BMW R 12 nineT และ R 12 ใหม่ มอเตอร์ไซค์ทั้งสองรุ่นนี้ได้รับการเผยโฉมเป็นครั้งแรกในช่วงการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด แนวคิดการออกแบบ R nineT โรดสเตอร์สไตล์คลาสสิก ขณะที่ R 12 มุ่งสร้างประสบการณ์การเดินทางที่เรียบง่าย สบาย ๆ ด้วยแนวคิด “The Spirit of Easy”
BMW R 12 nineT และ R 12 ใหม่
BMW R 12 nineT และ R 12 ใหม่ ราคาเท่าไร
- BMW R 12 nineT และ R 12 ใหม่ เปิดราคาในงาน Motor Expo 2024
BMW R 12 nineT มีสีให้เลือกดังนี้
- สีเขียว San Remo Green Metallic
- สีเงิน Option 719 Aluminium
BMW R 12 ใหม่ มีสีให้เลือกดังนี้
- สีดำ Blackstorm Metallic
- สีแดง Aventurin Red Metallic
เครื่องยนต์บ็อกเซอร์สองสูบ BMW R 12 nineT และ R 12 ใหม่
ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์บ็อกเซอร์สองสูบ ด้วยเครื่องขนาด 1,170 ซีซี ที่ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน ส่งพละกำลังได้ 80 กิโลวัตต์ / 109 แรงม้าในรุ่น R 12 nineT และ 70 กิโลวัตต์ / 95 แรงม้าในรุ่น R 12 ทั้งนี้
ทั้งสองรุ่นมีแชสซีที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยมีไฮไลท์อย่างกล่องกรองอากาศที่ติดตั้งใต้เบาะนั่ง และระบบท่อไอเสียแบบ “Twin Pipe” ที่ติดตั้งไว้ที่ด้านซ้าย พร้อมท่อเก็บเสียงคู่ในดีไซน์ทรงกรวย
ดีไซน์ BMW R 12 nineT และ R 12 ใหม่
บีเอ็มดับเบิลยู R 12 nineT และ R 12 เป็นมอเตอร์ไซค์โรดสเตอร์และครูซเซอร์สุดคลาสสิกที่ผสมผสานหลากหลายเอกลักษณ์ในประวัติศาสตร์ของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ไม่ว่าจะเป็นเสน่ห์ของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ ดีไซน์สไตล์ย้อนยุคที่ผนึกเอาเทคโนโลยีล้ำสมัยไว้ข้างใน และการออกแบบตัวรถแบบโมดูลาร์เพื่อรองรับการแต่งรถในทุกมิติ
บีเอ็มดับเบิลยู R 12 ทั้งสองรุ่น มีโครงตัวถังส่วนกลางที่ทำจากเหล็กกล้าซึ่งได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด เชื่อมกับโครงส่วนท้ายรถอย่างแน่นหนา โดยที่ลดน้ำหนักจากการใช้สกรูและเสริมงานออกแบบให้สะอาดตาในสไตล์คลาสสิกมากขึ้น
ส่วนด้านหน้ารถ บีเอ็มดับเบิลยู R 12 nineT มาพร้อมกับหน้าปัดทรงกลมคู่แบบอนาล็อก พอร์ต USB-C สำหรับชาร์จอุปกรณ์ และช่องเสียบไฟ 12V ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู R 12 รักษาแนวคิดของความเรียบง่ายด้วยหน้าปัดเดี่ยวสำหรับบอกความเร็ว เมื่อมองจากด้านข้าง จะเห็นได้ว่าบีเอ็มดับเบิลยู R 12 nineT ใหม่ มีเส้นสายที่ดูยกสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการจัดวางตำแหน่งของตัวถังอลูมิเนียมที่ด้านหน้า เบาะนั่ง และท้ายรถที่ยกสูงขึ้นเล็กน้อย ส่วนถังน้ำมันที่ติดตั้งอยู่ด้านหลัง ทั้งสั้นและแคบกว่ารุ่นก่อนหน้าราว 30 มิลลิเมตร จึงทำให้ขับขี่ได้สบายตัวขึ้น เนื่องจากผู้ขับขี่จะมีตำแหน่งการนั่งที่ใกล้กับแฮนด์รถมากขึ้น และเข่าสัมผัสกับตัวรถมากขึ้น
บีเอ็มดับเบิลยู R 12
ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู R 12 คงคอนเซปต์การเป็นรถครูซเซอร์สไตล์คลาสสิกด้วยแทงค์ตัวถังเหล็กกล้าที่เคยถูกขนานนามว่า “Toaster Tank” ในรถคลาสสิกอย่างบีเอ็มดับเบิลยู /5 สมัยทศวรรษ 1970 โดยเส้นสายด้านข้างของรุ่นนี้จะโน้มลงด้านหลัง ไล่จากตัวถังทรงหยดน้ำไปจนถึงเบาะนั่งและฝาครอบล้อหลัง ซึ่งเข้ากับล้อหน้าขนาด 19 นิ้วและล้อหลังขนาด 16 นิ้วได้อย่างลงตัว ขณะที่ตำแหน่งที่นั่งของผู้ขับขี่ที่ค่อนข้างต่ำ ผสานกับแฮนด์รถที่กว้างกว่า จึงเหมาะกับวันเดินทางสบาย ๆ
บีเอ็มดับเบิลยู R 12 nineT รองรับการขับขี่ในโหมดมาตรฐานมากมาย ทั้ง “Rain”, “Road” และ “Dynamic” ขณะที่ R 12 มีให้เลือกสองโหมดง่าย ๆ ใน “Roll” และ “Rock” ทั้งสองรุ่นมีฟังก์ชันด้านความปลอดภัยที่ครบครัน ทั้ง Hill Start Control สำหรับการออกตัวบนทางชัน Tyre Pressure Control, Cruise Control, Gearshift Assistant Pro, Dynamic Traction Control (DTC) และระบบเบรก ABS Pro ที่ล้วนเสริมความอุ่นใจในทุกสภาวะการขับขี่ โดยเฉพาะขณะเข้าโค้งและเบรกแรง ๆ ส่วนไฟหน้า Headlight Pro และระบบ Connected Ride Control ก็ได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเช่นกัน
บทความที่น่าสนใจ
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น