เมื่อน้ำบุกรถ...ต้องตั้งสติและจัดการเบื้องต้นทันที มาดูขั้นตอนการทำความสะอาดรถเมื่อน้ำเข้าแบบหมดจด รวมถึงเคล็ดลับดีๆ ที่เลดี้นำมาฝากในช่วงวันหยุดสงกรานต์ปีนี้ค่ะ
สงกรานต์เปียกปอนแถมน้ำเข้ารถ ทำความสะอาดอย่างไรให้หมดจด ไร้กลิ่นอับ
เทศกาล "สงกรานต์" ความสนุกสุดเหวี่ยงที่มาพร้อมกับสายน้ำเย็นฉ่ำ แต่สำหรับคนใช้รถแล้ว สิ่งที่ตามมาหลังความสนุก อาจไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์นัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ "น้ำ" เจ้ากรรม ดันทะลักเข้ามาในรถยนต์คู่ใจ ไม่ว่าจะจากความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ซึ่งหากปล่อยปละละเลย อาจตามมาด้วย กลิ่นอับ เชื้อรา และความเสียหายต่ออุปกรณ์ภายในรถได้ ดังนั้นการทำความสะอาดอย่างหมดจดจึงเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้เลดี้มีวิธีรับมือ ถ้าน้ำเข้ารถของคุณควรจัดการและทำความสะอาดอย่างไรให้กลับมาสะอาดแบบไร้กลิ่นกวนใจ
เมื่อน้ำบุกรถ...ต้องตั้งสติและจัดการเบื้องต้นทันที
- ดับเครื่องยนต์: เพื่อป้องกันความเสียหายต่อระบบไฟฟ้าภายในรถ
- ประเมินสถานการณ์: ดูว่าน้ำเข้ามาในปริมาณมากน้อยแค่ไหน และมาจากส่วนใดของรถ (เช่น ประตู หน้าต่าง ช่องแอร์)
- นำสิ่งของมีค่าออกจากรถ: พวกเอกสารสำคัญ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือของใช้ส่วนตัวที่อาจเสียหายจากน้ำ ควรนำออกมาทันที
- เปิดประตูและหน้าต่าง: ถ้าน้ำไม่ได้เข้ามามากนัก การเปิดประตูและหน้าต่างทิ้งไว้จะช่วยระบายอากาศและความชื้นได้บ้าง
ขั้นตอนการทำความสะอาดรถเมื่อน้ำเข้า
-
ดูดน้ำออกให้มากที่สุด:
- ใช้ผ้าขนหนูหรือฟองน้ำ: ซับน้ำออกจากเบาะ พรม และพื้นรถให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามกดซับลึกลงไปเพื่อดึงน้ำที่ขังอยู่ภายในออกมา
- ใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบเปียกและแห้ง: หากมีเครื่องดูดฝุ่นประเภทนี้ จะช่วยดูดน้ำออกจากพรมและเบาะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
-
ถอดพรมและแผ่นรองพื้นออก: นำพรมและแผ่นรองพื้นทั้งหมดออกจากรถ เพื่อทำความสะอาดและตากแดดให้แห้งสนิท หากพรมเปียกชุ่มมาก อาจต้องนำไปซักด้วยน้ำยาทำความสะอาดสำหรับพรม แล้วตากแดดจนแห้งสนิท
-
เช็ดทำความสะอาดเบาะและแผงประตู:
- เบาะผ้า: ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนๆ บิดหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกและคราบแป้ง จากนั้นใช้ผ้าแห้งสะอาดซับน้ำออกให้มากที่สุด
- เบาะหนัง: ใช้ผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดสำหรับหนังโดยเฉพาะเช็ดทำความสะอาด แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดอีกครั้ง
- แผงประตู: ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนๆ เช็ดทำความสะอาด แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดตาม
-
ทำความสะอาดพื้นรถ: ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนๆ เช็ดทำความสะอาดพื้นรถให้ทั่ว หากมีคราบสกปรกฝังแน่น อาจต้องใช้แปรงขัดเบาๆ แล้วเช็ดออกด้วยผ้าสะอาด
-
อย่าละเลยช่องแอร์: หากน้ำกระเด็นเข้าไปในช่องแอร์ อาจทำให้เกิดกลิ่นอับได้ ควรเปิดพัดลมแอร์แรงสุด โดยไม่ต้องเปิดระบบทำความเย็น เพื่อไล่ความชื้นออก หรืออาจใช้สเปรย์ทำความสะอาดช่องแอร์โดยเฉพาะ
-
เปิดรถตากแดด: นำรถไปจอดในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก และเปิดประตูหน้าต่างทิ้งไว้ เพื่อให้ภายในรถแห้งสนิท แสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อราและลดกลิ่นอับได้เป็นอย่างดี อาจใช้พัดลมช่วยเป่าภายในรถเพื่อให้แห้งเร็วขึ้น
-
ใช้ผลิตภัณฑ์ดูดความชื้นหรือดับกลิ่น: หลังจากที่รถแห้งแล้ว อาจวางผลิตภัณฑ์ดูดความชื้น เช่น ถุงดูดความชื้น หรือเบกกิ้งโซดา ไว้ในรถ เพื่อช่วยดูดซับความชื้นที่อาจหลงเหลืออยู่ และลดกลิ่นอับ
-
ตรวจสอบระบบไฟฟ้า: หากน้ำเข้าในปริมาณมาก ควรนำรถไปให้ช่างผู้ชำนาญตรวจสอบระบบไฟฟ้า เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น
เคล็ดลับเพิ่มเติม
- ความรวดเร็วคือหัวใจสำคัญ: ยิ่งทำความสะอาดรถเร็วเท่าไหร่ โอกาสเกิดกลิ่นอับและเชื้อราก็จะน้อยลง
- อย่าใช้ความร้อนสูงเป่าเบาะผ้า: ความร้อนอาจทำให้เบาะผ้าหดตัวหรือเสียหายได้
- หากน้ำเข้าลึกถึงพรม: การถอดพรมออกมาทำความสะอาดด้านล่างอาจเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะน้ำอาจขังอยู่ใต้พรมได้
- กลิ่นอับฝังแน่น: หากทำความสะอาดเบื้องต้นแล้วยังมีกลิ่นอับหลงเหลืออยู่ อาจต้องใช้บริการร้านคาร์แคร์ที่มีบริการอบโอโซนเพื่อดับกลิ่น
สงกรานต์เป็นเทศกาลแห่งความสุข แต่ก็ต้องไม่ละเลยการดูแลรถยนต์คู่ใจของเรา การรับมือและทำความสะอาดรถอย่างถูกวิธีเมื่อน้ำเข้า จะช่วยให้รถของคุณกลับมาสะอาดสดใส ไร้กลิ่นอับ พร้อมลุยทุกการเดินทางครั้งต่อไปอย่างมั่นใจ ขอให้ทุกคนสนุกกับเทศกาลสงกรานต์อย่างปลอดภัยค่ะ
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น