช้ได้กับรถยนต์ทุกประเภทจะเป็นอย่างไร เราไปติดตามพร้อมๆ กัน
มิชลินเริ่มต้นขึ้นเมื่อสองพี่น้องตระกูลมิชลิน อองเดร (André) และ เอดูอาร์ (Édouard) ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งวิวัฒนาการของมนุษย์และอุตสาหกรรมในปี 2432 ด้วยการพัฒนาโซลูชั่นด้านการขนส่งสมัยใหม่ที่เอื้อต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและอิสรภาพผ่านการนำเสนอนวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้แบรนด์มิชลินมีความเกี่ยวพันกับนวัตกรรมครั้งแรกของโลกและของอุตสาหกรรมหลายชิ้น อาทิ ยางรถจักรยานแบบถอดได้ครั้งแรก
(ปี 2434) ทางขึ้นลงของเครื่องบินแบบลาดยางแห่งแรก (ปี 2459) ยางเรเดียลเส้นแรก (ปี 2489) และอื่นๆ อีกมากมาย
มิชลินให้ความสำคัญในเรื่องการวิจัยและพัฒนามาโดยตลอดด้วยการออกแบบและการผลิตวัสดุที่เป็นนวัตกรรมใหม่
สำหรับมิชลิน อนาคตที่ยั่งยืนและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต้องดำเนินควบคู่กันไป จึงมีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีด้านวัสดุโพลิเมอร์คอมโพสิตที่สั่งสมมากว่า 130 ปี พัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ ในด้านต่างๆ ผ่านวัสดุศาสตร์และวิทยาการข้อมูล เพื่อยกระดับชีวิตที่ก้าวหน้าและไม่หยุดนิ่ง
จากความรู้เกี่ยวกับวัสดุสู่สมรรถนะที่เหนือชั้น
ความสามารถของมิชลิน ในการเข้าใจกลไกทั้งหมดของวัสดุในระหว่างการใช้งานและการรวมส่วนประกอบที่ดูเหมือนจะมีคุณสมบัติขัดแย้งกันแต่กลับผสมผสานร่วมกันได้ ทำให้บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมสูงและมอบสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่เลย
ตั้งแต่ปี 1937 ด้วยยาง Metalic Michelin ประสบความสำเร็จในการผสมผสานยางและเหล็กเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นนวัตกรรมสำคัญสำหรับการคิดค้นเทคโนโลยีเรเดียลในปี 1946 ที่ได้ปฏิวัติวงการการเคลื่อนที่
ในปี 1992 มิชลินเปิดตัวยางที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลงจากการใช้ซิลิก้า ตั้งแต่นั้นมามิชลินได้ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงานของยางอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อย CO2 โดย
ใช้โพลีเมอร์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ
ความเชี่ยวชาญที่ได้รับการพัฒนาโดยแรงขับเคลื่อนแห่งนวัตกรรม
เพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญ มิชลินได้สร้างพื้นฐานความรู้ที่มั่นคงในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา และสนับสนุนแนวทางแบบสหวิทยาการ โดยใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงระหว่างโพลีเมอร์ เคมี ชีวเคมี ฟิสิกซ์เคมี เรโอโลยี โลหะวิทยา และวิศวกรรมเคมี ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านเหล่านี้แลกเปลี่ยนความรู้และเสริมกันและกัน ในขณะเดียวกันกลุ่มบริษัทใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมแบบเปิด มิชลินทำงานร่วมกับศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติฝรั่งเศสในเจ็ดห้องปฏิบัติการร่วมกันที่ศึกษาเรื่องการย่อยสลายทางชีวภาพ การสังเคราะห์ และการสร้างโมเดลของโมเลกุลใหม่ ๆ โดยความร่วมมือกับห้องปฏิบัติการเหล่านี้ กลุ่มบริษัทกำลังพัฒนาโพลีเมอร์ที่จะถูกนำมาใช้ในอีกสามสิบหรือสี่สิบปีข้างหน้า ซึ่งมีคุณสมบัติที่น่าทึ่ง
มิชลินยังเพิ่มการเป็นพันธมิตรกับบริษัทที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้วยความตั้งใจที่จะใช้วัสดุหมุนเวียนหรือวัสดุรีไซเคิลมากขึ้นเรื่อย ๆ
MICHELIN และคอมโพสิตที่เปลี่ยนชีวิตประจำวันของเรา
ตลอดระยะเวลากว่า 130 ปี ความสามารถในการคิดค้นนวัตกรรมของ มิชลินทำให้ขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยาง ความเป็นผู้นำด้านยางของมิชลิน สร้างขึ้นจากความเชี่ยวชาญในวัสดุและความสามารถในการรวมวัสดุเหล่านั้นเข้าด้วยกันเพื่อสร้างโซลูชันคอมโพสิตที่ตอบสนองความต้องการหลายประการ
คอมโพสิตคือ วัสดุที่ทำจากวัสดุสองประเภทหรือมากกว่านั้น เมื่อผสมวัสดุสองอย่างขึ้นไป ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นวัสดุประสิทธิภาพสูงที่สามารถแก้ปัญหาได้หลายประการพร้อมกัน
ความรู้เฉพาะทางที่แตกต่างนี้ทำให้มิชลินสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านคอมโพสิตนอกเหนือจากการเคลื่อนที่ได้ในวันนี้
สำหรับมิชลิน วัสดุ โซลูชันคอมโพสิตคือกุญแจสู่โลกแห่งอนาคต วัสดุเหล่านี้จำเป็นสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีสมรรถนะพิเศษในขณะที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน เพื่อให้เกิดความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ความพอเพียง และการอนุรักษ์โลก
การลงทุนในงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของมิชลินไม่เพียงแต่ช่วยคุณ แต่ยังช่วยโลกด้วยวิสัยทัศน์ของมิชลินในปี 2050 ที่มิชลินตั้งเป้าที่จะผลิตยางด้วยวัสดุยั่งยืน 100%
‘แก่นของนวัตกรรมอยู่ที่การสร้างประโยชน์ให้กับทุกคน’
อวกาศไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับมิชลิน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะออกแบบ “ล้อไร้ลมเพื่อสำรวจดวงจันทร์”
เมื่อมิชลินได้รับมิชชั่นร่วมมือกับ NASA ในฐานะผู้จัดหายางเพียงรายเดียวสำหรับกระสวยอวกาศและร่วมเดินทางไปกับภารกิจ 135 ครั้ง ระหว่างปี 1981 ถึง 2011
มิชลินปฏิวัติวงการด้วยการรวมเอานวัตกรรมที่ก้าวล้ำเข้าด้วยกัน เพื่อใช้กับยานสำรวจดวงจันทร์ โดยมิชลินใช้โซลูชั่นการเคลื่อนที่ไร้ลม (MICHELIN UPTIS และ MICHELIN TWEEL) และวัสดุไฮเทคระดับสูง)
และเมื่อมิชลินสามารถออกแบบที่ลบทุกข้อจำกัดของสภาวะไร้น้ำหนักบนอวกาศได้ เทคโนโลยีนี้ก็ถูกนำมาปรับใช้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ให้กับการใช้งานบนโลกด้วยเช่นกัน
โดยมิชลินได้มีส่วนร่วมกับภารกิจด้านอวกาศมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด NASA เพิ่งประกาศว่าทีม Moon RACER ซึ่งมี Michelin เป็นสมาชิก ได้รับรางวัลการศึกษาความเป็นไปได้ (feasibility study) สําหรับระยะที่ 1 ของโครงการ ARTEMIS
โครงการนี้มีชื่อว่า "Lunar Terrain Vehicle Phase 1 Feasibility Study" มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบยานพาหนะบนดวงจันทร์ที่สามารถทํางานในสภาวะสุดขั้วบนดวงจันทร์เป็นเวลา 10 ปี
มิชลินได้เสนอแนวคิดล้อไร้ลม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากโครงสร้างที่ทนทานของบางพื้นผิวที่มีความแหลมคมบนดวงจันทร์โดยมีเป้าหมายของโครงการคือการพัฒนาล้อที่สามารถติดตั้งกับยานสำรวจดวงจันทร์ได้ ภายใต้ความท้าทายที่กดดัน
-
สภาพแวดล้อมอวกาศจะทำให้ล้อต้องเผชิญกับอุณหภูมิต่ำมาก (-243°C) และความท้าทายของคลื่นรังสีดวงอาทิตย์และกาแล็กซี่ สิ่งนี้ทำให้วัสดุยางชนิดต่าง ๆ ที่มิชลินออกแบบในยางรถยนต์ทั่วไปไม่สามารถใช้งานได้ทันที ดังนั้นจึงต้องผลิตวัสดุชนิดใหม่ที่สามารถทนต่อสภาพสุดขั้วเหล่านี้
-
ยานสำรวจจะต้องมีความสามารถในการเดินทางไกล (แบตเตอรี่ไฟฟ้า) และครอบคลุมระยะทางไกลมากโดยไม่เกิดความเสียหาย
ข้อกำหนดทั้งสองนี้ผลักดันให้มิชลินออกแบบยางที่ลดแรงต้านทานของล้อในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าบนพื้นดินที่เป็นตะกอนฝุ่นหินของดวงจันทร์ (Regolith) เพิ่มความต้านทานต่อการเสียดสี และทำให้ล้อมีความแข็งแรงทางกลศาสตร์
จนเกิดเป็นการพัฒนาและผลิตยาง MICHELIN UPTIS ยางรถยนต์แบบไร้ลมยางที่ไม่มีวันรั่ว รุ่นแรกจากมิชลิน ยางรุ่นนี้สามารถลดการสร้างขยะในปริมาณเท่ากับน้ำหนักของหอไอเฟล 200 หอ ในแต่ละปีเลยทีเดียว
UPTIS คือชื่อรุ่นยางรถยนต์ไร้ลมจาก มิชลิน ย่อมาจากชื่อเต็มคือ ‘Unique Puncture-proof Tire System’ มีลักษณะเป็นล้อยางแบบกลวง ตรงกลางออกแบบให้เป็นซี่ยางเรียงตัวซ้อนกันถี่ ๆ ซึ่งผลิตขึ้นด้วยระบบเจาะยางแบบพิเศษ ช่วยให้ล้อยางมีความยืดหยุ่น วิ่งได้ดีบนหลากหลายพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นพื้นถนนยางมะตอย, พื้นดิน และพื้นผิวที่ขรุขระ โดยไม่ต้องเติมลม แม้จะเหยียบของมีคม เช่น ตะปู เศษแก้ว หรือเศษหิน ก็ไม่ทำให้เกิดรอยรั่วและไม่ยุบตัว (ยางแบน) เหมือนยางเติมลมทั่วไป
ยาง UPTIS ออกแบบให้ปลอดความเสี่ยงต่อการถูกบาด - ตำจนยางแตกรั่วซึม เหมาะกับทุกสภาพอากาศ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้เจ้าของธุรกิจเดินรถขนส่ง หรือนักขับรถมืออาชีพ ลดการใช้วัตถุดิบซึ่งนำไปสู่การลดขยะและส่งเสริมให้เกิดการสัญจรอย่างยั่งยืน
**ปัจจุบันยางรถยนต์ไร้ลมรุ่นนี้ ยังอยู่ในกระบวนการทดสอบและพัฒนา
https://www.youtube.com/watch?v=VjiLzc9bD3Q
ยางรถยนต์มิชลินถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้กับรถทุกประเภท
ความเชื่อมั่นในความก้าวหน้าเป็นแรงผลักดันให้มิชลินมุ่งมั่นขยายขอบเขตความเป็นไปได้ในเรื่องต่างๆ ผ่านการบุกเบิกนวัตกรรมที่จะขับเคลื่อนโลกอนาคต
จึงมีความโดดเด่นด้วยอายุการใช้งานยางที่ยาวนานเป็นเยี่ยมและสมรรถนะขั้นสูง...ตั้งแต่กิโลเมตรแรกจนถึงกิโลเมตรสุดท้าย
นวัตกรรมเบื้องหลังแนวคิด นวัตกรรมยางยั่งยืน หรือ“สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุใช้งาน” แนวคิดการออกแบบยางยั่งยืนของมิชลินที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ให้สมรรถนะดีเยี่ยมยาวนาน ปลอดภัย มั่นใจตั้งแต่วันแรกที่ใช้จนถึงวันที่เปลี่ยนยางรอบถัดไป
แนวคิดนี้ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีมากถึง 27 รายการ
ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการทดสอบจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนท่ามกลางสภาพแวดล้อมรุนแรงถึงขีดสุดเพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ยางของมิชลินจะให้สมรรถนะสูงแม้ผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน ส่งผลให้การขับขี่ปลอดภัยและเพลิดเพลินยิ่งกว่าในระยะยาว กล่าวคือ สมรรถนะในการเบรก การหยุดรถ การยึดเกาะถนน และการควบคุมรถ ยังคงประสิทธิภาพดียาวนานจนกระทั่งดอกยางสึกถึงระดับต่ำสุดที่กฎหมายกำหนด
มิชลินมุ่งเน้นเรื่องการสัญจรที่ยั่งยืนยิ่งกว่าเพื่อลูกค้าและสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าหมายสุดท้าทายที่จะผลิตยางที่ยั่งยืน 100% ให้ได้ภายในปี 2593
จากทั้งหมดจึงทำให้เห็นว่ามิชลินมีวิสัยทัศน์ที่ล้ำหน้าไปมากกว่า นอกเหนือจากธุรกิจยาง ไม่ว่าจะเป็น การเดินทาง การก่อสร้าง การบิน พลังงานสะอาด การดูแลสุขภาพและอื่นๆ อีกมากมาย สู่การสำรวจอวกาศต่อยอดนวัตกรรมนี้ เพื่อมอบประสบการณ์สัญจรที่ดีต่อคุณและเป็นมิตรที่ดีต่อโลก
#MichelinOnRoadandBeyond
#MichelinMotionForLife
#MichelinThailand
ความคิดเห็น