อัพเดทลิสต์ รถ MPV อเนกประสงค์สำหรับครอบครัว 6-7 ที่นั่ง ที่วางจำหน่ายในบ้านเราล่าสุด จะมีรุ่นไหน แบรนด์ไหนที่น่าสนใจบ้าง... เดี๋ยวเลดี้พาไปชมค่ะ
มัดรวมรถยนต์ MPV อเนกประสงค์ที่เหมาะสำหรับครอบครัว
สมัยนี้รถยนต์ Type ที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ในบ้านเรา เห็นจะเป็นแบบอื่นไปไม่ได้นอกจาก MPV รถยนต์อเนกประสงค์ 6-7 ที่นั่ง เหมาะสำหรับการใช้งานในครอบครัวขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ด้วยความที่รถยนต์รูปแบบนี้มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ขึ้นลงสะดวกสบาย มีหลายที่นั่ง ไม่ว่าจะผู้สูงอายุหรือกระทั่งเด็กๆ ก็ตาม สามารถร่วมเดินทางไปด้วยกันได้ยกครัว และอีกหนึ่งเหตุผลก็คือเทคโนโลยีฟังก์ชันการใช้งานที่มาพร้อมความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่ตอบโจทย์ในทุกๆ การขับขี่
Toyota Alphard & Vellfire 2025
แบรนด์ที่ขายดีแบบเทน้ำเทท่าเป็นใครไปไม่ได้ต้อง Toyota Alphard & Vellfire เท่านั้น ซึ่งสำหรับในรุ่นปี 2025 นี้ได้มีการเพิ่มเติมตัวเลือกให้มากขึ้น ได้แก่ Spacious Lounge และระบบส่งกำลังแบบปลั๊กอินไฮบริดที่ขณะนี้มีจัดจำหน่ายแล้วในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร เข้ากับระบบ E-Four ผลิตพละกำลังรวม 306 แรงม้า ทำงานร่วมกับชุดแบตเตอรีลิเธียมไอออน โดยสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลสูงสุด 73 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ยังสามารถชาร์จด้วย DC ที่ใช้เวลาเพียง 38 นาที ในการชาร์จจาก 10-80% ตำแหน่งของแบตเตอรีถูกวางไว้ใต้พื้นรถและจะลดจุดศูนย์ถ่วงของรุ่นปลั๊กอินไฮบริดลง 35 มม. เมื่อเทียบกับรุ่นไฮบริดแบบปกติ ได้รับการปรับปรุงความเงียบและประสบการณ์การขับขี่ที่ดีขึ้น ลดการสั่นสะเทือนให้น้อยที่สุดด้วยการเพิ่มวัสดุฉนวนกันเสียงเพิ่มเติม ในส่วนของระบบปรับอากาศสามารถทำงานด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวโดยไม่จำเป็นต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ในโหมด "My Room" รวมถึงมีฟังก์ชัน V2L มาให้ด้วย
สำหรับในรุ่น "Spacious Lounge" ซึ่งพัฒนามาจากรุ่น Executive Lounge โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด มาพร้อมตัวเลือกเบาะโดยสารตอนหลังแบบ 4 ที่นั่ง โดยสามารถปรับแยกอิสระคล้ายกับ Lexus LM ได้อีกด้วย แต่ความแตกต่างของในรุ่นนี้กับทาง Lexus LM500h Executive ก็คือไม่มีที่ขั้นระหว่างเบาะนั่งผู้โดยสารและคนขับ และจอขนาด 48 นิ้ว แต่จะมีม่านบังตาคู่หนึ่งระหว่างเบาะนั่งด้านหน้าและด้านหลัง และผู้โดยสารด้านหลังจะมีพื้นที่วางขาที่กว้างขวาง โดยมีเบาะนั่งปรับไฟฟ้าแบบอิสระพร้อมฟังก์ชันปรับเอนและที่วางเท้าแบบพับเก็บได้ และยังติดตั้งช่องระบายอากาศเพิ่มเติมที่ด้านข้างของเบาะนั่งด้านหลัง ลำโพงที่ติดตั้งบนพนักพิงศีรษะ ตู้เย็น ที่ชาร์จโทรศัพท์และน้ำหอมปรับอากาศ ก่อนจะปิดท้ายด้วยพรมและช่องเก็บของใหม่
Denza D9
DENZA เป็นแบรนด์ที่ได้รับการพัฒนาและขับเคลื่อนภายใต้ BYD 100% รถยนต์ MPV อเนกประสงค์ มีดีไซน์หรูหราสะกดทุกสายตาผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ภายใต้แนวคิด DENZA π - Motion กระจังหน้าเป็นแบบ Pi Motion ติดตั้งไฟหน้าแบบ Meteor Arrow ทางด้านไฟท้ายออกแบบด้วยแนวคิดฝนดาวตกแห่งกาลเวลา มาพร้อมกับประตูไฟฟ้าคู่สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ยกระดับความหรูหราและความสะดวกสบาย เสริมด้วยยางเก็บเสียงคุณภาพสูงเพื่อให้ห้องโดยสารเงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัวตลอดการเดินทาง สำหรับในรุ่น Performance AWD มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C เทคโนโลยีช่วงล่างแบบไฟฟ้าเอกสิทธิ์เฉพาะ BYD รองรับการปรับแต่งความกระด้างและความนุ่มนวลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งยังช่วยเสริมประสิทธิภาพในการควบคุมรถ ลดปัญหาการยุบตัวของตัวรถ การพลิกคว่ำ การเกิดแรงกระชากเมื่อเบรกหรือเหยียบคันเร่ง มีมิติตัวถังยาว 5,250 มิลลิเมตร กว้าง 1,960 มิลลิเมตร สูง 1,920 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 3,110 มิลลิเมตร ทางด้านสมรรถนะก็โดดเด่นไม่แพ้กัน จากขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุดถึง 275 kW และแรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจาก BYD Blade Battery ขนาด 103.36 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 580 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ได้ภายใน 6.9 วินาที
ภายในห้องโดยสาร DENZA D9 มาพร้อมกับความสะดวกสบาย พื้นที่โล่งโปร่งสบายด้วย Panoramic Glass Roof ขนาด 1.1 ตารางเมตร พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า เนรมิตความกว้างขวางสะดวกสบายพร้อมรองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่ง เพิ่มระดับความหรูหราด้วยเบาะหุ้มหนังแท้ Nappa เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่สอง ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง มาพร้อมระบบพนักพิงดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง รวมทั้งยังสามารถปรับหมอนรองศรีษะให้เข้ากับสรีระศรีษะได้อีกด้วย นอกเหนือจากนั้นยังมาพร้อมกับระบบนวดไฟฟ้าและระบบระบายอากาศ ยกระดับความสะดวกสบายขึ้นไปอีกขั้นด้วยระบบจดจำตำแหน่งที่นั่งเบาะคนขับและผู้โดยสารแถวที่สอง ที่มาพร้อมฟังก์ชัน Welcome Seat และปุ่ม reset ตั้งค่าเบาะ ทำให้สะดวกสบายในการขึ้น-ลงรถ ทั้งยังมีระบบตู้เย็นภายในรถยนต์ที่สามารถปรับแต่งองศาตั้งแต่ -6 จนถึง 50 และสัญญาณอินเตอร์เน็ต 4G ในตัว ให้ทุกคนใช้ชีวิตยุคออนไลน์ได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ พร้อมทั้งเติมเต็มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องโดยสารด้วยกระจกกันเสียง 2 ชั้นรอบคัน DENZA D9 มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย และมีราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการดังนี้
- D9 Premium FWD ราคา 1,999,900 บาท
- D9 Performance AWD ราคา 2,699,900 บาท
GWM WEY 80 PHEV
รถยนต์รุ่นใหม่ระดับไฮเอนด์จาก GWM เผยโฉมเอ็มพีวีอเนกประสงค์ GWM WEY 80 PHEV ที่ได้รับการออกแบบอย่างสร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด First-Class Travel มาพร้อมความสะดวกสบายระดับเฟิร์สคลาสด้วยสมรรถนะการขับขี่ขั้นสูง และฟังก์ชันอัจฉริยะอื่นๆ อย่างครบครัน จากขุมพลังมอเตอร์คู่ที่ส่งมอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 337 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุดที่ 644 นิวตันเมตร สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 5.7 วินาที มีอัตราการใช้น้ำมันอยู่ที่ 7.2 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTC อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังติดตั้งเทคโนโลยี Hi4 Intelligent All-Wheel-Drive Hybrid ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 9 รูปแบบ มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ให้ประสิทธิภาพสูง สามารถปรับการกระจายพลังงานระหว่างล้อหน้าและหลังโดยอัตโนมัติ ช่วยลดโอกาสการลื่นไถลระหว่างการขับขี่ ขณะเดียวกันยังสร้างความมั่นใจในการใช้งานสำหรับหลากหลายสถานการณ์ โดยมีประสิทธิภาพในการเร่งแซงที่ความเร็วสูงด้วยอัตราทดเกียร์ที่กว้างขึ้น และเพิ่มความมั่นใจและปลอดภัยในสภาพอากาศที่ฝนตก นอกจากนี้ยังเปี่ยมด้วยสมรรถนะขั้นสูงที่ขับเคลื่อนด้วยระบบนำทางอัจฉริยะ Coffee Pilot ที่มาพร้อมกับระบบช่วยขับขี่หลายรูปแบบ ช่วยให้ทุกการเดินทางสะดวก รวดเร็ว ราบรื่น ปลอดภัยขั้นสุด สู่การเป็นยนตรกรรมล้ำหน้าที่เคียงข้างทุกความสำเร็จในทุกเส้นทางอย่างแท้จริง
ทางด้านภายในห้องโดยสารอัดแน่นไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายระดับไฮเอนด์มากมายที่มอบความรู้สึกเหมือนกับบ้านหลังที่สองสำหรับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นขนาดตัวรถที่ยาวถึง 5,405 มิลลิเมตร และกว้าง 1,960 มิลลิเมตร พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระที่ปรับความลึกได้หลายระดับ ทำให้รถยนต์คันนี้มีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางที่สุดในเซกเมนต์เดียวกัน มอบความรู้สึกวีไอพีระดับเฟิร์สคลาสด้วย เบาะนั่งคู่เต็มตัวสไตล์กัปตัน (Double Full-Size Captain’s Seats) ทั้ง 3 แถว รองรับสรีระผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยระบบไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ ปรับตำแหน่งได้สูงสุด 12 รูปแบบ พร้อมความสะดวกสบายที่หลากหลาย เช่น การนวด, การระบายอากาศ, การออกแบบไฟอ่านหนังสืออันเป็นเอกลักษณ์ มีการออกแบบเพดาน Sky Dome แบบ Dynamic Brilliant ตกแต่งด้วยดวงดาวถึง 830 ดวง ทั้งแบบนิ่งและและแบบเคลื่อนไหว สร้างโดมท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่ดูมีชีวิตชีวา มอบบรรยากาศเฉพาะตัวที่ช่วยให้ผู้โดยสารผ่อนคลาย สัมผัสบรรยากาศอันเงียบสงบเสมือนอยู่ในห้วงอวกาศ เพลิดเพลินขั้นสุดกับความบันเทิงที่ให้มาแบบไม่มีกั๊กอย่างระบบเสียง Harman Kardon ระดับพรีเมียมรอบทิศทางพร้อมลำโพงจำนวน 20 ตัว เสมือนอยู่ในคอนเสิร์ตฮอลล์
BYD M6
สำหรับรถยนต์น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน BYD M6 ได้รับการออกแบบ กระจังหน้าแบบปิดทึบขอบกระจังหน้าห่อหุ้มด้วยเส้นโครเมียมรับกับชนหน้าออกแบบใหม่ตัดไฟตัดหมอกหน้าออกไปในชุดไฟหน้า LED สไตล์ Dragon Eye พร้อมไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียวกัน ด้านข้างหรูด้วยกรอบกระจกโครเมียม กระจกมองข้างทรงสปูนสีเดียวกับตัวรถ ที่เปิดประตู หลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่ที่มีม่านบังแดดไฟฟ้าแบบป้องกันรังสียูวี ด้านท้ายติดตรา BYD ไฟท้าย LED ติดขอบโครเมียมเรียบเนียนเชื่อมสองฝั่งลงตัวด้วยกันชนหลังทรงหรู ประตูท้ายระบบไฟฟ้า และล้ออัลลอยลายเข้มทูโทนขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R17 จาก e-Platform 3.0 CTP Blade Battery + BYD Intelligent Driving Systemมาพร้อมขนาดตัวถังยาว 4,710 มิลลิเมตร กว้าง 1,810 มิลลิเมตร สูง 1,690 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 2,800 มิลลิเมตร ทางด้านสมรรถนะของ BYD M6 ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี BYD Blade Battery ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสูงสุด 71.8 kWh ให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 530 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 8.6 วินาที สำหรับในรุ่น Performance และในรุ่นเริ่มต้นมาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 55.4 kWh ให้กำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 420 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายใน 10.1 วินาที รองรับการชาร์จแบบกระแสตรง DC ที่ความแรงสูงสุด 115 Kw โดยใช้เวลา 40 นาทีในการชาร์จไฟตั้งแต่ SOC 10%-80% และ 28 นาทีในการชาร์จไฟตั้งแต่ SOC 30%-80% รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ AC ที่ 7 kW และรองรับระบบ VtoL พร้อมช่วงล่างอิสระสี่ล้อด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson Strut จับคู่กับ Multi-Link คู่หลังยกระดับความนุ่มนวลและความสบายในการโดยสาร
ภายในห้องโดยสารมีให้เลือกทั้งแบบ 6 ที่นั่ง 2+2+2 และ 7 ที่นั่ง 2+3+2 สามารถพับเก็บได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนสัมภาระ แบบ 580 ลิตร มาพร้อมโทนภายในสีน้ำตาลอ่อน เด่นที่คอนโซลหน้าหรูเล่นลายเกล็ดมีหน้าจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ 12.8 นิ้ว หมุนปรับจากแนวนอนเป็นแนวตั้งได้ พร้อมลำโพงรอบคัน 6 จุด รองรับระบบ Apple CarPlay® และ Android Auto™ ติดตั้งมาตรวัดสี TFT ขนาดใหญ่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน เบาะหนังปรับไฟฟ้า แป้นเกียร์และเบรกมือไฟฟ้า ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light ระบบปรับอากาศสำหรับห้องโดยสารทุกโซนแบบอัตโนมัติ ปรับอุณหภูมิทั่วทั้งห้องโดยสารได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเครื่องปรับอากาศที่มีตัวกรองฝุ่น PM 2.5 ให้ความสะอาดและเย็นสบาย ควบคู่ไปกับการระบายความร้อนของแบตเตอรี่อย่างมีประสิทธิภาพ ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ BYD M6 (นำเข้า CBU จีน)
- BYD M6 Dynamic 829,900 บาท
- BYD M6 Extended 929,900 บาท
Zeekr 009
รถยนต์ลุคแบดๆ สไตล์มาเฟียน่าจะถูกใจใครหลายๆ คน ZEEKR 009 เป็นยนตรกรรมที่ครบครันทั้ความหรูหรา พร้อมด้วยนวัตกรรมอัจฉริยะ และสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น รวมถึงความปลอดภัยขั้นสูง ภายใต้แนวคิด "Every Journey Shines" ที่เน้นความสะดวกสบายผสมผสานความหรูหรา โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์คู่ที่มีกำลังสูงสุด 450 kW หรือเทียบเท่า 603 แรงม้า และแรงบิด 693 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 4.5 วินาที แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน CATL ขนาด 116 kWh โดยสามารถวิ่งได้ไกลถึง 686 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ติดตั้งระบบช่วงล่างถุงลมประสิทธิภาพสูง พร้อมระบบ CCD Electromagnetic Vibration Reduction System ช่วยลดแรงสะเทือนที่จะเข้าสู่ในห้องโดยสาร และ ZEEKR 009 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงสุดที่ได้รับการออกแบบเพื่อปกป้องผู้โดยสารอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งโครงสร้างด้านท้ายของรถที่ผลิตจากอลูมิเนียมชิ้นเดียวมีความแข็งแรงสูง พร้อมถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งพร้อมปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั่วทั้งคัน
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง รองรับผู้โดยสารได้ 6 คน ตกแต่งหรูหราพร้อมอุปกรณ์ครบครัน เบาะที่นั่งมาพร้อมระบบนวดไฟฟ้าและเบาะผู้โดยสารแถวสองแบบ Sofaro First Class Airline Seats พร้อมโหมดการการปรับแบบ Eames Lounge Chair Mode ที่สามารถปรับเอนนอนได้เพียงปุ่มเดียว และโต๊ะแบบพับเก็บได้ เบาะนั่งบุด้วยหนัง Nappa แบบนุ่ม หน้าจอเป็นแบบ OLED ทัชสกรีนขนาด 15.05 นิ้ว และหน้าจอเสมือนบนกระจก AR-HUD ขนาด 35.95 นิ้ว พร้อมหน้าจอเพดาน สำหรับผู้โดยสารด้านหลังแบบ Touch Screen OLED ขนาด 17 นิ้ว ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่อย่างเหนือชั้นด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8295 จำนวนสองชุด เพื่อเสริมการประมวลผลที่รวดเร็วและทรงพลัง รองรับคำสั่งได้ถึง 60 ล้านคำสั่งต่อวินาที รวมถึงระบบเสียงรอบทิศทางจาก YAMAHA 30 ตัว ที่พร้อมให้ความบันเทิงได้ในทุกการเดินทาง ZEEKR 009 มีราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 3,099,000 บาท
XPENG X9
XPENG X9 เอมพีวีสุดหรูจากแดนมังกร โดยจุดเด่นของรถคันนี้มาพร้อมกับออฟชั่นที่ดูล้ำสมัยรองรับการใช้งานในหลายรูปแบบ ได้รับการออกแบบตัวถังที่คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ ใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอยู่ที่ 0.227 ตัวถังดีไซน์สวยงามมาพร้อมชุดไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED ใต้ฝากระโปรงแบบมีขอบพร้อมตราโลโก้ประจำค่าย ถัดลงมาเป็นชุดไฟหน้า LED ดีไซน์กลมกลืนรับกับชุดกันชนหน้าปิดทึบและช่องระบายอากาศแบบรังผึ้ง มือจับประตูแบบฝังเรียบ ไฟท้าย LED แนวยาวทรงสปอร์ตรับกับหลังคาลาดแบบ Hatchback และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 235/50R20 สร้างจากแพลตฟอร์ม SEPA 2.0 platform จากโครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป มีมิติตัวถังยาว 5,293 มิลลิเมตร กว้าง 1,988 มิลลิเมตร สูง 1,785 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 3,160 มิลลิเมตร มีระบบขับเคลื่อนทั้ง 1 และ 2 มอเตอร์ แบบ RWD และ AWD ด้วยมระบบส่งกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลังถึง 320 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร จากความจุแบตเตอรี่ lithium iron phosphate (LFP) 84.5 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 610 km ตามมาตรฐาน CLTC หรือ 580 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ภายใน 7.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จเร็ว DC 10-80% 20 นาที ในส่วนของอีกหนึ่งรุ่นวิ่งได้ไกลสุด 702 กม. (CLTC) แบตใหญ่สุด 101 kWh กินพลังงานต่ำเพียง 16.2kWh/100km พร้อมการชาร์จเร็วด้วยแบตเตอรี่ 800v รองรับกำลังสูงสุด 330kW
ภายในเห็นห้องโดยสารหรูหราพร้อมแผงหน้าปัดดิจิทัลแบบ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว ระบบอินโฟเทนเมนต์แบบลอยตัวขนาด 17.3 นิ้ว และลายไม้ที่ล้อมรอบดูหรูหรา เชื่อมต่อด้วยที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย 2 ตำแหน่ง ประมวลผลเร็วด้วย Qualcomm Snapdragon SA8295P และลำโพงรอบคัน 23 จุดกำลังขับ 2,180 W พร้อมเส้นสายตกแต่งด้วยสีเงิน และจอทีวีติดเพดานขนาดใหญ่บนหลังคารถขนาด 21.4 นิ้ว ไฮไลท์ที่สุดก็คือภายในสบายแบบ 7 ที่นั่ง เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าด้านคนขับปรับ 12 ทิศทาง และคนนั่ง 4 ทิศทาง เบาะนั่งแถวที่ 2 ที่สามารถปรับเอนได้ทั้งพนักพิงและที่พักเท้า ออกแบบให้เข้ากับรูปร่างของชาวจีนละชาวเอเชีย เพื่อความสบายยิ่งขึ้น ทำให้ผู้โดยสารแถวที่ 2 สามารถผ่อนคลายปรับได้ 10 ทิศทาง พร้อมเบาหลังสามารถปรับพับเรียบได้ หากต้องการอะไรดับกระหาย ก็มี “ตู้เย็น” ในตัวพร้อมการตั้งค่าอุณหภูมิระหว่าง 0-50° C พร้อมระบบฟอกอากาศที่ทำให้หายใจได้อย่างสะดวก เครื่องปรับอากาศ เบาะนั่งแถวที่ 2 ยังติดตั้งบนแถบเลื่อนไฟฟ้า ในขณะที่แถวที่ 3 พับราบเพื่อให้เห็นพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 2,554 ลิตร และตอนไม่พับเบาะมีพื้นที่ 755 ลิตร และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟคู่ ราคาจำหน่าย XPENG X9 อย่างเป็นทางการ 2,790,000 บาท
MG MAXUS 9
เดินทางมาถึงในรุ่นสุดท้าย ซึ่งก็คือ MG MAXUS 9 ถือเป็นเจ้าแรกๆ ที่เปิดตัวรถ MPV ไฟฟ้าในประเทศไทย มาพร้อมกับขุมพลัง E- PERFORMANCE ด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 245 แรงม้า ด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion จัดวางแบบ Cell To Pack ขนาดความจุ 90 kWh สามารถวิ่งในระยะทางสูงสุด 540 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC พร้อมระบบระบายความร้อน ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร รองรับการชาร์จ 2 รูปแบบทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge ชาร์จแบบเร็ว DC Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 30% - 80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที* ที่ความเร็วสูงสุด 120 kWh ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 5% – 100% ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที (ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า) รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kWh
MG MAXUS 9 มีมิติตัวถังยาว 5,270 มิลลิเมตร กว้าง 2,000 มิลลิเมตร สูง 1,840 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 3,200 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 140 มิลลิเมตร พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง พร้อมดีไซน์การตกแต่งให้หรูหรา แต่แฝงด้วยฟังก์ชันการใช้งานไว้รองรับอยู่รอบคัน สะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารปรับไฟฟ้า เบาะนั่งแถวที่สองแบบ Captain Seat พร้อมระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และรองรับการเชื่อมต่อทุกรูปแบบ ดีไซน์คอนโซลหน้าแบบ Double Layer พร้อมที่วางแก้ว และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger) เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ พร้อมการตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบ SOFT TOUCH และไฟห้องโดยสาร Ambient Light ถึง 64 สี เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง เบาะนั่งแถวที่สองในรุ่น V แบบ VIP Captain Seat พร้อมระบบจดจำตำแหน่งการนั่ง (Memory Seats) ระบบนวด เบาะอุ่นและระบายความร้อนควบคุมผ่านหน้าจอ Touch Screen พร้อมช่องวางโทรศัพท์ โต๊ะพับและที่วางแก้ว หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว (Digital Interactive Multi-function Display) และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมลำโพง 12 จุด ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB 9 จุด และช่องจ่ายไฟ AC Adaptor 220V มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2.499 ล้านบาท รุ่น X และ รุ่น V ในราคา 2.699 ล้านบาท
จริงๆ แล้วทั้งหมดที่เลดี้ยกมาให้ชม เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีรถยนต์ MPV ที่น่าสนใจอีกเพียบ สามารถเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น