ในยุคที่มลพิษทางอากาศเป็นภัยคุกคามสุขภาพ เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ กลายเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่คนให้ความสนใจ บ้างก็ว่าจำเป็น บ้างก็ว่าไม่ บทความนี้จึงมาตอบคำถามว่า เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ จำเป็นไหม จำเป็นกับใคร แล้วควรเลือกยี่ห้อไหนดี
เครื่องฟอกอากาศในรถ จำเป็นจริงหรือ ?
แม้ว่าภายในรถยนต์จะเป็นพื้นที่ปิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปราศจากมลพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพการจราจรติดขัด มลพิษที่สะสมในรถยนต์มีทั้งฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ไอเสียจากรถคันอื่น สารเคมีจากชิ้นส่วนรถยนต์ รวมถึงเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจปะปนอยู่ในอากาศ การมีเครื่องฟอกอากาศในรถจึงกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับบางคน เพราะหลายรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อกำจัดมลพิษเหล่านี้นั่นเอง
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์จำเป็นสำหรับใคร
-
ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ หอบหืด หรือโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เครื่องฟอกอากาศในรถจะช่วยลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้และฝุ่นละอองในอากาศ ทำให้หายใจได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
-
ผู้ที่ต้องขับรถเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัด ซึ่งจะได้รับมลพิษในปริมาณมาก การมีเครื่องฟอกอากาศจึงช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพจากมลพิษได้
-
ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง การมีเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์จะช่วยป้องกันร่างกายจากอันตรายของมลพิษได้
-
เด็กและผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มที่เปราะบางต่อมลพิษทางอากาศ การมีเครื่องฟอกอากาศในรถจะช่วยปกป้องสุขภาพของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น
-
ผู้ที่ต้องการอากาศบริสุทธิ์ในรถยนต์ แม้จะไม่ได้มีเหตุผลด้านสุขภาพเป็นพิเศษ แต่บางคนก็ต้องการเพียงแค่อากาศที่สะอาดและสดชื่นในรถยนต์ เครื่องฟอกอากาศก็สามารถตอบโจทย์นี้ได้
เครื่องฟอกอากาศในรถ ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนน่าใช้ 2025
1. เครื่องฟอกอากาศในรถ Philips
สำหรับเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Philips ขอแนะนำรุ่น Philips GoPure 7101 นอกจากดีไซน์จะสวยงาม น่าใช้ ประสิทธิภาพในการกรองยังดีอีกด้วย แผ่นกรองได้รับการรับรองจาก Airmid ขจัดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้ 90% เลยทีเดียว
- กรอง PM 2.5: ได้
- ราคาเครื่องฟอกอากาศในรถ Philips GoPure 7101: 6,000 บาท (โดยประมาณ)
จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ Philips GoPure 7101
- กรอง PM 2.5 ในเวลาเพียง 6 นาที ค่า CADR สูงสุดถึง 22.9 ลบ.ม./ชม.
- ค่า CADR ในการกรองแก๊สพิษ 14 ลบ.ม./ชม. สามารถกรองควันเสียจากรถยนต์ สารเคมีจากวัสดุพลาสติก และสารส่งกลิ่นอื่น ๆ อาทิ สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOC) สารโทลูอีน และฟอร์มาลดีไฮด์
- ค่า CADR ในการกรองไนโตรเจนไดออกไซด์ 18 ลบ.ม./ชม. และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ 15 ลบ.ม./ชม. ซึ่งทั้งสองเป็นควันอันตรายจากการจราจรที่เลี่ยงได้ยาก
- เช็กคุณภาพอากาศทั้งภายในและภายนอกแบบเรียลไทม์ผ่านแอปได้
- มีสัญญาณแจ้งเตือนเปลี่ยนแผ่นกรอง และยังสามารถกดสั่งซื้อแผ่นกรองอากาศผ่านแอปได้ในคลิกเดียว
*ค่า CADR คือ ค่าที่แสดงถึงปริมาณอากาศบริสุทธิ์ที่เครื่องฟอกอากาศผลิต (ค่ายิ่งสูง ยิ่งดี)
2. เครื่องฟอกอากาศในรถ CONOCO
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ 2025 นาทีนี้ขอแนะนำรุ่น CONOCO C8 PRO มาอุดหนุนแบรนด์ไทยกันเถอะ เพราะคุณภาพของเจ้าเครื่องนี้ไม่แพ้แบรนด์อื่นเลย นอกจากจะกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ถึง 99.99% ยังกรองกลิ่นไม่พึงประสงค์ แถมยังใช้งานง่าย ติดตั้งได้ 3 ตำแหน่ง ทั้งที่วางแขน คอนโซลหน้ารถ หลังพนักพิง ที่สำคัญ ราคาถูก เข้าถึงง่ายมาก ๆ
- กรอง PM 2.5: ได้
- ราคาเครื่องฟอกอากาศ CONOCO C8 PRO: 4,990 บาท
จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ CONOCO C8 PRO
- ทำงานอัตโนมัติ แค่สตาร์ตรถ อากาศก็บริสุทธิ์ทันที
- มีฟังก์ชัน UV ฆ่าเชื้อโรค เซ็นเซอร์ตรวจจับมลพิษ พร้อมแสดงผลหน้าเครื่อง
- ใช้ไส้กรอง HEPA H13 เกรดเดียวกับห้องผ่าตัดโรงพยาบาล
- หน้าจอแสดงผล LED แสดงคุณภาพอากาศ พร้อมตัวเลข
- ใช้ได้กับรถยนต์ 4-11 ที่นั่ง
- เครื่องทำงานเงียบ
- รับประกัน 1 ปีเต็ม ไม่ซ่อมให้ แต่เปลี่ยนเครื่องใหม่ให้เลย
3. เครื่องฟอกอากาศในรถ bwell
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ไร้สาย 2025 ที่กำลังมาแรง คือ bwell G9 ดีไซน์คล้ายพัดลมจิ๋ว มีสายหิ้วพกพาได้ เหมาะสำหรับรถยนต์และห้องขนาดเล็กไม่เกิน 10 ตารางเมตร สามารถฟอกอากาศได้ครบวงจร ตั้งแต่กรองฝุ่น ดูดกลิ่น และฆ่าเชื้อโรค ควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัส ความจุแบตเตอรีถึง 2600 mAh เลยล่ะ
- กรอง PM 2.5: ได้
- ราคาเครื่องฟอกอากาศ bwell G9: 4,990 บาท
จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ bwell G9
- มีระบบฟอกอากาศ 5 ขั้นตอน
- มีแผ่นกรอง HEPA เกรด H13 ละเอียด 0.1 ไมครอน
- มี Ionizer ช่วยสลายควันบุหรี่ และแสง UVA ระบบปิดกำจัดเชื้อโรค
- ตั้งเวลาปิดได้ 2 ชม. และ 4 ชม.
- เปิดปิดการทำงานระบบฆ่าเชื้อโรค UVA ได้
- รับประกันมอเตอร์ 5 ปี ตัวเครื่อง 1 ปี
4. เครื่องกรองอากาศในรถยนต์ Electrolux
เครื่องฟอกอากาศในรถแบบพกพา Electrolux ขอแนะนำรุ่น UltimateHome300 รุ่นนี้โดดเด่นเรื่องน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด อีกทั้งดีไซน์ยังเหมือนกระบอกน้ำ มีสายแขวนที่พกพาไปได้ทุกที่อีกด้วย ที่สำคัญ มาพร้อมระบบการกรอง 4 ขั้นตอน มีทั้งตัวกรองป้องกันเชื้อแบคทีเรีย PET ตัวกรอง Care Ultimate และ Ionizer มั่นใจได้ว่าอากาศสะอาศ ไร้เชื้อโรคแน่นอน
- กรอง PM 2.5: ได้
- ราคาเครื่องฟอกอากาศ Electrolux UltimateHome300: 3,990 บาท
จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ Electrolux UltimateHome300
- มีเทคโนโลยี IonActive ช่วยลดเชื้อแบคทีเรีย โดยการปล่อยไอออนประจุลบ 2 ล้านตัวต่อ ตร.ซม.
- ลดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายได้ 99.9% และเชื้อไวรัส H1N1
- ลดเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ HCoV-229E ได้ 93%
- มีช่องเติมน้ำหอมช่วยเพิ่มความสดชื่น
- ปรับองศาเครื่องฟอกอากาศได้ตามที่ต้องการ
- เสียงเบา ≤ 43 dB (ความเร็ว: lv1=24 dB, lv2=36 dB, lv3=43 dB)
5. เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Sharp
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Sharp รุ่นไหนดี แนะนำ SHARP IG-NX2B รูปทรงแก้วน้ำ สามารถใช้ได้ทั้งภายในรถยนต์และสถานที่ต่าง ๆ ได้สะดวก มาพร้อมนวัตกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาร์ป นั่นก็คือ ‘เทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์’ ที่พ่นอนุภาคไฟฟ้าพลาสม่าคลัสเตอร์บวกและลบแบบเข้มข้น เพื่อยึดเกาะและย่อยสลายเชื้อโรคในอากาศ และยังปล่อยประจุกลับเข้าไปในอากาศในรูปแบบของไอน้ำที่มองไม่เห็น เพื่อมอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้า ลดการเกิดไฟฟ้าสถิตได้ด้วย
- กรอง PM 2.5: ไม่ได้
- ราคาเครื่องฟอกอากาศ SHARP IG-NX2B: 4,190 บาท
จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ SHARP IG-NX2B
- มีเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ที่ฆ่าเชื้อราและเชื้อไวรัสได้จริง
- ทดสอบแล้วว่าสามารถทำลายเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้
- ขจัดกลิ่นได้รวดเร็ว ทั้งกลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นเหงื่อ กลิ่นอาหาร กลิ่นเชื้อรา และกลิ่นสัตว์เลี้ยงได้
- ใช้งานได้ยาวนานถึง 17,500 ชั่วโมง ครอบคลุมพื้นที่การใช้งาน 3.6 ตารางเมตร
- ปรับระดับความแรงลมได้ 3 ระดับ
- แผ่นกรอง PM10 ดักจับละอองเกสรดอกไม้ และฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ 80%
- รองรับการเชื่อมต่อ USB นำไปใช้ที่โต๊ะทำงานได้สะดวก
6. เครื่องฟอกอากาศในรถ Panasonic
Panasonic ทำเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ได้ดีไม่แพ้แบรนด์อื่น ครั้งนี้มาในชื่อ nanoe™ X generator รุ่น F-GPT01A ที่สามารถกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ยับยั้งแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา สารก่อภูมิแพ้ ละอองเกสรดอกไม้ ขณะเดียวกันยังสร้างความชุ่มชื้นให้ผิวไปในตัว รูปทรงคล้ายแก้วกาแฟ ใช้งานง่าย วางได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงาน รถยนต์ ล็อกเกอร์ หรือตู้เสื้อผ้า
- กรอง PM 2.5: ได้
- ราคาเครื่องฟอกอากาศในรถ Panasonic nanoe™ X generator: 3,990 บาท
จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Panasonic nanoe™ X generator
- เทคโนโลยี nanoe™ X เอกลักษณ์เฉพาะของ Panasonic สามารถจับฝุ่นระยะไกลและซึมลึกลงไปในเนื้อผ้าเพื่อกำจัดกลิ่นได้
- ผลิตอนุมูลไฮดรอกซิลได้ 9.6 ล้านล้านอนุมูลในหนึ่งวินาที ยับยั้งมลพิษและไวรัสได้รวดเร็ว
- อนุภาคปลอดภัย ไม่ใช้สารเคมี
- พกพาสะดวก ไม่กินเนื้อที่ น้ำหนักเพียง 0.4 กก.
7. เครื่องฟอกอากาศพกพา Xiaomi
สำหรับเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Xiaomi รุ่นที่น่าสนใจ คือ SmartMi Car Air Purifier หน้าตาน่ารัก น้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวกและจัดเก็บได้ง่าย ตอบโจทย์สายมินิมัลและรถยนต์ที่มีขนาดภายใน 4.2-7.2 ตารางเมตร ตัวเครื่องสามารถกรองอากาศเข้าได้ 3 ด้าน มีวงจรการไหลเวียนของอากาศจากหลังไปหน้า เรียกได้ว่าเป็นเครื่องกรองอากาศรถยนต์สุดอัจฉริยะที่คุ้มค่าอีกรุ่นหนึ่งเลย
- กรอง PM 2.5: ได้
- ราคาเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi SmartMi Car Air Purifier: 2,290 บาท
จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ Xiaomi
- ค่า CADR สูงถึง 70 ลบ.ม./ชม.
- กรองฝุ่นได้สูงสุด 0.3 ไมครอน
- ประหยัดพลังงาน ใช้ไฟน้อยแค่ 7 วัตต์
- กรองอากาศได้รวดเร็วด้วยมอเตอร์ DC Brushless
- ตัวเครื่องมีปุ่ม ปิด/เปิด, ไฟสถานะการทำงาน และคุณภาพอากาศ
- มีโหมดเงียบ เสียงเบาเพียง 55 dB
8. เครื่องกรองอากาศในรถ Clair
อีกแบรนด์ที่อดแนะนำไม่ได้ก็คือ Clair ยี่ห้อเครื่องฟอกอากาศยอดนิยมจากประเทศเกาหลี ซึ่งมี Clair B เป็นเครื่องฟอกอากาศที่พกพาไปได้ทุกที่ จะใช้ในรถยนต์ รถเข็นเด็ก คาเฟ่ หรือโต๊ะทำงานก็ได้ ช่วยลดฝุ่น ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ หายใจได้สะดวกขึ้น โดยสามารถกำจัดสารก่อภูมิแพ้, เกสร, เชื้อรา, ควันบุหรี่, ก๊าซไอเสีย และฟอร์มาลดีไฮด์ได้
- กรอง PM 2.5: ได้
- ราคาเครื่องฟอกอากาศในรถ Clair B: 2,892 บาท
จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ Clair
- เสียงเงียบมาก ๆ เพียง 34 dB
- เทคโนโลยี Exclusive MAF กรองสูงสุดถึง 3 ระดับ
- ไส้กรอง E2F ได้รับสิทธิบัตรจาก 27 ประเทศ ดักจับฝุ่นละเอียดถึง 0.1 ไมครอน
- ใช้ระบบ Ionizer แบบโอโซนต่ำ ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
- พัดลมหมุนได้ 180 องศา
- ควบคุมการทำงานด้วยพัดลม 3 ระดับ
9. เครื่องกรอง PM 2.5 ในรถ MITSUTA
เครื่องฟอกอากาศในรถ MITSUTA MCA101 มาในราคาย่อมเยา แต่ประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นไม่แพ้ใคร ไม่ว่าจะ PM2.5 แบคทีเรีย กลิ่นอับ กลิ่นน้ำมัน ควันรถ หรือแก๊สพิษ ก็เอาอยู่! สามารถหายใจได้เต็มปอดในรถ เพราะใช้ระบบกรองอากาศ 4 ขั้นตอน ได้แก่ Pre-Filter (กรองหยาบ) HEPA Filter (กรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก) Activated Carbon Filter (คาร์บอนกรองกลิ่นชนิดเม็ด) และ Ionizer (กรองอากาศให้บริสุทธิ์ ดักจับฝุ่นละอองและเชื้อโรคในอากาศ)
- กรอง PM 2.5: ได้
- ราคาเครื่องฟอกอากาศในรถ MITSUTA MCA101: 2,490 บาท
จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ MITSUTA MCA101
- ดังเพียง ≤ 30 dB เบาที่สุดในบรรดา 10 รุ่นที่แนะนำ
- ใช้กำลังไฟฟ้าน้อยที่สุด เพียง 3 วัตต์เท่านั้น
- กรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน
- ดักจับฝุ่นละอองและฆ่าเชื้อแบคทีเรียด้วยการปล่อยประจุลบ Ionizer
- มี Pre-Filter กรองเส้นผม ขนสัตว์ และเส้นใย
- เสียบใช้งานกับ Power Bank ได้
- ไฟ LED แบบ Colorful เปลี่ยนสีอัตโนมัติ เพิ่มความสนุกในการใช้งาน
- ตัวเครื่องเป็น Aluminium Aloy เกรดพรีเมียม แข็งแรง ดูทันสมัย
- มีไฟแสดงสถานะคุณภาพอากาศ อุณหภูมิ และความชื้นในอากาศ
10. เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Gmax
หากอยากได้ยี่ห้อเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ที่ราคาถูก ขอแนะนำ Gmax รุ่น Car Air Purifier HEPA H11 รุ่น AP-005 พกพาได้สะดวก สามารถใช้ในห้องขนาดไม่เกิน 15 ตร.ม. ได้ กำลังไฟฟ้า ≤ 8W มาพร้อมหน้าจอแสดงสถานะคุณภาพอากาศและความเร็วพัดลม
- การกรอง PM 2.5: ได้
- ราคาเครื่องฟอกอากาศ Gmax AP-005: 1,699 บาท
จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ Gmax AP-005
- ค่า CADR ในการดักจับฝุ่น PM 2.5 18 ลบ.ม./ชม. ด้วยการปล่อยประจุลบ Ionizer
- กรองฝุ่น ควัน และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ด้วยไส้กรอง 3 ชั้น (Pre-Filter, HEPA, Carbon)
- โหมด Auto ปรับความแรงพัดลมอัตโนมัติตามคุณภาพอากาศ
- ระบบปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์ หรือใช้งานต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง
- เพิ่มความหอมสดชื่นได้ง่าย ๆ ด้วยช่องใส่สำลีน้ำหอมในตัว
- เสียงเบา ≤45 dB ไม่รบกวนตอนขับรถ
วิธีการเลือกเครื่องฟอกอากาศในรถ
-
ประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น: ควรเลือกเครื่องที่มี HEPA Filter กรองได้ละเอียด ไมครอนยิ่งน้อย ยิ่งดี หากน้อยกว่า 0.3 ไมครอน ถือว่าสามารถดักจับเชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส สารก่อให้เกิดภูมิแพ้ และฝุ่นละอองได้
-
ประสิทธิภาพในการกรองกลิ่น: เลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีชั้นกรอง Activated Carbon จะช่วยเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้ ยิ่งกรองสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ยิ่งดี โดยเฉพาะฟอร์มาลดีไฮด์ หากสูดดมนาน ๆ อาจเสียชีวิตได้
-
อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR): ค่า CADR บ่งบอกถึงความสามารถในการฟอกอากาศของเครื่อง ยิ่งค่า CADR สูง ก็ยิ่งฟอกอากาศได้เร็วและมีประสิทธิภาพ
-
ขนาดและตำแหน่งที่ติดตั้ง: เลือกขนาดที่เหมาะสม ดีไซน์ที่เข้ากับภายในรถ ครอบคลุมทุกที่นั่ง และไม่เกะกะพื้นที่
-
ระดับเสียง: เลือกเครื่องที่มีโหมดการทำงานเสียงเบา ไม่รบกวนสมาธิขณะขับรถ ความดังอยู่ในระดับ 20-55 dB
-
การชาร์จ: ตรวจสอบวิธีการชาร์จที่สะดวกและปลอดภัย เช็กความยาวของสายว่าพอหรือไม่
-
เทคโนโลยีพิเศษ: เลือกเครื่องที่มีเทคโนโลยีพิเศษที่น่าเชื่อถือ มีงานวิจัยรองรับ และตรวจสอบมาตรฐานการผลิตก่อนซื้อทุกครั้ง
-
ฟังก์ชันเพิ่มเติม: บางรุ่นอาจมีระบบแจ้งเตือนเมื่อต้องเปลี่ยนไส้กรอง, ระบบควบคุมความชื้น หรือระบบฆ่าเชื้อโรค
-
ราคา: ควรเลือกยี่ห้อตามงบที่จ่ายไหว โดยเปรียบเทียบราคาและคุณสมบัติของแต่ละรุ่นเพื่อดูความคุ้มค่า
เครื่องฟอกอากาศไอออนลบ ดีไหม
เรามักจะเห็นหลายแบรนด์นำเสนอเครื่องฟอกอากาศแบบปล่อยประจุลบหรือไอออนลบ เพื่อไปดักจับสิ่งแปลกปลอมที่ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งประจุลบนั้นจะเข้าไปจับกับอนุภาคที่มีประจุบวก เช่น เชื้อไวรัสและแบคทีเรีย รวมถึงกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ นวัตกรรมนี้น่าสนใจ สามารถกำจัดเชื้อโรคและกลิ่นได้จริง แต่ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศยังดีไม่เทียบเท่ากับแบบที่ใช้แผ่นกรอง
สรุป
การเลือกเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์เป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่มลพิษทางอากาศเป็นปัญหาใหญ่ การมีเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์จะช่วยกรองฝุ่นละออง PM2.5 สารก่อภูมิแพ้ และเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เราต้องเผชิญขณะเดินทางได้ ซึ่งทำให้เราและผู้โดยสารได้รับอากาศที่สะอาดและบริสุทธิ์มากขึ้น
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น