ฟิล์มรถยนต์ มีกี่ประเภท ยี่ห้อไหนเหมาะกับคุณที่สุด พร้อมวิธีเลือก ฟิล์มติดรถยนต์ ให้โดนใจ ดูค่าอะไรถึงรู้ว่าฟิล์มกรองแสงรถยนต์ยี่ห้อนี้ดี
คลิกอ่านเฉพาะหัวข้อที่คุณสนใจ
ติดฟิล์มรถยนต์ยี่ห้อไหนดี 2568
ฟิล์มติดรถยนต์ คือ ฟิล์มกรองแสงที่ออกแบบมาเพื่อติดตั้งบนกระจกรถยนต์โดยเฉพาะ นอกจากจะช่วยลดความร้อนและถนอมวัสดุภายในรถ ยังช่วยป้องกันรังสี UV ที่เป็นอันตราย ลดอันตรายจากอุบัติเหตุที่ทำให้กระจกแตก ทั้งยังถนอมสายตา ช่วยขับขี่ได้สบายตามากขึ้น
แต่ถ้าคุณอยากรู้ว่า ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี Autospinn แนะนำ 3 ยี่ห้อนี้เลย
1. ฟิล์มติดรถยนต์ Lamina
Lamina เป็นหนึ่งในยี่ห้อฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงในประเทศไทย ด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพที่น่าสนใจ จึงทำให้เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ มีฟิล์มรถยนต์มากถึง 9 ซีรีส์ มากกว่า 60 รุ่น ว่าแต่ฟิล์มลามิน่า รุ่นไหนดี ขอแนะนำรุ่นต่อไปนี้
Lamina Digital Pop Boost Series
เนื้อฟิล์มระดับอนุภาคเมทัลลิคอัลลอยบริสุทธิ์ 100% ปลอดสนิม ลดความร้อนจากแสงแดดจริงได้สูงขึ้นถึง 60%
ราคาบานหน้ารวมรอบคันเริ่มที่ 9,500 บาท
Lamina Digital Mystery Boost
เหมาะกับคนที่ขับกลางแดดบ่อย ๆ มีเทคโนโลยี DigitalBoost® ช่วยบูสต์สัญญาณดิจิทัลให้เร็ว แรง และเสถียรมากขึ้นกว่าเดิม
ราคารอบคันรวมบานหน้าเริ่มต้น 13,800 บาท
Lamina Digital Ceramic Iris Boost
มาพร้อม 3 นวัตกรรมสุดล้ำ คือ AntiSolar+ กันร้อน กันยูวี, DigitalBoost รองรับสัญญาณดิจิทัลทุกชนิด และ NanoClear เนื้อฟิล์มชนิดใหม่ สวยเข้มภายนอก เคลียร์ชัดภายใน
ราคารอบคันรวมบานหน้าเริ่มต้น 15,000 บาท
Lamina Digital CM ONE Boost
ใช้นวัตกรรมอนาคต Nano DigitalHybrid 100% เคลียร์ขึ้น ชัดขึ้น สวยขึ้น พร้อมผนึกเทคโนโลยี DigitalBoost® ตอบโจทย์ยานยนต์ยุค 5G
ราคารอบคันรวมบานหน้าเริ่มต้น 21,900 บาท
Lamina Digital Ceramatrix Safety
ฟิล์มเซรามิกนิรภัย หนา 4 มม. เน้นป้องกันการโจรกรรมและความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เข้มนอกชัดใน กันความร้อน กันทุกรังสี รองรับทุกสัญญาณดิจิทัล
ราคารอบคันและบานหน้าเริ่มต้น 31,000 บาท
2. ฟิล์มรถยนต์ Hi-Kool
ฟิล์มกรองแสงเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่อยากแนะนำ ด้วยมาตรฐานของอเมริกา ฟิล์มจึงมีคุณภาพสูง ราคาคุ้มค่า ทุกรุ่นรับประกันนานถึง 7 ปี มีให้เลือกหลายรุ่นตามความต้องการ เช่น
R Series
R Series เป็นฟิล์มกรองแสง Hi-Kool ในตำนาน มีมานานกว่า 30 ปี รุ่นนี้จะเป็นฟิล์มเคลือบโลหะที่มีคุณสมบัติกันความร้อนได้สูง
เคลือบฟิล์มด้วยวิธี Sputtering โดยใช้พลังปรมาณูยิงไปยังโลหะภายใต้สภาพสุญญากาศ ทำให้โลหะจะเรียงตัวทีละอะตอม มีความละเอียด แน่นหนา และทนทาน มี 3 โทนสีให้เลือก คือ โทนเทา โทนเขียว และโทนฟ้า
UV CARE
ฟิล์มกรองแสงเซรามิกเกรดพรีเมียมที่ใช้นวัตกรรม "SUPER CLEAR PLUS Technology" หลอมฟิล์มหลายชั้นเข้าด้วยกันโดยไม่ใช้กาว
-
ป้องกันรังสี UV400 ต้นเหตุของผิวเหี่ยวย่น กระ ฝ้า และมะเร็งผิวหนังได้ 100%
-
ป้องกันแสงฟ้า ต้นเหตุจอประสาทตาเสื่อมได้ 98% สูงสุดในปัจจุบัน
-
ไม่ขัดขวางสัญญาณ Easy Pass และ GPS
-
สะท้อนแสงต่ำ ลดความร้อนได้ดี
-
ใส เคลียร์ ไม่ซีดจาง
Black Carbon
ฟิล์มติดรถยนต์ Hi-Kool รุ่นนี้ทำจากคาร์บอนที่มีขนาดเล็กในระดับนาโน (10-9m) ตอบโจทย์คนที่ชอบฟิล์มโทนดำดุ ๆ เพราะไม่ค่อยมันวาว
-
ดำสนิทจากภายนอก ใสเคลียร์จากภายใน
-
ป้องกัน UVA และ UVB สาเหตุของมะเร็งผิวหนังได้ 99.99%
-
ป้องกันความร้อนจากแสงแดดสูงสุด 75%
-
ป้องกันรังสี Infrared สูงสุด 80%
-
ไม่รบกวนสัญญาณดิจิทัลทุกชนิด
-
สะท้อนแสงต่ำ ไม่รบกวนทัศนวิสัยในการขับขี่บนท้องถนน
รุ่นนี้เป็นฟิล์มเซรามิกติดรถยนต์ของ Hi-Kool ที่เหนือกว่าฟิล์มเซรามิกที่เคยมี เพราะผสาน Nano Ceramic สารป้องกัน UV และ IR เข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับเนื้อฟิล์ม ทำให้ฟิล์มทนทาน ใช้งานได้นานขึ้น ทั้งยังมอบทัศนวิสัยในการขับขี่คมชัดยิ่งขึ้น
-
ป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99%
-
ป้องกันความร้อนจากรังสีอินฟราเรด (IR) สูงถึง 97%
-
ช่วยลดแสงจ้า ถนอมสายตา และเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็น
-
ปกป้องอุปกรณ์ภายในรถยนต์ไม่ให้ซีดจาง เสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด
-
ช่วยประหยัดพลังงาน ลดการทำงานหนักของเครื่องปรับอากาศ
-
ไม่กีดกั้นสัญญาณ Easy Pass* หรือ GPS
3. ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 3M™
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 3M™ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของคุณภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนและรังสี UV นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีที่หลากหลาย ทำให้มีฟิล์มให้เลือกหลายรุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้บริโภค ปัจจุบันมีให้เลือก 4 ซีรีส์ ได้แก่
XP Series
-
ลดความร้อนจากแสงอาทิตย์โดยรวม (TSER) สูงสุดถึง 65%
-
ลดความร้อนจากรังสีอินฟราเรด (IRR) สูงสุดถึง 35%
-
ป้องกันรังสียูวี (UVR) สูงสุด 99.9%
-
แสงส่องผ่าน (VLT) เพียง 4% - 65%
-
ลดแสงจ้าสูงสุด 95%
Ceramic IM Series
-
ลดความร้อนจากแสงอาทิตย์โดยรวม (TSER) สูงสุดถึง 65.5%
-
ลดความร้อนจากรังสีอินฟราเรด (IRR) สูงสุดถึง 82%
-
ป้องกันรังสียูวี (UVR) สูงสุด 99.9%
-
แสงส่องผ่าน (VLT) เพียง 7.1% - 62.3%
-
ลดแสงจ้าสูงสุด 90.2%
-
ไม่บล็อกสัญญาณสื่อสาร
Ceramic IR Series
-
ลดความร้อนจากแสงอาทิตย์โดยรวม (TSER) สูงสุดถึง 66%
-
ลดความร้อนจากรังสีอินฟราเรด (IRR) สูงสุดถึง 95%
-
ป้องกันรังสียูวี (UVR) สูงสุด 99.9%
-
แสงส่องผ่าน (VLT) เพียง 5% - 64%
-
ลดแสงจ้าสูงสุด 93%
-
ไม่บล็อกสัญญาณสื่อสาร
-
ได้รับคำแนะนำจากสถาบันมะเร็งผิวหนัง
Crystalline Series
-
ลดความร้อนจากแสงอาทิตย์โดยรวม (TSER) สูงสุดถึง 64%
-
ลดความร้อนจากรังสีอินฟราเรด (IRR) สูงสุดถึง 99%
-
ป้องกันรังสียูวี (UVR) สูงสุด 99.9%
-
แสงส่องผ่าน (VLT) 17% - 72%
-
ลดแสงจ้าสูงสุด 77%
-
ไม่บล็อกสัญญาณสื่อสาร
-
ได้รับคำแนะนำจากสถาบันมะเร็งผิวหนัง
ฟิล์มติดรถยนต์มีกี่ประเภท
ฟิล์มติดรถยนต์มีให้เลือกหลายประเภท ซึ่งคุณภาพและราคาก็จะแตกต่างกันไป สำหรับบทความนี้ Autospinn แบ่งได้ประเภทฟิล์มกรองแสงรถยนต์เป็น 7 ประเภท ได้แก่
1. ฟิล์มติดรถยนต์ แบบย้อมสีหรือย้อมดำ
ฟิล์มรถยนต์ประเภทนี้จะใช้การย้อมสีดำแล้วฉาบลงบนผิวหน้าฟิล์ม เทคโนโลยีการผลิตไม่ได้ซับซ้อนเท่าไรนัก แต่ก็พอช่วยกรองแสงได้บ้าง
-
กันความร้อนได้น้อย
-
ป้องกันรังสี UV ไม่ได้
-
ซีดจางง่ายหากโดนแดดเป็นเวลานาน
-
ราคาถูกเมื่อเทียบกับฟิล์มชนิดอื่น ๆ
-
อายุการใช้งานค่อนข้างสั้น ส่วนใหญ่ประมาณ 1 ปี
2. ฟิล์มติดรถยนต์เคลือบโลหะ (ฟิล์มปรอท)
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ประเภทนี้จะใช้โลหะ เช่น อะลูมิเนียม เงิน อัลลอย หรือทองแดง ผนึกลงในเนื้อฟิล์มเพื่อกันความร้อนเข้ามาภายในรถ แล้วที่เรียกว่า “ฟิล์มปรอท” ก็เพราะว่าเวลาสะท้อนแสง มองแล้วเหมือนสีของปรอทนั่นเอง
-
ป้องกันความร้อนได้ดีมาก เทียบเท่าฟิล์มเซรามิก
-
ช่วยให้รถดูใหม่ขึ้น เพราะมีความเงามาก แต่ก็สะท้อนแสงมากเช่นกัน
-
มีหลากหลายโทนสีให้เลือก เช่น สีฟ้า สีเขียว สีชา สีเทา สีดำ
-
ราคาปานกลาง ไม่แรงมาก
-
สัญญาณดิจิทัลอาจสะดุดบ้าง เพราะโลหะจะรบกวนสัญญาณต่าง ๆ แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีสัญลักษณ์ Easy Pass OK จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง
-
แสงมักจะสะท้อนเข้าตาคนอื่น ควรเลือกรุ่นที่ค่าการสะท้อนไม่สูงเกินไป
3. ฟิล์มคาร์บอน (ฟิล์มชาโคล)
ฟิล์มคาร์บอนถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่ออุดข้อเสียของฟิล์มปรอท มีการผนึกถ่าน (Charcoal) ลงไปในเนื้อฟิล์มเพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการกันความร้อน แต่ด้วยถ่านมีส่วนทำให้ฟิล์มสีเข้ม ความใสเลยน้อยกว่าฟิล์มเซรามิกนิดหน่อย แต่ก็มีคุณสมบัติหลายอย่างที่ใกล้เคียงกัน เช่น
-
ไม่ปิดกั้นสัญญาณดิจิทัล
-
อายุการใช้งานนานถึง 10 ปี ทนต่อการขีดข่วน
-
สีฟิล์มไม่ซีดจางตามกาลเวลา
-
กันความร้อนได้ดีพอ ๆ กับฟิล์มเซรามิกแท้
-
ราคาไม่สูงเท่าฟิล์มเซรามิก
4. ฟิล์มเซรามิก
ฟิล์มเซรามิกใช้วิธีการเคลือบฟิล์มแบบ Magnetron Sputtering ซึ่งเป็นการฝังอณูนาโนเซรามิกเข้าไปในชั้นเนื้อฟิล์ม จึงมีคุณสมบัติยืดหยุ่น ทนทาน กันความร้อนได้ดี ไม่มันวาวและสะท้อนตรงคอนโซล กลายเป็นฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน เพราะมีคุณสมบัติที่พิเศษกว่าฟิล์มรถยนต์ทั่วไป คือ
-
มืดข้างนอก สว่างข้างใน เหมาะกับคนที่รักความเป็นส่วนตัว แต่อยากเห็นภายนอกแบบชัด ๆ
-
สีดำด้าน เงาน้อย เพราะใช้อณูนาโนเซรามิกเป็นสารกันความร้อน ไม่ใช่โลหะเลยไม่เงา
-
กันความร้อน, รังสี UV, และรังสีอินฟราเรด (IR) ได้สูงเกือบ 100% ถนอมสุขภาพผิวและดวงตา
-
ทนทาน ใช้งานได้นาน เพราะใช้วิธีการผลิต Magnetron Sputtering
-
รองรับทุกสัญญาณดิจิทัลได้ทุกชนิด เพราะเซรามิกเป็นอโลหะ จึงไม่รบกวนการรับ-ส่งสัญญาณ
5. ฟิล์มรถยนต์แบบใสกันร้อน
ฟิล์มติดรถยนต์ประเภทนี้จะใสมาก แต่คุณสมบัติในการกันความร้อนก็สูงมากเช่นกัน กระบวนการผลิตจะซับซ้อนกว่าฟิล์มทั่วไป มีการผนึกสารกันความร้อนคุณภาพสูงเอาไว้ ส่วนใหญ่นิยมติดรถคลาสสิกหรือรถ Premium Luxury ที่ต้องการโชว์การตกแต่งภายในรถยนต์มากกว่า
-
ป้องกันรังสี UV ได้ แม้จะใสมาก ๆ
-
มองเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจน ไม่บดบังทัศนวิสัยในการขับขี่
-
รุ่นที่ผนึกโลหะลงไปในเนื้อฟิล์มจะไม่ค่อยรองรับสัญญาณดิจิทัลเท่าไร
-
รุ่นที่ผนึกถ่านหรือเซรามิกจะรองรับสัญญาณดิจิทัลได้ 100%
6. ฟิล์มติดรถยนต์นิรภัย
ฟิล์มติดรถยนต์นิรภัยถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารและทรัพย์สินภายในรถโดยเฉพาะ ไม่ว่าจากการโจรกรรม พายุ แผ่นดินไหว หรือระเบิด เนื้อฟิล์มจะหนากว่าฟิล์มติดรถยนต์ประเภทอื่น 2-4 เท่า หรือมีความหนาประมาณ 4 mm. หรือ 100 ไมครอนขึ้นไป เพราะมีการเพิ่มชั้นโพลีเอสเตอร์และปริมาณกาวชนิดพิเศษที่เหนียวแน่นกว่าฟิล์มชนิดอื่น
-
กันความร้อนได้ปานกลาง
-
ป้องกันรังสี UV ได้มากถึง 99%
-
เลือกได้หลายสี หลายชนิด
-
ฟิล์มติดอยู่ด้านนอก ถ้าตากแดดตากฝนบ่อย ๆ อายุการใช้งานของฟิล์มจะสั้นลง
7. ฟิล์มดิจิทัล
ฟิล์มดิจิทัล คือ ชื่อเรียกฟิล์มกรองแสงที่มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการผ่านของสัญญาณดิจิทัลยุคใหม่ ซึ่งเหมาะกับ Smart Car ส่วนใหญ่จะใส่เทคโนโลยีนี้ในฟิล์มโลหะและฟิล์มเซรามิก
เลือกฟิล์มติดรถยนต์ ต้องดูค่าอะไรบ้าง
นอกจากประเภทฟิล์มรถยนต์ เราสามารถเลือกฟิล์มกรองแสงรถยนต์โดยดูค่าเหล่านี้ควบคู่ไปด้วยได้
-
ค่าแสงส่องผ่าน (Visible Light Transmission : VLT) ยิ่งน้อย แปลว่าแสงผ่านเข้ามาในรถน้อย
-
ค่าการสะท้อนแสง (Visible Light Reflection : VLR) ยิ่งมาก ฟิล์มยิ่งเงา = สะท้อนแสงมาก
-
ค่าการลดรังสี UV (UV Rays Rejection : UVR) ยิ่งมาก ยิ่งดีต่อผิว
-
ค่าการลดความร้อนจากแสงแดด (Total Solar Energy Rejection : TSER) เป็นค่าในการป้องกันความร้อนโดยรวมจากแสงแดด ทั้งจากรังสี UV, แสงสว่าง (Visible Light) และอินฟราเรด (IR) ยิ่งสูง ยิ่งกันความร้อนได้ดี
-
ค่ากันร้อนจากรังสีอินฟราเรด (Infrared Rays Rejection : IRR) ยิ่งสูง ยิ่งดี แต่ค่านี้สามารถทดสอบให้ได้ % สูง ๆ ได้ง่าย เพียงแค่ใช้หลอดไฟอินฟราเรด แนะนำให้ดูค่า TSER จะครอบคลุมมากกว่า
การเลือกฟิล์มติดรถยนต์เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ ความต้องการ และคุณสมบัติของฟิล์ม การศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณเลือกฟิล์มที่เหมาะสมกับรถของคุณมากที่สุด
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น