“JY AIR” จูนเหยา ซีดานไฟฟ้ารุ่นแรก เหนือจินตนาการ Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

“JY AIR” จูนเหยา ซีดานไฟฟ้ารุ่นแรก เหนือจินตนาการ

วรัญญู ยอดพรหม
โพสต์เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา

“JY AIR” ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นแรก เปิดตัวในประเทศไทยพร้อม การทดสอบบนเส้นทาง กรุงเทพฯ – พัทยา – กรุงเทพฯ ดีหรือไม่


JY AIR

 

บริษัท จูนเหยา ออโต (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า ในเครือเดียวกับบริษัท จูนเหยา กรุ๊ป (JuneYao Group) บริษัทแม่ของสายการบินจูนเหยา แอร์ไลน์ (JuneYao Airlines) หนึ่งในสายการบินเอกชนชั้นนำในประเทศจีน เดินทำตลาดจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทย เปิดตัว “JY AIR” ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นแรก นำเสนอรูปแบบใหม่ของการเดินทาง ด้วยอีกขีดขั้นของเทคโนโลยีการขับเคลื่อน ซึ่งพร้อมตอบรับกระแสความต้องการของผู้ขับขี่ยุคใหม่ ด้วยการผสมผสานนวัตกรรมการขับขี่ล้ำสมัย เพื่อสร้างความสะดวกสบายเหมือนอยู่บนสายการบินระดับ First Class


    
ครั้งแรกกับการ สัมผัสทดสอบ รถยนต์ JY AIR บนเส้นทาง กรุงเทพฯ – พัทยา – กรุงเทพฯ จากจุดเริ่มต้นที่ Parc Bangna คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ ย่าน บางนา – ศรีนครินทร์ มุ่งหน้าสู่ พัทยาแบบ รวมเป็นระยะทางไป-กลับ ประมาณ 300 กม.

สำหรับน้องใหม่ JY AIR รถยนต์ในรูปแบบซึดาน ที่ได้รับการออกแบบที่มีความล้ำสมัยเน้นการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบิน ทำให้ได้รูปทรงที่เน้นหลักอากาศ พลศาสตร์ ทำให้ตัวรถต้านลมน้อยมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากเพราะจะส่งผลดีสำหรับอัตราการกินพลังงานที่น้อยลงด้วย 

ภายใต้แนวคิด “ONE BOX” ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เรื่องความกว้างขวาง สะดวกสบาย ผสมผสานกับงานดีไซน์ภายใต้หลักแอโรไดนามิกส์ ด้วยแรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีอากาศยาน เช่น ช่องดักอากาศบริเวณกันชนหน้า และมุมกันชนหน้า ที่ลงตัวกับสปอยเลอร์ฝากระโปรง และบริเวณใต้ กันชนหลัง รวมถึงงานออกแบบล้ออัลลอยด้วยลวดลาย Turbo Fan ซึ่งทั้งหมดช่วยให้ “JY AIR” มีค่าสัมประสิทธิ์ แรงเสียดทานอากาศที่ต่ำเพียง 0.23 cd เท่านั้น

 “JY AIR” มีจัดจำหน่ายด้วยกันสองรุ่น  
 เริ่มจาก JY AIR รุ่น Standard ที่มากับขนาดความจุแบตเตอรี่ 51 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ให้พละกำลังสูงสุด 
201 แรงม้า (150 kW) และ JY AIR รุ่น Plus ที่มากับขนาดความจุแบตเตอรี่ 64 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ให้พละกำลังสูงสุด 214 แรงม้า (160 kW)

    ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมสมรรถนะที่เร้าใจผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งทำอัตราเร่งจาก 0 -100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 7.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 170 กม./ชม. โดยใน JY AIR รุ่น Standard มีระยะทางวิ่งสูงสุด NEDC 
อยู่ที่ 430 กิโลเมตร ขณะที่ JY AIR รุ่น Plus มีระยะทางวิ่งสูงสุด NEDC อยู่ที่ 520 กิโลเมตร

    ทางด้านการชาร์จไฟของ JY AIR ในรุ่น Standard การชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟสูงสุด 70 กิโลวัตต์ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการชาร์จไฟจาก 30% ถึง 80% ส่วน JY AIR 
รุ่น  Plus การชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟสูงสุดถึง 90 กิโลวัตต์ และใช้เวลาประมาณ 21 นาทีเท่านั้น สำหรับการชาร์จไฟจาก 30% ถึง 80%

ภายในห้องโดยสารของ “JY AIR” ที่ได้รับการตกแต่ง และเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง อีกทั้งงานดีไซน์ภายนอกภายใต้หลักแอโรไดนามิกส์ ยังช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์โดยสารที่หรูหรา 
เงียบสงบ และผ่อนคลาย ในระดับเดียวกับสายการบิน First Class ให้แก่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร 

รวมไปถึงออปชั่นมาตรฐานต่างๆ ที่สะดวกสบายต่อการใช้งาน เช่น หน้าจอแสดงผลขนาด 8.8 นิ้วสำหรับ
ผู้ขับขี่ ที่มาพร้อมหน้าจอ Intelligent Display ขนาด 15.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ทั้ง Apple Carplay, Android Auto, Bluetooth, บริการแอปพลิเคชันบนมือถือ และหลังคาพาโนรามาขนาด 2.072 ตร.ม. สำหรับ JY AIR รุ่น Plus ที่ช่วยสร้างความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย ทั้งยังมอบความอเนกประสงค์ในการใช้งานด้วยห้องเก็บสัมภาระขนาด 420 ลิตร ซึ่งปรับเพิ่มเป็น 1,338 ลิตรได้เมื่อพับเบาะหลัง

สำหรับการทดสอบ 

JY AIR เป็นรถในรูปแบบซีดาน ต้องยอมรับว่าในตลาดรถซีดานในประเทศไทยนั้นได้รับความนิยมน้อยลงมากทำให้การขายนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่สำหรับ JY AIR น้องใหม่ต้องยอมรับว่ามีหน้าตาที่แตกต่างจากรถในตลาดเป็นอย่างมากถ้าใครชอบก็รักเลย แต่ถ้าไม่ชอบก็เกลียดเลย ดังนั้นเรื่องความสวยขึ้นอยู่กับแต่ละคน 

การขับขี่ออกเดินทางจากบางนา การขับขี่สำหรับรถในรูปแบบซีดานเป็นรถที่ขับขีได้ง่ายคล่องตัวในเมืองเพราะตัวรถมีขนาดที่พอดีกระจกหน้าบานใหญ่ทำให้การมองเห็นเป็นไปอย่างชัดเจนจุดอับสายตาน้อย อุปกรณ์ภายในรถในรูปแบบรถจีนไม่ได้แตกต่างมากนักเพราะทุกอย่างควบคุมผ่านหน้าจอทั้งหมด เน้นเรียบหรู 

ในเรื่องอัตราเร่งต่างๆนั้นเพียงพอต่อการใช้งาน เพราะรถไฟฟ้าส่วนให้ให้อัตราเร่งที่ค่อนข้างดีไม่มีการรอรอบแต่อย่างไรทำให้การขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมืองหายห่วง ออกจากในเมืองวิ่งยาวๆบนทางด่วนเพิ่มความเร็ว การเก็บเสียงต่างๆทำได้ดีแต่เสียงจากด้านล่างค่อนข้างดังเสียงยางได้ยิน เข้าห้องโดยสารในเวลาขับขี่ความเร็วสูง แต่เสียงลมด้านบนเก็บได้ดี 

ระบบช่วยเหลือการขับขี่ทำงานได้ดี เหมาะกับการใช้งานในการเดินทางไกลถือว่าไว้ใจได้เพราะหลายค่ายของฝั่งแดนมังกรจะทำงานแบบที่ทำให้เรารู้สึกว่า ไม่มีดีกว่าเพราะเวลาทำงานจะมีการเบรคอย่างแรงเมื่อมีรถตัดเข้ามาหรือออกตัวแรงเมื่อทางโล่งแต่สำหรับ JY AIR ทำงานเหมือนกับมีคนขับให้ ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างดีไว้ใจได้ 

สำหรับช่วงล่างถือว่าออกแนวนุ่มแบบรถจีนแต่ก็ยังให้ความมั่นใจได้ในความเร็วสูงถือว่าทำงานได้ดีนั่งแล้วไม่เวียนหัวเพราะรถไม่นุ่มจนเกินไป แต่สำหรับเบาะหลังตำแหน่งเบาะที่มีความชั่นมากเกินทำให้รู้สึกว่านั่งทางไกลแล้วค่อนข้างเมื่อย แต่สำหรับเบาะหน้าเป็นเบาะใหญ่นั่งได้สบาย

มาถึงอัตราสิ้นอัตราสิ้งเปลืองพลังงาน อยู่ในเกณท์กลางๆออกไปทางกินไฟสำหรับการวิ่งในกลับนั้นในการทดสอบไม่ได้เน้นการประหยัดแต่อย่างไรขับขี่แบบปกติ เร็วบ้างช้าบ้างทำต้วเลยออกมาที่ 18.5 kWh/100km  ซึ่งในการทดสอบในความเร็วคงที่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราการกินไฟอยู่เฉลี่ยที่ 18-19 kWh/100km ซึ่งถ้าจะขับขี่ให้ประหยัดไปนั้นต้องวิ่งต่ำกว่า 100 เท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบกับรถไฟฟ้าทั่วไปถือว่าค่อนข้างกินไฟไปหน่อย 

ระบบความปลอดภัยต่างๆ ตั้งแต่แพลตฟอร์ม SKY EV เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับห้าดาว ที่สามารถรองรับการพัฒนารุ่นรถใหม่สำหรับทั่วโลก และครอบคลุมตั้งแต่ประเภท A ไปจนถึงรถซีดาน คลาส C, SUV, Coupe, MPV และอื่นๆ ตลอดจนโครงสร้างตัวถังที่ผ่านมาตรฐานการรับรองจาก CNCAP และ  Euro NCAP ระดับ 5 ดาว


        
 เสริมด้วยความล้ำสมัยของเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ Advanced Driving Assistant System Level 2+ ด้วยฟีเจอร์ช่วยเหลือขั้นสูงที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารมั่นใจได้ในทุกการเดินทาง เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
ที่ช่วยในการรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า, ระบบช่วยจอด, ระบบเตือนจุดอับสายตา และระบบควบคุมการเปลี่ยนเลน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดขณะขับขี่ รถรุ่นนี้ยังได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยระดับสูงตามมาตรฐาน NCAP และ E-NCAP ระดับ 5 ดาว ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารมั่นใจได้ในทุกการเดินทาง

    โดย  “JY AIR” มากับสีตัวรถให้เลือก 4 สี ประกอบด้วย สีขาว Moon White, สีฟ้า Meteorite Blue, สีเขียว Aurora Green,และ สีดำ Galactic Black พร้อมราคาเริ่มต้น 759,000 บาท สำหรับ JY AIR รุ่น Standard และ 
869,000 บาท สำหรับ JY AIR รุ่น Plus

ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมและสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แบบอัจฉริยะของ JY AIR ได้ที่ โชว์รูม พร้อมทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษาและตอบข้อสงสัย นอกจากนี้ ยังมีศูนย์บริการหลังการขายที่สต็อกอะไหล่สำรองทุกประเภท เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการบริการหลังการขายอย่างรวดเร็วและครบถ้วน
 

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ