10 เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี 2025 พร้อมวิธีเลือกซื้อ Share this
Lifestyle
โหมดการอ่าน

10 เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี 2025 พร้อมวิธีเลือกซื้อ

Chuenkamon Phasuk
โพสต์เมื่อ 06 February 2568

ในยุคที่มลพิษทางอากาศเป็นภัยคุกคามสุขภาพ เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ กลายเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่คนให้ความสนใจ บ้างก็ว่าจำเป็น บ้างก็ว่าไม่ บทความนี้จึงมาตอบคำถามว่า เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ จำเป็นไหม จำเป็นกับใคร แล้วควรเลือกยี่ห้อไหนดี

เครื่องฟอกอากาศในรถ จำเป็นจริงหรือ ?

แม้ว่าภายในรถยนต์จะเป็นพื้นที่ปิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปราศจากมลพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพการจราจรติดขัด มลพิษที่สะสมในรถยนต์มีทั้งฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ไอเสียจากรถคันอื่น สารเคมีจากชิ้นส่วนรถยนต์ รวมถึงเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจปะปนอยู่ในอากาศ การมีเครื่องฟอกอากาศในรถจึงกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับบางคน เพราะหลายรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อกำจัดมลพิษเหล่านี้นั่นเอง

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์จำเป็นสำหรับใคร

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ หอบหืด หรือโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เครื่องฟอกอากาศในรถจะช่วยลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้และฝุ่นละอองในอากาศ ทำให้หายใจได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น

  • ผู้ที่ต้องขับรถเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัด ซึ่งจะได้รับมลพิษในปริมาณมาก การมีเครื่องฟอกอากาศจึงช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพจากมลพิษได้

  • ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง การมีเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์จะช่วยป้องกันร่างกายจากอันตรายของมลพิษได้

  • เด็กและผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มที่เปราะบางต่อมลพิษทางอากาศ การมีเครื่องฟอกอากาศในรถจะช่วยปกป้องสุขภาพของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น

  • ผู้ที่ต้องการอากาศบริสุทธิ์ในรถยนต์ แม้จะไม่ได้มีเหตุผลด้านสุขภาพเป็นพิเศษ แต่บางคนก็ต้องการเพียงแค่อากาศที่สะอาดและสดชื่นในรถยนต์ เครื่องฟอกอากาศก็สามารถตอบโจทย์นี้ได้

เครื่องฟอกอากาศในรถ ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนน่าใช้ 2025

1. เครื่องฟอกอากาศในรถ Philips 

สำหรับเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Philips ขอแนะนำรุ่น Philips GoPure 7101 นอกจากดีไซน์จะสวยงาม น่าใช้ ประสิทธิภาพในการกรองยังดีอีกด้วย แผ่นกรองได้รับการรับรองจาก Airmid ขจัดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้ 90% เลยทีเดียว

  • กรอง PM 2.5: ได้
  • ราคาเครื่องฟอกอากาศในรถ Philips GoPure 7101: 6,000 บาท (โดยประมาณ)

 

เครื่องฟอกอากาศในรถ Philips

จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ Philips GoPure 7101

  • กรอง PM 2.5 ในเวลาเพียง 6 นาที ค่า CADR สูงสุดถึง 22.9 ลบ.ม./ชม.
  • ค่า CADR ในการกรองแก๊สพิษ 14 ลบ.ม./ชม. สามารถกรองควันเสียจากรถยนต์ สารเคมีจากวัสดุพลาสติก และสารส่งกลิ่นอื่น ๆ อาทิ สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOC) สารโทลูอีน และฟอร์มาลดีไฮด์
  • ค่า CADR ในการกรองไนโตรเจนไดออกไซด์ 18 ลบ.ม./ชม. และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ 15 ลบ.ม./ชม. ซึ่งทั้งสองเป็นควันอันตรายจากการจราจรที่เลี่ยงได้ยาก
  • เช็กคุณภาพอากาศทั้งภายในและภายนอกแบบเรียลไทม์ผ่านแอปได้
  • มีสัญญาณแจ้งเตือนเปลี่ยนแผ่นกรอง และยังสามารถกดสั่งซื้อแผ่นกรองอากาศผ่านแอปได้ในคลิกเดียว

*ค่า CADR คือ ค่าที่แสดงถึงปริมาณอากาศบริสุทธิ์ที่เครื่องฟอกอากาศผลิต (ค่ายิ่งสูง ยิ่งดี)

เครื่องฟอกอากาศในรถ Philips

2. เครื่องฟอกอากาศในรถ CONOCO

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ 2025 นาทีนี้ขอแนะนำรุ่น CONOCO C8 PRO มาอุดหนุนแบรนด์ไทยกันเถอะ เพราะคุณภาพของเจ้าเครื่องนี้ไม่แพ้แบรนด์อื่นเลย นอกจากจะกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ถึง 99.99% ยังกรองกลิ่นไม่พึงประสงค์ แถมยังใช้งานง่าย ติดตั้งได้ 3 ตำแหน่ง ทั้งที่วางแขน คอนโซลหน้ารถ หลังพนักพิง ที่สำคัญ ราคาถูก เข้าถึงง่ายมาก ๆ

  • กรอง PM 2.5: ได้
  • ราคาเครื่องฟอกอากาศ CONOCO C8 PRO: 4,990 บาท

 

เครื่องฟอกอากาศในรถ CONOCO

จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ CONOCO C8 PRO

  • ทำงานอัตโนมัติ แค่สตาร์ตรถ อากาศก็บริสุทธิ์ทันที
  • มีฟังก์ชัน UV ฆ่าเชื้อโรค เซ็นเซอร์ตรวจจับมลพิษ พร้อมแสดงผลหน้าเครื่อง
  • ใช้ไส้กรอง HEPA H13 เกรดเดียวกับห้องผ่าตัดโรงพยาบาล
  • หน้าจอแสดงผล LED แสดงคุณภาพอากาศ พร้อมตัวเลข
  • ใช้ได้กับรถยนต์ 4-11 ที่นั่ง
  • เครื่องทำงานเงียบ
  • รับประกัน 1 ปีเต็ม ไม่ซ่อมให้ แต่เปลี่ยนเครื่องใหม่ให้เลย

3. เครื่องฟอกอากาศในรถ bwell

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ไร้สาย 2025 ที่กำลังมาแรง คือ bwell G9 ดีไซน์คล้ายพัดลมจิ๋ว มีสายหิ้วพกพาได้ เหมาะสำหรับรถยนต์และห้องขนาดเล็กไม่เกิน 10 ตารางเมตร สามารถฟอกอากาศได้ครบวงจร ตั้งแต่กรองฝุ่น ดูดกลิ่น และฆ่าเชื้อโรค ควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัส ความจุแบตเตอรีถึง 2600 mAh เลยล่ะ

  • กรอง PM 2.5: ได้
  • ราคาเครื่องฟอกอากาศ bwell G9: 4,990 บาท

เครื่องฟอกอากาศในรถ bwell

จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ bwell G9

  • มีระบบฟอกอากาศ 5 ขั้นตอน
  • มีแผ่นกรอง HEPA เกรด H13 ละเอียด 0.1 ไมครอน
  • มี Ionizer ช่วยสลายควันบุหรี่ และแสง UVA ระบบปิดกำจัดเชื้อโรค
  • ตั้งเวลาปิดได้ 2 ชม. และ 4 ชม.
  • เปิดปิดการทำงานระบบฆ่าเชื้อโรค UVA ได้
  • รับประกันมอเตอร์ 5 ปี ตัวเครื่อง 1 ปี

4. เครื่องกรองอากาศในรถยนต์ Electrolux

เครื่องฟอกอากาศในรถแบบพกพา Electrolux ขอแนะนำรุ่น UltimateHome300 รุ่นนี้โดดเด่นเรื่องน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด อีกทั้งดีไซน์ยังเหมือนกระบอกน้ำ มีสายแขวนที่พกพาไปได้ทุกที่อีกด้วย ที่สำคัญ มาพร้อมระบบการกรอง 4 ขั้นตอน มีทั้งตัวกรองป้องกันเชื้อแบคทีเรีย PET ตัวกรอง Care Ultimate และ Ionizer มั่นใจได้ว่าอากาศสะอาศ ไร้เชื้อโรคแน่นอน

  • กรอง PM 2.5: ได้
  • ราคาเครื่องฟอกอากาศ Electrolux UltimateHome300: 3,990 บาท

 

เครื่องกรองอากาศในรถยนต์ Electrolux

จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ Electrolux UltimateHome300

  • มีเทคโนโลยี IonActive ช่วยลดเชื้อแบคทีเรีย โดยการปล่อยไอออนประจุลบ 2 ล้านตัวต่อ ตร.ซม.
  • ลดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายได้ 99.9% และเชื้อไวรัส H1N1
  • ลดเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ HCoV-229E  ได้ 93%
  • มีช่องเติมน้ำหอมช่วยเพิ่มความสดชื่น
  • ปรับองศาเครื่องฟอกอากาศได้ตามที่ต้องการ
  • เสียงเบา ≤ 43 dB (ความเร็ว: lv1=24 dB, lv2=36 dB, lv3=43 dB)

5. เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Sharp

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Sharp รุ่นไหนดี แนะนำ SHARP IG-NX2B รูปทรงแก้วน้ำ สามารถใช้ได้ทั้งภายในรถยนต์และสถานที่ต่าง ๆ ได้สะดวก มาพร้อมนวัตกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาร์ป นั่นก็คือ ‘เทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์’ ที่พ่นอนุภาคไฟฟ้าพลาสม่าคลัสเตอร์บวกและลบแบบเข้มข้น เพื่อยึดเกาะและย่อยสลายเชื้อโรคในอากาศ และยังปล่อยประจุกลับเข้าไปในอากาศในรูปแบบของไอน้ำที่มองไม่เห็น เพื่อมอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้า ลดการเกิดไฟฟ้าสถิตได้ด้วย

  • กรอง PM 2.5: ไม่ได้
  • ราคาเครื่องฟอกอากาศ SHARP IG-NX2B: 4,190 บาท

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Sharp

จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ SHARP IG-NX2B

  • มีเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ที่ฆ่าเชื้อราและเชื้อไวรัสได้จริง
  • ทดสอบแล้วว่าสามารถทำลายเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้
  • ขจัดกลิ่นได้รวดเร็ว ทั้งกลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นเหงื่อ กลิ่นอาหาร กลิ่นเชื้อรา และกลิ่นสัตว์เลี้ยงได้
  • ใช้งานได้ยาวนานถึง 17,500 ชั่วโมง ครอบคลุมพื้นที่การใช้งาน 3.6 ตารางเมตร
  • ปรับระดับความแรงลมได้ 3 ระดับ
  • แผ่นกรอง PM10 ดักจับละอองเกสรดอกไม้ และฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ 80% 
  • รองรับการเชื่อมต่อ USB นำไปใช้ที่โต๊ะทำงานได้สะดวก

6. เครื่องฟอกอากาศในรถ Panasonic

Panasonic ทำเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ได้ดีไม่แพ้แบรนด์อื่น ครั้งนี้มาในชื่อ nanoe™ X generator รุ่น F-GPT01A ที่สามารถกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ยับยั้งแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา สารก่อภูมิแพ้ ละอองเกสรดอกไม้ ขณะเดียวกันยังสร้างความชุ่มชื้นให้ผิวไปในตัว รูปทรงคล้ายแก้วกาแฟ ใช้งานง่าย วางได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงาน รถยนต์ ล็อกเกอร์ หรือตู้เสื้อผ้า

  • กรอง PM 2.5: ได้
  • ราคาเครื่องฟอกอากาศในรถ Panasonic nanoe™ X generator: 3,990 บาท

เครื่องฟอกอากาศในรถ Panasonic

จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Panasonic nanoe™ X generator

  • เทคโนโลยี nanoe™ X เอกลักษณ์เฉพาะของ Panasonic สามารถจับฝุ่นระยะไกลและซึมลึกลงไปในเนื้อผ้าเพื่อกำจัดกลิ่นได้
  • ผลิตอนุมูลไฮดรอกซิลได้ 9.6 ล้านล้านอนุมูลในหนึ่งวินาที ยับยั้งมลพิษและไวรัสได้รวดเร็ว
  • อนุภาคปลอดภัย ไม่ใช้สารเคมี
  • พกพาสะดวก ไม่กินเนื้อที่ น้ำหนักเพียง 0.4 กก. 

7. เครื่องฟอกอากาศพกพา Xiaomi

สำหรับเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Xiaomi รุ่นที่น่าสนใจ คือ SmartMi Car Air Purifier หน้าตาน่ารัก น้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวกและจัดเก็บได้ง่าย ตอบโจทย์สายมินิมัลและรถยนต์ที่มีขนาดภายใน 4.2-7.2 ตารางเมตร ตัวเครื่องสามารถกรองอากาศเข้าได้ 3 ด้าน มีวงจรการไหลเวียนของอากาศจากหลังไปหน้า เรียกได้ว่าเป็นเครื่องกรองอากาศรถยนต์สุดอัจฉริยะที่คุ้มค่าอีกรุ่นหนึ่งเลย

  • กรอง PM 2.5: ได้
  • ราคาเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi SmartMi Car Air Purifier: 2,290 บาท

เครื่องฟอกอากาศพกพา Xiaomi

จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ Xiaomi

  • ค่า CADR สูงถึง 70 ลบ.ม./ชม. 
  • กรองฝุ่นได้สูงสุด 0.3  ไมครอน
  • ประหยัดพลังงาน ใช้ไฟน้อยแค่ 7 วัตต์
  • กรองอากาศได้รวดเร็วด้วยมอเตอร์ DC Brushless
  • ตัวเครื่องมีปุ่ม ปิด/เปิด, ไฟสถานะการทำงาน และคุณภาพอากาศ
  • มีโหมดเงียบ เสียงเบาเพียง 55 dB

8. เครื่องกรองอากาศในรถ Clair

อีกแบรนด์ที่อดแนะนำไม่ได้ก็คือ Clair ยี่ห้อเครื่องฟอกอากาศยอดนิยมจากประเทศเกาหลี ซึ่งมี Clair B เป็นเครื่องฟอกอากาศที่พกพาไปได้ทุกที่ จะใช้ในรถยนต์ รถเข็นเด็ก คาเฟ่ หรือโต๊ะทำงานก็ได้ ช่วยลดฝุ่น ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ หายใจได้สะดวกขึ้น โดยสามารถกำจัดสารก่อภูมิแพ้, เกสร, เชื้อรา, ควันบุหรี่, ก๊าซไอเสีย และฟอร์มาลดีไฮด์ได้

  • กรอง PM 2.5: ได้
  • ราคาเครื่องฟอกอากาศในรถ Clair B: 2,892 บาท

เครื่องกรองอากาศในรถ Clair

 

จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ Clair

  • เสียงเงียบมาก ๆ เพียง 34 dB
  • เทคโนโลยี Exclusive MAF กรองสูงสุดถึง 3 ระดับ
  • ไส้กรอง E2F ได้รับสิทธิบัตรจาก 27 ประเทศ ดักจับฝุ่นละเอียดถึง 0.1 ไมครอน
  • ใช้ระบบ Ionizer แบบโอโซนต่ำ ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
  • พัดลมหมุนได้ 180 องศา
  • ควบคุมการทำงานด้วยพัดลม 3 ระดับ

Clair Air purifier

9. เครื่องกรอง PM 2.5 ในรถ MITSUTA

เครื่องฟอกอากาศในรถ MITSUTA MCA101 มาในราคาย่อมเยา แต่ประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นไม่แพ้ใคร ไม่ว่าจะ PM2.5 แบคทีเรีย กลิ่นอับ กลิ่นน้ำมัน ควันรถ หรือแก๊สพิษ ก็เอาอยู่! สามารถหายใจได้เต็มปอดในรถ เพราะใช้ระบบกรองอากาศ 4 ขั้นตอน ได้แก่ Pre-Filter (กรองหยาบ) HEPA Filter (กรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก) Activated Carbon Filter (คาร์บอนกรองกลิ่นชนิดเม็ด) และ Ionizer (กรองอากาศให้บริสุทธิ์ ดักจับฝุ่นละอองและเชื้อโรคในอากาศ) 

  • กรอง PM 2.5: ได้
  • ราคาเครื่องฟอกอากาศในรถ MITSUTA MCA101: 2,490 บาท

 

เครื่องกรอง PM 2.5 ในรถ MITSUTA

จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ MITSUTA MCA101

  • ดังเพียง ≤ 30 dB เบาที่สุดในบรรดา 10 รุ่นที่แนะนำ
  • ใช้กำลังไฟฟ้าน้อยที่สุด เพียง 3 วัตต์เท่านั้น
  • กรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน
  • ดักจับฝุ่นละอองและฆ่าเชื้อแบคทีเรียด้วยการปล่อยประจุลบ Ionizer
  • มี Pre-Filter กรองเส้นผม ขนสัตว์ และเส้นใย
  • เสียบใช้งานกับ Power Bank ได้
  • ไฟ LED แบบ Colorful เปลี่ยนสีอัตโนมัติ เพิ่มความสนุกในการใช้งาน
  • ตัวเครื่องเป็น Aluminium Aloy เกรดพรีเมียม แข็งแรง ดูทันสมัย
  • มีไฟแสดงสถานะคุณภาพอากาศ อุณหภูมิ และความชื้นในอากาศ

10. เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Gmax

หากอยากได้ยี่ห้อเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ที่ราคาถูก ขอแนะนำ Gmax รุ่น Car Air Purifier HEPA H11 รุ่น AP-005 พกพาได้สะดวก สามารถใช้ในห้องขนาดไม่เกิน 15 ตร.ม. ได้ กำลังไฟฟ้า ≤ 8W มาพร้อมหน้าจอแสดงสถานะคุณภาพอากาศและความเร็วพัดลม

  • การกรอง PM 2.5: ได้
  • ราคาเครื่องฟอกอากาศ Gmax AP-005: 1,699 บาท

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Gmax

จุดเด่นเครื่องฟอกอากาศในรถ Gmax AP-005

  • ค่า CADR ในการดักจับฝุ่น PM 2.5 18 ลบ.ม./ชม. ด้วยการปล่อยประจุลบ Ionizer
  • กรองฝุ่น ควัน และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ด้วยไส้กรอง 3 ชั้น (Pre-Filter, HEPA, Carbon)
  • โหมด Auto ปรับความแรงพัดลมอัตโนมัติตามคุณภาพอากาศ
  • ระบบปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์ หรือใช้งานต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง
  • เพิ่มความหอมสดชื่นได้ง่าย ๆ ด้วยช่องใส่สำลีน้ำหอมในตัว
  • เสียงเบา ≤45 dB ไม่รบกวนตอนขับรถ


 

วิธีการเลือกเครื่องฟอกอากาศในรถ

  1. ประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น: ควรเลือกเครื่องที่มี HEPA Filter กรองได้ละเอียด ไมครอนยิ่งน้อย ยิ่งดี หากน้อยกว่า 0.3 ไมครอน ถือว่าสามารถดักจับเชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส สารก่อให้เกิดภูมิแพ้ และฝุ่นละอองได้

  2. ประสิทธิภาพในการกรองกลิ่น: เลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีชั้นกรอง Activated Carbon จะช่วยเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้ ยิ่งกรองสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ยิ่งดี โดยเฉพาะฟอร์มาลดีไฮด์ หากสูดดมนาน ๆ อาจเสียชีวิตได้

  3. อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR): ค่า CADR บ่งบอกถึงความสามารถในการฟอกอากาศของเครื่อง ยิ่งค่า CADR สูง ก็ยิ่งฟอกอากาศได้เร็วและมีประสิทธิภาพ

  4. ขนาดและตำแหน่งที่ติดตั้ง: เลือกขนาดที่เหมาะสม ดีไซน์ที่เข้ากับภายในรถ ครอบคลุมทุกที่นั่ง และไม่เกะกะพื้นที่

  5. ระดับเสียง: เลือกเครื่องที่มีโหมดการทำงานเสียงเบา ไม่รบกวนสมาธิขณะขับรถ ความดังอยู่ในระดับ 20-55 dB

  6. การชาร์จ: ตรวจสอบวิธีการชาร์จที่สะดวกและปลอดภัย เช็กความยาวของสายว่าพอหรือไม่

  7. เทคโนโลยีพิเศษ: เลือกเครื่องที่มีเทคโนโลยีพิเศษที่น่าเชื่อถือ มีงานวิจัยรองรับ และตรวจสอบมาตรฐานการผลิตก่อนซื้อทุกครั้ง

  8. ฟังก์ชันเพิ่มเติม: บางรุ่นอาจมีระบบแจ้งเตือนเมื่อต้องเปลี่ยนไส้กรอง, ระบบควบคุมความชื้น หรือระบบฆ่าเชื้อโรค

  9. ราคา: ควรเลือกยี่ห้อตามงบที่จ่ายไหว โดยเปรียบเทียบราคาและคุณสมบัติของแต่ละรุ่นเพื่อดูความคุ้มค่า

เครื่องฟอกอากาศไอออนลบ ดีไหม

เรามักจะเห็นหลายแบรนด์นำเสนอเครื่องฟอกอากาศแบบปล่อยประจุลบหรือไอออนลบ เพื่อไปดักจับสิ่งแปลกปลอมที่ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งประจุลบนั้นจะเข้าไปจับกับอนุภาคที่มีประจุบวก เช่น เชื้อไวรัสและแบคทีเรีย รวมถึงกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ นวัตกรรมนี้น่าสนใจ สามารถกำจัดเชื้อโรคและกลิ่นได้จริง แต่ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศยังดีไม่เทียบเท่ากับแบบที่ใช้แผ่นกรอง

สรุป

การเลือกเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์เป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่มลพิษทางอากาศเป็นปัญหาใหญ่ การมีเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์จะช่วยกรองฝุ่นละออง PM2.5 สารก่อภูมิแพ้ และเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เราต้องเผชิญขณะเดินทางได้ ซึ่งทำให้เราและผู้โดยสารได้รับอากาศที่สะอาดและบริสุทธิ์มากขึ้น

 

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com 

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ