รีวิว HYPTEC HT 620 Premium ออปชั่นแน่น ประหยัดไฟเหลือเชื่อ Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium ออปชั่นแน่น ประหยัดไฟเหลือเชื่อ

Champ Autospinn
โพสต์เมื่อ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

HYPTEC HT อีกหนึ่งของดีจากแดนมังกร ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นแบบครบครัน แบต 800 V รองรับการชาร์จ DC 280 kW เห็นรถคันใหญ่ ๆ แบบนี้ แต่บอกเลยว่ากินไฟน้อยมาก


HYPTEC แบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเกรดพรีเมี่ยมในเครือ GAC ยักษ์ใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์จากประเทศจีน ซึ่งการนำแบรนด์ HYPTEC เข้ามาทำตลาดในไทยครั้งนี้นับเป็นแบรนด์ที่สองแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้นำแบรนด์ AION มาบุกเบิกตลาดในไทยจนประสบความสำเร็จ

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

HYPTEC HT คือพรีเมียมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า ที่เพิ่งเปิดตัวในไทยช่วงเดือนกันยายน ปี 2024 ที่ผ่านมา มาในดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย แต่เน้นความหรูหราและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย

ราคาจำหน่าย HYPTEC HT

  • HYPTEC HT 620 Premium ราคา 1,449,000 บาท
  • HYPTEC HT 620 Luxury (ประตูปีกนก) ราคา 1,749,000 บาท

รับชมรีวิวรูปแบบวีดีโอ ได้ที่นี่

สำหรับรุ่นที่ออโต้สปินน์ได้นำมาขับทดสอบครั้งนี้ คือ HYPTEC HT 620 Premium แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้น แต่ได้ออปชั่นเทียบเท่ากับในรุ่นท็อป ต่างกันเพียงแค่ประตูด้านหลังที่เป็นการเปิดแบบธรรมดา และด้วยราคาที่น่าคบหา จึงทำให้รุ่นนี้น่าสนใจมาก ๆ แต่จะคุ้มค่ากับราคาหรือไม่ มาดูกันครับ

ดีไซน์ภายนอก HYPTEC HT 620 Premium

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

HYPTEC HT ดีไซน์ภายนอกดูใหญ่โต สูงโปร่ง ด้วยมิติตัวถังความยาว 4,935 มม. ,กว้าง 1,920 มม. ,สูง 1,700 มม. ด้านหน้าได้รับแรงบันดาลใจจาก อัญมณีคริสตัล ที่ผ่านการเจียระไน ไฟหน้า Diamond Cut Full LED มีลูกเล่นเป็นไฟวิ่งตอนที่ล็อค และปลดล็อครถ รวมถึงยังมีระบบเปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ปรับไฟสูงต่ำอัตโนมัติ และยังสามารถตั้งระดับไฟหน้าได้ โดยแสงไฟจะออกสีขาวอมส้ม ส่องสว่างได้อย่างชัดเจนไม่แยงตารถคันหน้า มีกล้องให้แบบรอบคัน หน้า-หลัง-ซ้าย-ขวา รวมถึงยังมีเซนเซอร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หากเราขับเข้าใกล้กับวัตถุในระยะที่เซนเซอร์ตรวจจับได้จะมีเสียงแจ้งเตือนและจอกลางในรถจะตัดภาพเป็นกล้องรอบคันให้แบบทันที

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

สำหรับกล้องที่อยู่ด้านบนของกระจกหน้า ถือเป็นพระเอกของระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ของคันนี้เลย จะทำหน้าที่ในการตรวจจับรถยนต์ เส้นเลนถนน เช่น ระบบ Adaptive Cruise Control Stop & Go ก็ต้องใช้กล้องตัวนี้ตรวจจับรถคันหน้า หรือแม้แต่ระบบรักษาตัวรถให้อยู่ในเลน ก็ใช้กล้องตัวนี้ในการจับเส้นเลนถนน เป็นต้น

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

HYPTEC HT 620 Premium ดีไซน์ด้านข้างแบบเรียบง่าย ประตูทั้ง 4 บาน เปิดแบบปกติเหมือนรถทั่วไป ต่างจากรุ่นท็อป Luxury ที่ประตูด้านหลังเปิดแบบปีกนก แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกชอบรุ่นประตูธรรมดามากกว่า เพราะในสถานการณ์เร่งรีบเราก็แค่เปิดประตูแล้วลงจากรถแบบง่าย ๆ ในขณะที่ประตูปีกนก อาจใช้ระยะเวลาในการเปิดประตูที่นานกว่าแต่ได้ความกว้างมากกว่าโดยความสูงของการเปิดที่ 2.3 เมตร ทำให้ไม่จำเป็นต้องก้มศีรษะหรือย่อตัวเมื่อต้องขึ้นหรือลงจากรถ สามารถเปิดประตูในที่จอดรถแคบได้ โดยต้องการระยะด้านข้างประมาณ 34 ซม. เพื่อเปิดประตู พร้อมกับมี เรดาร์ 12 จุด ในช่วงที่ประตูกำลังกาง หากเรดาร์ตรวจเจอสิ่งกีดขวาง ระบบจะหยุดการทำงานให้แบบอัตโนมัติ ซึ่งดีไซน์ตรงจุดนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบและการใช้งานของแต่ละบุคคลครับ

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว เป็นขนาดที่เหมาะสมกับความกว้างของซุ้มล้อ รัดด้วยยางขนาด 245/50R20 ดิสก์เบรก 4 ล้อ ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ ด้านหลังแบบอิสระ 5-Link ซับแรงสะเทือนได้นุ่มนวลกำลังดี

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

ไฟท้าย Horizon Full LED ตอนกลางคืนถ้ามองใกล้ ๆ จะเหมือนกับคริสตัล 3 ก้อน ที่เปร่งประกายเป็นสีแดงสวยงามมากครับ พร้อมกับแถบไฟด้านบนที่ลากยาวเชื่อมต่อฝั่งซ้ายและขวาเข้าด้วยกัน

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

ฝาท้ายไฟฟ้า สามารถตั้งระดับความสูงได้ที่หน้าจอกลาง พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุ 670 ลิตร เพียงพอต่อการใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ แต่ถ้าอยากได้พื้นที่เพิ่มขึ้นก็สามารถพับเบาะหลังให้เรียบ เพิ่มความจุเป็น 1,802 ลิตร จุของได้แบบสะใจเลยทีเดียว

ดีไซน์ภายใน HYPTEC HT 620 Premium

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

จุดเด่นของภายในคือความใหญ่โตมโหฬาร ถ้าถามว่าทำไมถึงกว้างขวางได้ขนาดนี้ ก็เพราะว่ารุ่นนี้ ตั้งใจออกแบบให้เป็นรถไฟฟ้าตั้งแต่แรก เลยจัดสรรพื้นที่ในการวางแบตได้อย่างลงตัว ซึ่งตำแหน่งของแบตจะวางอยู่ที่พื้นของห้องโดยสาร ทำให้ไม่เสียพื้นที่การใช้งาน ในส่วนของออปชั่นต่าง ๆ ของภายในที่ให้มาก็ครอบคลุมการใช้งานเลยล่ะครับ เช่น เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ,เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมฟังก์ชั่นเบาะเป่าลม และเบาะนวดไฟฟ้าที่สามารถเลือกจุดที่จะนวดได้ รวมถึงความแรงในการนวดก็ปรับได้เช่นกัน

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

ที่หัวใหล่เบาะคนขับมีลำโพง 2 ตัว สำหรับการโทรเข้า โทรออก เสียงจะดังผ่านที่ลำโพงตรงจุดนี้

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

Wireless Charging ให้กำลังไฟ 50 W

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold ,ลำโพงระบบ Dolby Atmos 22 ตำแหน่ง พอร์ต USB ด้านหน้าและด้านหลัง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ,ระบบสตาร์ทแบบ IBCM (แค่เข้ามานั่งในรถ เหยียบเบรกแล้วเข้าเกียร์ได้เลย) ,Ambient Light ปรับได้หลายสี ,กระจกไฟฟ้าแบบ One-touch ทั้ง 4 บาน ,จอแสดงข้อมูลการขับขี่ LCD ขนาด 8.88 นิ้ว

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ มีแผ่นกรองฝุ่น PM2.5 มีระบบตรวจจับมลพิษภายนอกรถ สามารถรู้ได้ทันทีว่าตรงจุดที่เราอยู่อากาศภายนอกมีมลพิษแค่ไหน

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

น้ำหอมในรถมีให้เลือก 3 กลิ่น สามารถเปิด-ปิดได้ และปรับความเข้มข้นของกลิ่นได้ โดยกลิ่นน้ำหอมจะออกมาจากผนังช่องวางเท้าเบาะหน้าฝั่งซ้าย สามารถถอดเปลี่ยนได้เมื่อน้ำหอมกลิ่นจางหรือหมด

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

จอควบคุมส่วนกลางขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว หน้าจอความละเอียดสูง 2.5K ประมวลผลด้วยชิป Qualcomm 8155 รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ซึ่งหน้าจอตัวนี้ยังทำหน้าที่อีกหลากหลาย เช่น แสดงภาพกล้องรอบคัน 360 องศา หรือแม้แต่การเข้าไปตั้งค่าเกี่ยวกับระบบต่าง ๆ ก็จะต้องเข้าผ่านหน้าจอนี้ จากการใช้งานถือว่าภาพคมชัดทั้งกลางวัน และกลางคืน จอทัชสกรีนง่ายลื่นไหลดี และที่ผมชอบเป็นพิเศษคือตอนที่ใช้เปิดแผนที่นำทาง แผนที่จะขึ้นเต็มหน้าจอไม่ต้องกลัวหลงทางเลยล่ะครับ

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

มีฟังก์ชั่น โหมดงีบหลับ สามารถเปิดใช้งานได้ผ่านที่จอกลาง โดยเบาะจะถูกปรับเอนให้ราบลง แอร์ภายในรถจะถูกปรับเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสม แสงไฟทั้งหมดทั้งนอกรถและในรถจะดับลง เหลือไว้แต่แสงไฟที่หน้าจอกลาง พร้อมเสียงของธรรมชาติที่ดังออกจากลำโพง กล่อมให้หลับได้แบบสบาย และสามารถตั้งเวลาปลุกได้ นอกจากนี้ยังมีโหมดแคมป์ไฟ โดยระบบจะปรับอุณหภูมิภายในรถให้อุ่นเหมาะกับการใช้งานช่วงหน้าหนาว

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

หลังคากระจกพาโนรามาขนาดใหญ่ ที่ทอดยาวไปจนถึงเบาะหลัง ช่วยให้ภายในหรูหราขึ้น และยังช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกโล่ง โปร่ง สบายตา ไม่รู้สึกอึด ใช้งานได้ง่ายด้วยการกดผ่านที่หน้าจอกลาง

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

อีกหนึ่งจุดเด่นของ HYPTEC HT คือเบาะหลังมีพื้นที่เยอะมาก โดยเฉพาะพื้นวางเท้า กว้างจนเด็กสามารถลงไปนอนพาดที่พื้นได้เลยล่ะครับ ทุกคนที่ได้เข้ามาลองนั่งต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "โคตรกว้าง" เบาะหลังยังสามารถปรับเอนได้ถึง 143 องศา ฝั่งซ้ายมีที่วางเท้าสำหรับเอนนอนที่เบาะหลัง ส่วนฝั่งขวามีโต๊ะทำงานส่วนตัวแบบพับเก็บได้

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

HYPTEC HT ยังมาพร้อมระบบ V2L (Vehicle to Load) ให้กำลังไฟ 3.3 kW เป็นระบบที่สามารถจ่ายไฟให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายนอกได้ เหมาะสำหรับสายแคมป์ปิ้งเวลาไปเที่ยวนอกบ้าน เราสามารถเอาเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเช่น แอร์เคลื่อนที่ พัดลม เตาย่างไฟฟ้า หม้อสุกี้ไฟฟ้า เครื่องดนตรีไฟฟ้า เสียบเข้ากับตัวรถได้เลย เปรียบเสมือนรถเป็นแหล่งจ่ายไฟเคลื่อนที่ และรุ่นนี้ยังมีลำโพงที่อยู่ตรงกันชนหน้า เราสามารถเปิดเพลงให้เสียงออกที่ลำโพงนอกรถได้ เรียกได้ว่าเป็นรถที่อเนกประสงค์สุด ๆ เลยครับ

HYPTEC HT มีระบบช่วยเหลือ และระบบความปลอดภัยครบครัน

ระบบความปลอดภัยป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ (Active Safety)

  • ระบบควบคุมการทรงตัว (ESP)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS)
  • ระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB)
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HHC)
  • ระบบควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน (HDC)
  • ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS)
  • ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (DMS)
  • ระบบเสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (AVAS)
  • ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS)
  • การแจ้งเตือนระบบป้องกันการโจรกรรมรถ

ระบบความปลอดภัยปกป้องขณะเกิดอุบัติเหตุ (Passive Safety)

  • ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านหน้า (SRS Airbags)
  • ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านข้างตอนหน้า
  • ม่านถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านข้าง
  • ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย
  • การแจ้งเตือนความปลอดภัย
  • จุดยึดเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ISOFIX
  • ระบบล็อกไฟฟ้า ป้องกันเด็กเปิดประตู
  • การแจ้งเตือนระบบป้องกันการโจรกรรม
  • ระบบป้องกันการโจรกรรม

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

ระบบช่วยการขับขี่

  • การสลับโหมดการขับขี่
  • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
  • ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า (FCW)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
  • ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน (LDP)
  • ระบบไฟสูงอัจฉริยะ (IHBC)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD)
  • ระบบเตือนการเปิดประตู (DOW)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถคันหลังเข้าใกล้ (RAW)
  • ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (ACC-S&G)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ICA)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ (TJA)

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

ขุมพลังขับเคลื่อน และแบตเตอรี่

HYPTEC HT มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 250 kW ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลัง อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 5.8 วินาที ทำงานคู่กับแบตเตอรี่ Magazine Battery 2.0 แบบ lithium ion phosphate ขนาดความจุ 83.3 kWh ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความปลอดภัยและคุณสมบัติที่ดียิ่งขึ้น พร้อมสถาปัตยกรรมไฟฟ้า 800 V รองรับการชาร์จไฟ 280 kW มีระยะทางขับขี่ไกลสูงสุด 620 กม. (NEDC)

ระยะเวลาในการชาร์จไฟ DC

  • DC Fast Charging 10-70% ภายใน 15 นาที
  • DC Fast Charging 0-100% ภายใน 53 นาที

ทดสอบการขับขี่ HYPTEC HT 620 Premium

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

การขับทดสอบครั้งนี้เป็นการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน เจอทุกสภาพการจราจร ทั้งรถติด ถนนโล่ง ได้ทดสอบทุกโหมดการขับขี่ รวมถึงได้ทดสอบระยะทางที่วิ่งได้จริงเมื่อชาร์จไฟเต็ม 100%

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

ในเรื่องของอัตราเร่งนั้นไม่มีอะไรน่ากังวลครับ แรงติดเท้าในแบบฉบับรถครอบครัวตัวถังใหญ่และหนักถึง 2.2 ตัน สามารถไต่ระดับความเร็วไปได้เรื่อย ๆ แบบไร้แรงหน่วง รู้ตัวอีกทีความเร็วก็ไปตันอยู่ที่ท็อปสปีด 183 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่ถูกล็อคเอาไว้ ถ้าถามว่าแต่ละโหมดให้ความรู้สึกอย่างไร ผมขอตอบแยกทีละโหมด ดังนี้ครับ

โหมด Eco เป็นโหมดประหยัดพลังงาน ในโหมดนี้สามารถใช้ความเร็วถึงท็อปสปีดได้ แต่ช่วงจังหวะการออกตัวคันเร่งจะไม่ได้ไวมาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอืดแต่อย่างใด เหมาะกับการใช้งานแบบทั่วไป สามารถใช้โหมดนี้ในชีวิตประจำวันได้ ช่วงที่ยกคันเร่งตัวรถจะหน่วงเหมือนเราแตะเบรกเบา ๆ เป็นเพราะการทำงานของมอเตอร์ในโหมดนี้จะรีเจนไฟเข้าไปเก็บในแบต ถือเป็นไฟที่เราได้กลับมาแบบฟรี ๆ

โหมด Comfort หรือเปรียบเสมือนเป็นโหมด Normal ในโหมดนี้คุณสามารถใช้ความเร็วได้จนถึงท็อปสปีด คือ 183 กม./ชม. แต่สิ่งที่ต่างจากโหมด Eco ก็คือ คันเร่งจะไวขึ้น ได้ความรู้สึกว่ารถมีพละกำลังมากขึ้น ขับขึ้นเนินชัน รวมถึงจังหวะที่เร่งแซง ก็ไปได้แบบสบายมั่นใจหายห่วง ไม่รู้สึกอืด แต่เมื่อความเร็วไปแตะช่วง 140 กม./ชม. จะมีความรู้สึกตื้อเล็กน้อย แต่คุณก็สามารถเค้นกำลังไปจนถึงความเร็วท็อปสปีดได้ไม่ยากครับ

โหมด Sport เป็นโหมดที่ให้การตอบสนองดีมาก คันเร่งจะไวกว่าทุกโหมดที่ได้กล่าวมา แค่แตะคันเร่งเบา ๆ รถจะพุ่งทันที จะเห็นผลได้อย่างชัดเจนเมื่อกระแทกคันเร่งตั้งแต่ออกตัว เป็นโหมดที่ขับสนุกมาก เหมาะสำหรับขาซิ่งที่ชอบความเร็วแบบวาร์ป แต่ก็จะแลกกับอัตราสิ้นเปลืองพลังงาน ที่กินไฟแบบลดฮวบ มากกว่าในโหมดอื่น ๆ

โหมด Character เป็นโหมดที่เราสามารถปรับแต่งเองได้ หากคุณลองขับทั้ง 3 โหมดที่ได้กล่าวมาแต่รู้สึกว่ายังไม่ถูกใจ สามารถเข้ามาปรับแต่งในโหมดนี้ได้ ว่าจะให้คันเร่งไวแค่ไหน น้ำหนักเบรกแค่ไหน การกู้คืนพลังงานแค่ไหน

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

ในส่วนของระบบช่วงล่าง โดยส่วนตัวผมว่าปรับเซ็ตมาลงตัวแล้วครับ ให้ความรู้สึกนุ่มนวลกำลังดี ช่วงที่ขับผ่านทางขรุขระ ระบบช่วงล่างซับแรงสะเทือนได้ดี ผมทดลองนั่งทุกตำแหน่ง ทั้งคนขับ และที่นั่งตอนหลัง ผมว่ามันลงตัวมากกับรถที่มีขนาดใหญ่แบบนี้ แต่ความรู้สึกนี้จะได้แค่เฉพาะการขับขี่โดยใช้ความเร็วปกตินะครับ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณขับซิ่งมุดไปมา หรือเปลี่ยนเลนแบบกะทันหันที่ความเร็วสูง ตัวรถจะมีความโคลงเคลงทันที ซึ่งตรงจุดนี้เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า จุดประสงค์ของการออกแบบช่วงล่างคันนี้ คือเน้นใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไม่ได้เซ็ตมาเพื่อขับซิ่งแบบรถแข่ง หากคุณขับโดยใช้ความเร็วแบบทั่วไปผมว่าช่วงล่างเอาอยู่และนุ่มนวลกำลังดี

ในเรื่องของการเก็บเสียง ถ้าใช้ความเร็วไม่เกิน 130 กม./ชม. ผมว่าเป็นรถที่เก็บเสียงได้ดีในระดับนึงครับ แต่ถ้าใช้ความเร็วมากกว่านั้นก็จะเริ่มได้ยินเสียงลมภายนอกเล็ดลอดเข้ามาให้ได้ยินบ้าง ซึ่งตรงจุดนี้ผมไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาอะไร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรุ่นนี้ใช้เป็นกระจก 2 ชั้น จึงทำให้เก็บเสียงแวดล้อมภายนอกได้ดี และด้วยความที่เป็นรถไฟฟ้าทำให้ไม่มีเสียงของเครื่องยนต์กวนใจ ประกอบกับการวางแบตเตอรี่พาดยาวที่พื้น ด้วยความหนาของแบตจึงช่วยเก็บเสียงที่ดังจากช่วงล่างได้ดี และเคสกันกระแทกแบตมีการพ่นสีย่น ช่วยเวลาขับผ่านทางที่เป็นหินกรวดไม่มีเสียงกระทบกับตัวเคสแบต

จากการที่ได้ทดลองใช้งานในระบบต่าง ๆ ถือว่าทำงานได้เสถียรระดับนึงครับ เช่น ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC S&G) ที่ทำงานจนถึงจุดหยุดนิ่ง และสามารถตั้งระยะห่างระหว่างรถเรากับคันหน้าได้ ช่วงที่รถคันหน้าชะลอ รถของเราจะค่อย ๆ เบรก แบบหัวไม่ทิ่ม พอรถคันหน้าเคลื่อนที่ รถเราก็จะค่อย ๆ เร่งความเร็วแบบไม่กระชาก และถ้าคันหน้าเบรกกะทันหัน รถเราก็มีระบบช่วยเบรกให้ด้วยครับ

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

แต่สำหรับระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน (LDP) ผมว่าระบบนี้ทำงานรุนแรงไปหน่อยครับ หากเป็นรถรุ่นอื่นที่มีระบบนี้ เวลาขับเปลี่ยนเลนแบบไม่เปิดไฟเลี้ยว พวงมาลัยจะขืนเบา ๆ แบบพอหอมปากหอมคอเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้ตัว และยินยอมให้ผู้ขับขี่ขืนพวงมาลัยสู้ได้ แต่สำหรับ HYPTEC HT พวงมาลัยจะสู้มือแรงมากครับ ประมาณว่าต้องให้เราเปิดไฟเลี้ยวเท่านั้นถึงจะยินยอม ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีนะครับ ช่วยให้คนขับมีวินัยในการเปิดไฟเลี้ยวตอนเปลี่ยนเลน แต่สำหรับถนนในประเทศไทยบางช่วงที่เป็นทางแคบ ทำให้ต้องขับชิดกับเส้นเลนถนนแบบเลี่ยงไม่ได้ หากเราเปิดระบบนี้ไว้ อาจทำให้คนขับมีตกใจกันบ้าง หากใครที่ไม่ชอบระบบนี้ก็ไม่ต้องกังวลครับ เพราะสามารถเข้าไปปิดระบบนี้ได้ หรือจะตั้งค่าให้แจ้งเตือนแค่เสียงย่างเดียวก็ได้ครับ

HYPTEC HT 620 Premium ชาร์แบตเต็ม 100% ใช้งานจริงได้กี่ กม. ?

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

การทดสอบนี้สัดส่วนการใช้งานในเมืองแบบรถติด 30% ขับต่างจังหวัดถนนโล่ง 70%

ผมชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ขับจนแบตเตอรี่เหลือ 22% ได้ระยะทาง 415 กม. ที่หน้าจอระบุว่ายังวิ่งได้อีก 136 กม. ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14.4 kWh/100 กม. ถ้าใช้ไฟจนเหลือ 0% จะได้ระยะทางประมาณ 530-550 กม.

หรือเท่ากับว่าไฟ 1 kW จะวิ่งได้ระยะทาง 6.94 กม. ถือว่าเป็นรถที่ประหยัดไฟมาก เพราะเจ้าคันนี้เป็นรถที่ตัวถังใหญ่ และมีน้ำหนักถึง 2,220 กก. ซึ่งตอนที่ขับทดสอบ ผมใช้ความเร็วทั่วไปตามสภาพการจราจร ช่วงทางโล่งยืนพื้นที่ความเร็ว 100-120 กม./ชม. แต่ถ้าใช้ความเร็วเกิน 120 กม./ชม. จะกินไฟพอสมควร

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

ลองชาร์จไฟที่ตู้ Shell Recharge 360 kW

Hyptec HT 620 Premium แบต800 V รองรับชาร์จ DC 280 kW

ก่อนชาร์จเหลือไฟอยู่ 48%

  • จาก 48%-80% ใช้เวลา 10 นาที
  • จาก 48%-100% ใช้เวลา 30 นาที

มาดูกำลังไฟในแต่ละช่วงกันครับ

  • 48%-60% กำลังไฟ 233 ลดลงเรื่อยๆจนถึง 200 kW
  • 60%-65% กำลังไฟ 180 kW
  • 65%-70% กำลังไฟ 141 kW
  • 70%-80% กำลังไฟ 112 kW
  • 80%-85% กำลังไฟ 95 kW
  • 85%-90% กำลังไฟ 65 kW
  • 90%-95% กำลังไฟ 55 kW
  • 95%-100% กำลังไฟ 47 ลดลงเรื่อยๆจนถึง 20 kW

สรุปโดยรวม

โดยรวมทั้งหมด ผมว่า Hyptec HT 620 Premium เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าใช้งานมากครับ ในเรื่องของการขับขี่ไม่มีอะไรน่ากังวลเลย พละกำลังมอเตอร์แรงเหลือเฟือ ภายนอกใช้ดีไซน์เรียบง่าย ภายในตกแต่งได้หรูหรา มีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกมากมาย เหมาะสมทั้งการใช้งานในเมือง และนอกเมือง แบตขนาดความจุ 83.3 kWh เคลมไว้วิ่งได้ 620 กม. (NEDC) ใช้งานจริงจนแบตหมดได้ราวๆ 530-550 กม. แต่การใช้งานจริงเราไม่สามารถขับจนแบตหมดได้ ก็ต้องเหลือแบตสักประมาณ 20% เพื่อขับไปหาตู้ชาร์จในครั้งต่อไป ระยะทางที่ขับแล้วปลอดภัยที่ผมทำได้คือประมาณ 415 กม. (เหลือแบต 22% วิ่งได้อีก 136 กม.) ซึ่งมันเพียงพอต่อการขับทางไกลข้ามจังหวัดได้แบบสบาย โดยส่วนตัวผมมองว่ารุ่นนี้สามารถใช้แทนรถน้ำมันได้เลย สมมติว่าคุณต้องใช้รถวันละ 50 กม. เท่ากับว่าคันนี้ถ้าชาร์จไฟเต็ม วิ่งได้เกือบ 10 วัน และด้วยเทคโนโลยีแบต 800 V รองรับการชาร์จ DC ได้ 280 kW เพียงแค่แวะปั๊มหาตู้ชาร์จที่จ่ายไฟได้แรงๆ แค่เสียบชาร์จทิ้งไว้แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำสัก 10-15 นาที ก็ได้ระยะทางการวิ่งเพิ่มขึ้นราวๆ 300-400 กม. แล้ว และที่สำคัญคือ รุ่นนี้เป็นรถที่กินไฟน้อยมาก ถ้าบ้านคุณใช้มิเตอร์ TOU ชาร์จไฟที่บ้านเฉลี่ยแล้วระยะทางต่อ 1 กม. เสียค่าไฟแค่ 50 สตางค์ เท่านั้นเองครับ ประหยัดค่าเดินทางต่อวันได้หลายบาทเลยทีเดียว

HYPTEC HT มีสีภายนอก 5 สี และภายใน 3 สี

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

สีภายนอก HYPTEC HT

  • Rose Star (โรสสตาร์) เฉพาะรุ่น 620 Luxury
  • Spinel Grey (สปิเนลเกร)
  • Alpine White (อัลไพน์ไวท์)
  • Crystal Silver (คริสตัลซิลเวอร์)
  • Onyx Black (โอนิกซ์แบล็ก)
  • HYPTEC HT

รีวิว HYPTEC HT 620 Premium

สีภายใน HYPTEC HT

  • Berlin Beige (เบอร์ลินเบจ) เฉพาะรุ่น 620 Luxury
  • Midnight Black (มิดไนท์แบล็ก)
  • Olympus Brown (โอลิมปัสบราวน์)

Exclusive Warranty Package

  • รับประกันแบตเตอรี่ และชุดขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบรวม ตลอดอายุการใช้งาน

(เฉพาะเจ้าของรถส่วนบุคคล ผู้ครอบครองรถลำดับที่ 1, และไม่ใช้งานรถในลักษณะเชิงพาณิชย์)
*กรณีไม่เข้าตามเงื่อนไขด้านบน ระยะการรับประกันสำหรับชิ้นส่วนแบตเตอรี่ และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบรวม จะถูกปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการรับประกันเป็น 8 ปี หรือ 240,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) โดยนับจากวันที่ออกรถ

  • รับประกันคุณภาพรถยนต์ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
  • รับประกันชิ้นส่วนประตูปีกนก 8 ปี หรือ 240,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
  • Insurance Gift ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
  • Exquisite Gifts ฟรี ฟิล์มกระจก แผ่นรองเท้า ค่าจดทะเบียน
  • Exclusive Deal for Home Charger ฟรี Home Chager พร้อมบริการติดตั้ง (ฟรีสายไฟความยาวไม่เกิน 20 เมตร / รับประกันเครื่องชาร์จ 1 ปี)
  • In-car Internet Service แพ็กเกจอินเตอร์เน็ตในรถยนต์ฟรี นาน 2 ปี ไม่จำกัดปริมาณการใช้งาน
  • Lifetime OTA Firmware Update ล้ำสมัยตลอดการขับขี่ บริการอัพเกรดซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องในระบบรถยนต์ฟรีตลอดชีพ
  • 24 Hours Roadside Service บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 8 ปี

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ